โรงแรมนรก


โรงแรมนรก


"ภูเบศว์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากห้องผีสิง

พนักงานของโรงแรมบอกผมว่าห้องข้างๆ ผมนี่ไม่มีใครอยู่ แต่ผมไม่เชื่อหรอกครับ เพราะได้ยินจริงๆ นี่นา...เสียงทะเลาะกันโวยวาย เสียงร้องกรี๊ดๆ

พอเงียบลงก็มีเสียงเลื่อนเก้าอี้ เลื่อนโต๊ะเข้ามาแทน ไม่รู้จะจัดอะไรกันนักหนา อย่างนี้ถ้าไม่ใช่คนก็ผีแน่ๆ

"ว่าแต่มันเป็นผีอะไร ผมอยากรู้นัก ผมไม่ใช่คนเชื่อเรื่องผีเสียด้วยซี!

ระหว่างคนกับผี ผมกลัวคนมากกว่าเพราะถือว่าคนทำร้ายเราได้ แต่ผีก็แค่มาหลอกหลอน

นี่ติ๊ต่างว่าผีมีจริงนะครับ แต่บอกแล้วไงว่าผมไม่เชื่อหรอก คนเราถ้าตายก็ดับสูญ สมองหยุดทำงาน...ทุกอย่างก็สิ้นสลาย

"เหมือนหลอดไฟที่แตก ไส้ขาด ก็ใช้การไม่ได้อีกต่อไป!

เหตุการณ์ที่ผมจะเล่านี่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อน ในโรงแรมแห่งหนึ่งที่พิษณุโลก ผมไปทำธุระที่นั่น และจะต้องอยู่ยาวราวๆ 10 วัน

จึงจะแล้วเสร็จ มันเป็นการอบรมพนักงานน่ะครับ มากัน 3 ผลัด ผลัดละ 3 วัน พวกเขาพักในค่าย

"ผมเองซึ่งเป็นฝ่ายบริหารส่วนบุคคลขอพักโรงแรมดีกว่า

...ผมมีรถขับเอง สะดวกสบาย เพราะนิสัยผมไม่ชอบปะปน นอนร่วมกับใคร โดยเฉพาะคนแปลกหน้า

ห้องที่ผมพักอยู่ชั้น 3 ของโรงแรม พอขึ้นลิฟต์มาประตูเปิดก็จะตรงกับประตูห้องผมพอดี!

"เคยได้ยินมาว่าลักษณะแบบนั้นเป็นอาถรรพณ์...

ไม่จริงหรอก สะดวกดีด้วยซ้ำ เดินออกจากลิฟต์แค่ไม่กี่ก้าวก็ไขประตูเข้าห้องเลย แต่คนที่กลัวอาถรรพณ์เขาบอกว่าถ้าดึกๆ เอาลูกตาเรามองตรง "ตาแมว" หรือกระจกกลมๆ เล็กๆ เราจะเห็น...ผี!!

ผมเองเคยลองมองดูนะครับ ไม่เห็นมีอะไรเลย แต่มันก็วังเวงใจน่าดู

"เมื่อกินข้าวเย็นเสร็จราวๆ ทุ่มเศษก็ขึ้นห้อง อาบน้ำ

เปลี่ยนชุดให้สบายๆ จากนั้นก็เอางานขึ้นมาทำ นอกจากบางวันที่ค่ายมีการเล่นภาคกลางคืน ผมก็จะไปดูแลจนกว่าจะเสร็จงาน...แต่คืนแรกที่ผมพักก็เจอเรื่องประหลาดทันที!

ราวๆ สองทุ่ม ผมได้ยินเสียงประตูห้องข้างๆ ปิดดังปังใหญ่ เล่นเอาสะดุ้ง เพราะตกใจจนใจหายวาบ แหม...เรากำลังตรวจงานเพลินๆ เล่นแบบนี้แย่จริงๆ ผมนึกค่อนใจว่า ช่างไม่มีมารยาทซะเลย

"เออ...ลืมเล่าไปว่า ระหว่างห้องผมกับห้องนั้นมีประตูเปิดถึงกันได้

ซึ่งต้องใช้กุญแจจากแม่บ้านเท่านั้นเพราะมันล็อกอยู่ และก็ไม่มีลูกบิดหรือกลอนอะไรทั้งสิ้น มีแต่ช่องกุญแจอย่างเดียวลุ่นๆ

หลังจากประตูปิดปังแล้วก็ได้ยินเสียงคนคุยกัน พวกเขาคงซื้อของมาด้วยถึงได้มีเสียงถุงก๊อบแก๊บดังอยู่ตลอด...ผมชักรำคาญแต่ไม่รู้จะทำยังไงดี ก็เลยก้มหน้าก้มตาตรวจงานต่อ...พอเริ่มมีสมาธิ หูก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นใด จนกระทั่ง...

