เรื่องเล่าจากหลังวัด


เรื่องเล่าจากหลังวัด

หลังจากที่ทำงานประจำวันแล้ว วันนี้ผมต้องเข้าหมู่บ้านเสียหน่อยเพราะตั้งแต่คืนวานสิ่งบรรดาลความสุขของผมหมดลงพอดี จึงรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อให้ถึงหมู่บ้านก่อนสองทุ่ม

เนื่องจากในต่างจังหวัดนั้นร้านค้าจะปิดไวมาก เมื่อเรียบร้อยก็ปั่นจักรยานเข้าหมู่บ้านทันที สองข้างทางในเวลาพลบค่ำเช่นนี้มองดูอึมครึมน่ากลัวแม้ว่าจะพอมองลอดทะลุแนวต้นยางได้บ้างลางๆแต่ก็ยังน่ากลัว แสงจากตะเกียงแบตเตอร์รี่ของคนที่กรีดยางมองเห็นวับแวบไกลๆ ผมลืมบอกไปว่าที่แถวบ้านผมนั้นเขากรีดยางกันตั้งแต่เริ่มมืดกันเลย สองสามทุ่มก็เสร็จกันแล้ว

สภาพถนนจะขึ้นๆลงๆตลอดเวลาเพราะสภาพพื้นที่เป็นเนินๆและก่อนที่จะถึงเขตวัดผมก็ต้องผ่านเนินอีกลูกหนึ่งซึ่งสูงมาก นี่ถ้าหากเป็นวันที่ผมได้ดมกาวมาก่อนละก็เนินแค่นี้ผมปั่นข้ามได้สบายแต่วันนี้เรี่ยวแรงผมหดหายไปมากเพราะขาดของดีส่วนตัวเลยต้องจูงเอากันล่ะและเมื่อลงเดินความวังเวงของสองข้างทางยิ่งทำให้ผมปอดยิ่งขึ้น เสียงฝูงนกเป็ดที่บินผ่านไปร้องประสานกันดังแว่วๆอยู่ในความมืดด้านบน ผมเร่งฝีเท้าเพื่อจะได้พ้นๆเนินและขึ้นปั่นจักรยานเสียที

ขณะที่กำลังเร่งฝีเท้าอยู่นั่นเอง ผมก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอีกโขเมื่อเห็นแสงสว่างสาดข้ามเนินขึ้นมา

ดูจากความสว่างแล้วคงเป็นรถยนต์ที่ขับสวนมานั่นเอง แต่ก็แปลกตรงที่ไม่มีเสียงของรถยนต์เลยและก็ไม่ได้ผิดสังเกตอะไรคิดเอาว่าเพราะเนินสูงนี่เองที่กั้นเสียงเอาไว้ มีอย่างเดียวคือขอให้รู้ว่ามีคนผ่านมาก็พอ มาเริ่มผิดสังเกตตรงที่เหมือนว่าแสงนั่นเหมือนไม่มีการเคลื่อนไหวมาทางผมแต่กลับค่อยๆเลื่อนออกนอกทาง จะว่ารถเลี้ยวก็ไม่น่าจะใช่ เพราะตรงยอดเนินนี้ไม่มีทางแยกไปทางไหนเลย เป็นแนวต้นยางล้วนๆ

จนกระทั่งพ้นเนินขึ้นมา และมองเห็นที่มาของแสงสว่างเท่านั้น เลือดทุกหยดในตัวผมก็เหมือนว่ามันจะจับตัวกันเป็นก้อนขึ้นมาแทบจะทันที ขาของผมแข็งหยุดยืนอยู่กับที่สายตาเบิกค้างนิ่งจับอยู่ที่เบื้องหน้าทั้งที่อยากเบือนหนีแต่ก็ฝืนไม่ได้ ปลายจมูกเริ่มชาๆมันตึงไปจนถึงกกหูเหมือนถูกรัดด้วยหนังยางเส้นใหญ่จนน้ำตาปริ่มออกมา หนังศรีษะเกิดอาการคันขึ้นมาอย่างรุนแรงยังกับมีมดคันเป็นร้อยๆตัวรุมกัด มือกำแฮนด์จักรยานแน่นนิ่งอยู่ตรงนั้น

มันไม่ใช่รถยนต์หรือเครื่องกำเนิดแสงใดๆที่มนุษย์สร้างขึ้นเลยหากแต่สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาผมขณะนี้คือ

วัตถุทรงกลมใสเหมือนลูกแก้วขนาดลูกฟุตบอลที่เรืองแสงได้ น่าจะเรียกว่าส่องแสงได้มากกว่า กำลังลอยผ่านแนวต้นยางที่ความสูงในระดับสายตาไปอย่างช้าๆ บริเวณที่มันลอยผ่านไปสว่างโร่เหมือนมีไฟแสงจันทร์ริมถนนในตัวเมืองติดตั้งไว้ ลักษณะการเปล่งแสงไม่ใช่การกระพริบแต่สว่างจ้าตลอดเวลาก่อนจะหายเข้าไปทางด้านล่างของเนินซึ่งเป็นแนวทึบของป่าไผ่และกล้วยป่าที่ขึ้นปกคลุมสองฝั่งลำห้วยแต่ยังพอมองเห็นแสงที่ส่องลอดช่องระหว่างใบไม้ออกมาจนกระทั่งลับไปและทุกอย่างก็กลับอยู่ในสภาพอึมครึมของเวลาหัวค่ำปกติอีกครั้ง

