ผีเจดีย์ร้างที่บ้านวังสิงห์คำ
เมื่อปี พ.ศ.2488 ปลายสงครามโลกครั้งที่ 2
ผมรู้จักหมอผีชื่อดังผู้หนึ่ง อยู่บ้านเด่น อำเภอเมืองเชียงใหม่ ชื่ออาจารย์จันทร์ ผู้ขมังเวทย์ ทรงคุณวิชาไสยเวทย์สารพัด ได้เล่าให้ผมฟังถึงการที่เคยได้รับลายแทงบอกที่ซ่อนขุมทรัพย์ฉบับหนึ่ง
ซึ่งเป็นสมบัติของคนไทยในสมัยอยุธยา
ที่เคยฝังไว้เมื่อคราวเสียกรุง ระบุถึงที่ซ่อนทรัพย์สินเงินทองที่ฝังไว้ไต้ฐานเจดีย์ร้าง ที่หมู่บ้านวังสิงค์คำ ริมฝั่งแม่น้ำปิง ซึ่งเป็นบ้านคหบดีชาวคริสเตียนผู้หนึ่ง
ภายในบริเวณบ้านซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 4ไร่
มีเจดีย์ร้างเก่าแก่สูงประมาณ 4 เมตร และมีตึกสีแดงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ข้างหลังเจดีย์ สถานที่นี้เป็นวัดร้าง
ไม่ค่อยมีใครกล้ามาอาศัยอยู่ เพราะลือกันว่า " ผีกั่น " เฮี้ยนมากๆ วันพระวันโกน จะมีเสียงร้องโหยหวนมากจากตึกอยู่เนืองๆ
อยู่มาวันหนึ่ง อาจารย์จันทร์ ก็ชวนบริวารลูกศิษย์
ไปลักขุดตามแผนที่ลายแทงในเวลาค่อนดึก ก่อนไปก็ได้จัดการอุ่นเครื่องเลี้ยงฉลองด้วย แม่โขง เมื่อพรองไปแล้ว 1 ขวดกลม
ขบวนนักขุดก็เริ่มดำเนินการขนหมูเห็ดเป็ดไก่ เครื่องเซ่นสังเวยใส่รถสามล้อ ถีบตรงไปที่เจดีย์ร้างดังกล่าว
เมื่อถึงอาจารย์จันทร์ก็จุดธูปเทียนบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง
แล้วจอมขมังเวทย์หมอผีชื่อดังก็เริ่มร่ายเวทมนตร์สยบผี โดยไม่ลืมวนด้ายสายสิญจน์ล้อมรอบตัวทุกคน อาจารย์เล่าด้วยขวัญที่ยังระทึกอยู่ไม่หายว่าเวลาค่อนข้างดึกของคืนนั้นเยือกเย็นและวังเวงอย่างบอกไม่ถูก
ลมเย็นหอบหนึ่งกระโชกพัดมากระทบกายอย่างแรงจนแสงไฟจากเทียนพิธีดับ เสียงหมาหอนเยือกเย็นแว่วรับกันเป็นทอดๆ
ขณะนั้นเอง ใต้ฐานเจดีย์ ที่เขานั่งทับทำพิธีก็มีเสียงกึกๆ กักๆ
ดังจากซ้ายไปขวา คล้ายเกิดการเคลื่อนย้ายสิ่งของหนักๆด้วยคนหลายคน เสียงบริกรรมเวทมนตร์ก็ละล่ำละลักดังกระชั้นถี่ ฉับพลันนั้นเอง อาจารย์จันทร์ก็กระชากดายลงอาคมปักไปตรงบริเวณเสียงที่ดังลั่นขึกๆ อยู่ใต้ดิน
โดยปักล้อมรอบเอาไว้ทั้งสี่ทิศ
เพื่อสกัดกั้นผีเฝ้าขุมทรัพย์มิให้ขนย้ายสิ่งของหลบหนี ทันใดนั้น บนยอดเจดีย์ก็มีเสียงร้องครวญครางราวกับได้รับความเจ็บปวด อาจารย์รีบยกจอบหมายจะขุดบริเวณที่ใช้ดาบปักล้อมไว้ข้างฐานเจดีย์
ขณะยกจอบเงื้อง่าจะขุด
อาจารย์จันทร์ก็ล้มหงายหลังอย่างแรง เหมือนมีมือปีศาจมากระชาก พวกเขาก็แตกฮือวิ่งเผ่นกระเจิงออกนอกรั้วโดยไม่มีใครสั่งใคร หมอผีเองก็เผ่นกระโจนตามกันออกมาชนิดตัวใครตัวมัน
อาจารย์จันทร์เล่าว่า
พวกเขาเป็นไข้หัวโกร๋นกันไปหลายวันโดยไม่ได้นัดหมายกันเลย แล้วก็เข็ดไม่ยอมเป็นนักธรณีวิทยานอกระบบขุดสมบัติลายแทงกันอีก ถึงจะมีสมบัติมากมายแค่ไหนก็จะไม่ขอแตะต้องอีกชั่วชีวิต
ข้อสังเกต ในบรรดานักขุดทั้งหลาย
มีอยู่คนหนึ่งได้ขุดสมบัติจนร่ำรวย โดยสามารถตั้งโรงเลื่อยได้ แต่แล้วโรงเลื่อยก็ถูกไฟไหม้ไม่รู้สาเหตุ ครอบครัวได้รับความวิบัติต่าง ๆ นานา เป็นที่โจษขานกันในเมืองเชียงใหม่มาจนกระทั่งบัดนี้
แหล่งที่มา:
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!