"ปังๆๆๆๆ!! เสียงเขย่าประตูที่เปิดถึงกัน...มันจะเอาอะไรของมันวะ?

ผมยัวะขึ้นมา...ทำเอาตกใจจนผวาสุดขีดเป็นครั้งที่สองแล้วนะ! ตอนนี้ผมเริ่มคิดว่าห้องข้างๆ คงมีเด็กมาด้วย ถ้าเป็นผู้ใหญ่ทำละก็...ถ้าไม่บ้าก็คงใกล้จะตายแหละถึงได้เขย่าประตูชาวบ้านเขาแบบนี้น่ะ!

เงียบไปพักหนึ่งก็เขย่าอีกแล้ว...ปังๆๆๆๆ แล้วก็เงียบกริบ....ไม่ได้การละผมต้องทำให้เขารู้ซะบ้างว่าห้องนี้มีคนอยู่

"คิดแล้วก็ผลุนผลันลุกจากเตียงไปตบประตูสองปัง!

แค่นี้เขาก็ต้องรู้แล้วละ...ผมเอาหูแนบบานประตู ฟังซิว่าเขาจะว่ายังไงกันบ้าง? แต่ไม่มีเสียงอะไรเลย มันเงียบสนิทเหมือนไม่มีผู้มีคน เฮ้อ! แปลก...

ผมจ้องประตูบานนี้อยู่พักใหญ่ แล้วค่อยๆ ถอยมานั่งบนเตียง หยิบงานขึ้นมาตรวจต่อ...อ้าว? ยังไม่ทันรวบรวมสมาธิเลย ก็บังเกิดเสียงทะเลาะกับบ๊งเบ๊ง...มันเป็นภาษาจีนครับ ดังลั่นทีเดียว...เอ้า! ทะเลาะกันเข้าไป...สัก 5 นาทีก็หยุด แล้วเงียบกริบ

"ผมยอมแพ้ เปิดทีวีดูดีกว่า...จนสี่ทุ่มผมชักง่วงเลยปิดทีวีเข้านอน

ในความมืดสนิท ผมกำลังจะหลับก็พลันได้ยินเสียงเกาประตูแกร๊กๆ สักพัก...เขาทะเลาะกันอีกแล้ว คราวนี้นานเชียว เกือบ 20 นาทีได้...พอเหนื่อยก็ย้ายของกันละซิ เสียงเลื่อนเตียง เลื่อนตู้...เอ้า! โป๊ะไฟคงล้มดังโครม!

ไม่ไหวแล้ว ผมเองน่ะกว่าจะหลับได้ก็แทบแย่...พอรุ่งเช้าผมรีบไปบอกกับทางโรงแรม ผู้หญิงที่รับเรื่องผมทำหน้าพิกล ผมเห็นเธอขนลุกเกรียว แต่กลับบอกว่าไม่มีอะไร...แล้วจะจัดการให้

"คืนที่ 2 ที่ 3 เหตุการณ์ยังเหมือนเดิม

จนผมไปถามแม่บ้าน...เธอตบอกผางบอกเสียงสั่นรัวว่า "ย้ายห้องเถอะคุณ! ฉันจะช่วยคุยย้ายเอง ไปอยู่ที่ชั้น 4 เถอะ ห้องข้างๆ คุณน่ะไม่มีใครอยู่หรอกค่ะ!"

แล้วเธอก็มือไม้สั่น เปิดห้องนั้นให้ดู

แปลกประหลาดที่สุด ห้องนั้นไม่มีใครอยู่จริงๆ มันเหม็นอับและอึดอัดพิกล...แม่บ้านรีบปิดประตูล็อกแล้วเล่าว่า...

"ห้องนี้เคยมีคนไต้หวันมาพักสองคนผัวเมีย

แล้วก็ทะเลาะกันจนผัวระงับโทสะไม่ได้ เอาโป๊ะไฟขว้างเมียหัวแตกเป็นแผลฉกรรจ์ เธอคงกะโหลกแตก แต่ไม่ได้ตายทันที

เธอคงมาทุบประตูที่เชื่อมระหว่างห้อง ขอความช่วยเหลือ...เมื่อไปพบอีกทีเธอก็สิ้นใจในห้องนี้แหละ

"ผมจะเชื่อเรื่องผีดีมั้ยเนี่ย?

มันมีพลังลึกลับบางอย่างที่ผมปฏิเสธไม่ได้...ไม่เอาละ! ผมทำตามที่คุณแม่บ้านบอกดีกว่า

แต่ไม่ได้ย้ายห้องนอนนะครับ....ผมย้ายไปนอนค่ายกับพวกพนักงานบริษัท ปลอดภัยกว่ากันเยอะเลย!




แหล่งที่มา:


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์