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกินเวลาเพียงสามสี่นาทีเท่านั้น

ผมเริ่มขยับนิ้ว กระพริบตา ปล่อยจักรยานและทรุดนั่งด้วยอาการหมดแรงน้ำตาไหลพรากแต่ไม่มีอาการสะอื้นเลย 20 นาทีผ่านไปหลังจากที่เช็ดน้ำตาและรวบรวมเรี่ยวแรงพอไปต่อไหวจึงจูงจักรยานเดินลงเนิน เพราะไม่มีแรงปั่นแล้ว ผมพยายามคิดว่าตัวเองเมากาว แต่ว่ามันก็ไม่ได้ตกถึงปอดผมตั้งแต่เมื่อวานคงไม่เมาถึงวันนี้หรือว่าหิวกาวมากไปจนเกิดภาพหลอนขึ้นกันแน่

และก็สะดุ้งแทบเหวออีกหนกับเสียงทักดังๆจากคันคูบ่อสระน้ำใหญ่หลังวัด ไปไหนมา ผมหันขวับตามที่มาของเสียงทันที

จากน้ำเสียงกับบุคลิกท่าทางของบุคคลผู้นี้ต่อให้เห็นหน้าไม่ชัดเพียงใดทุกคนในหมู่บ้านแถบนี้รวมทั้งผมด้วยก็จำท่านได้ดี หลวงพ่อ !ผมอุทานด้วยอาการขนลุกแต่เกิดจากความดีใจและอุ่นใจสุดขีด จอดจักรยานแล้วรีบนั่งยองๆยกมือไหว้ท่วมหัวตอบด้วยเสียงที่ยังสั่นอยู่ มาจากสวนครับ จะเข้าไปซื้อของสักสองสามอย่าง ท่านหัวเราะเบาๆเป็นการรับรู้

ผมจึงถามท่านต่อ หลวงพ่อมาอยู่ตรงนี้นานแล้วหรือครับ

ชั่วโมงกว่าๆแล้วล่ะ ทำไมเหรอ ผมขนลุกอีกครั้งกับคำตอบของท่าน รีบถามท่านทันทีด้วยเสียงที่แหบๆ แล้ว......หลวงพ่อเห็น...เอ่อ....ผมถามได้แค่นั้น ท่านก็ตอบแบบที่ผมต้องทรุดเผละลงกับพื้นถนนตรงนั้น ด้วยน้ำเสียงที่เหมือนคุยเรื่องปกติ อ๋อ...ไอ้ลูกแก้วนั่นน่ะเหรอ เราก็นั่งดูตั้งแต่มันขึ้นตอนแรกแล้วล่ะ จากต้นมะหาดข้างหลังเอ็งนั่นแหละ ผมเหลียวหน้าเหลียวหลังอย่างหวาดระแวง ท่านกลับหัวเราะเสียอย่างนั้น แสดงว่าผมไม่ได้เมากาวหรือหิวกาวจนเกิดภาพหลอนขึ้นมาแต่อย่างใด

แล้ว....มันคืออะไรครับหลวงพ่อ ผมถามเพราะนึกคำถามนี้ได้เท่านั้น

คำตอบของท่านคือ ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปใส่ใจกับมันเลย ถึงเวลามันก็ออกของมันอย่างนี้แหละ ธรรมดาของของมันน่ะ แถวนี้มันออกประจำบางทีก็ลูกใหญ่บางทีก็ลูกเล็ก ไม่มีอันตรายกับคนเราหรอกผมยังกลัวอยู่มาก เลยถามต่อแล้วนี่ผมต้องทำอย่างไรดีครับนี่ เจอแบบนี้แล้วใจไม่ดีเลย

ไม่ต้องคิดมากหรอก ดีซะอีกที่เขามาให้เห็น แล้วนี่เอ็งก็คัดทหารมาแล้วนี่ ไม่คิดจะบวชหาพ่อแม่เอ็งบ้างหรือ เขาอาจมาเตือนเอ็งเรื่องนี้ก็ได้

หลังที่ได้พบเห็นเหตุการณ์และได้คุยกับหลวงพ่อในคืนนั้น ผมจึงตัดสินใจเลิกดมกาวและบวชกับท่านได้ครบ ๖ เดือนพอดีก็ลาสิกขาออกมา โดยระหว่างที่บวชอยู่นั้นหลวงพ่อท่านจะบอกให้ผมไปนั่งตรงคันคูสระน้ำตรงข้ามกับต้นหาดต้นนั้นทุกคืนวันแรม ๑๔ค่ำ ทุกวันนี้ผมไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่า เจ้าลูกแก้วส่องแสงนั่นคืออะไร..


ขอขอบคุณแหล่งที่มาจาก
เว็บไซด์พลังจิตดอทคอม


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์