พระก็ถูกวิญญาณเกาะได้


พระก็ถูกวิญญาณเกาะได้

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ได้เกิดขึ้นกับครอบครัวของดิฉันเอง เป็นประสบการณ์ทางวิญญาณที่ดิฉันไม่คิดว่าจะได้พบเจอในชีวิตนี้


เป็นเรื่องของพระพี่ชายของดิฉัน ซึ่งท่านได้ตัดสินใจบวชเป็นพระครั้งที่สอง เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๐ อายุท่านประมาณ ๔๓ ปี ในการบวชพระครั้งแรกนั้นเพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณพ่อแม่ ส่วนในครั้งสองนี้ท่านบวชเพราะต้องการหนีชิวิตทางโลก เพราะชีวิตครอบครัวมีปัญหาค่อนข้างวุ่นวาย ไม่มีความสุข (แต่ขณะที่ไปนั้น จิตใจท่านค่อนข้างว้าวุ่น ยังตัดขาดทางโลกอย่างเด็ดขาดไม่ได้)

เมื่อบวชแล้วก็จำวัดอยู่ ณ วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์แม้ว่ายังคงมีความวุ่นวายใจอยู่ ท่านได้ปฏิบัติกิจของสงฆ์มิได้ขาด


ต่อมาประมาณ ๕ - ๖ เดือน หลังจากนั้นมีคนนำสินค้าเข้ามาขายในวัด ท่านเกิดความสงสาร และซื้อสีผึ้งจากคนนั้น ซึ่งท่านก็ไม่รู้จักมา ก่อนมาเก็บไว้ (มาทราบภายหลังว่า คือสาเหตุที่ทำให้วิญญาณมาเกาะตัวท่าน จากการทดลองวิชาของผู้ที่ชอบเล่นคุณไสยฯ) ท่านก็จะมีอาการร้อนวูบหวาบ ขนลุกซู่ๆ ตามตัว มีอาการปั่นป่วนในท้อง ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับ และเวลาเข้าโบสถ์จะสวดมนต์ หรือนั่งสมาธิก็จะทำได้ไม่นาน เพราะอาการต่าง ๆ ก็จะเริ่มมารบกวนจิตใจ ไม่มีสมาธิที่จะปฏิบัติธรรมได้ อาการเป็นต่อเนื่อง จนอาการหนักมาก สุขภาพร่างกาย ทรุดลง จนคิดว่าจะต้องตายแน่นอน ในช่วงนั้นท่านก็ไปรักษาตัวกับหลวงพ่อที่อยู่ต่างวัดกันในจังหวัดนครสวรรค์ ไปรักษาหลายครั้งด้วยกันอาการก็ไม่ดีขึ้น แต่กลับมีอาการแย่ลงไปเรื่อย ๆ


นอกจากพระพี่ชายของดิฉันซื้อสีผึ้งและยังมีเณรท่านหนึ่งซื้อสินค้านั้นด้วยเช่นกัน อาการของโรคที่เป็นคล้ายกันกับพระพี่ชายของดิฉัน แต่สามเณรสามารถเห็นวิญญาณ ที่แฝงอยู่มารบกวน และมาทำร้ายเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรค เมื่อเห็นดังนั้นแล้วเลยคุยกับพระพี่ชาย จึงได้ไปหาพระอาจารย์เพื่อรักษาตัวตามที่ต่าง ๆ อย่างที่เล่าไว้ด้านบน และก็ท่านก็โทรมาเล่า ให้ฟังว่าเกิดเรื่องอย่างนั้นกับท่าน


เมื่อรับรู้เรื่องราวจากพระพี่ชาย ดิฉันก็นึกถึงพี่คนหนึ่งที่ทำงานเดียวกัน ได้แนะนำให้ดิฉันพาท่านไปรักษาตัวกับอาจารย์ ที่อยู่จังหวัดแพร่ ดิฉันได้แจ้งพระพี่ชายว่าจะไปรักษาตัว ท่านก็เหมือนไม่อยากไป บ่ายเบี่ยงจนดิฉันและพี่น้องค่อนข้างอึดอัดใจ แต่ต่อมาภายหลังก็ยอมไป โดยที่ดิฉันและพวกพี่น้องขับรถไปส่งท่าน


วันที่ไปพบอาจารย์ ท่านก็ทำงานประจำอยู่ พร้อมกับการรักษาคนไปด้วย (ใช้เวลาว่างขณะทำงาน) อาจารย์รักษาโดยการใช้มีดหลวงพ่อเดิมกดลงตามร่างกาย ไล่ตั้งแต่ศีรษะลงไปจนถึงปลายเท้า ระหว่างที่รักษาท่านจะมีอาการเจ็บม๊ากๆๆ จนทนไม่ไหวต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อยกมีดออกมา จะเห็นรอยไหม้เกิดขึ้นที่ผิวหนังอย่างชัดเจน ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ญาติ ๆ และตัวดิฉันได้เกิดความสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไร จึงให้เพื่อนบ้านของดิฉันที่ไปด้วยกัน ขอลองใช้มีดกดลงที่จุดเดียวกันโดยให้กดแรง ๆ ปรากฏว่าท่านไม่เจ็บเหมือนอาจารย์รักษา หลวงพี่ท่านได้รับการรักษา ถึง ๒ ครั้ง ในวันเดียวกัน ท่านมีอาการดีขึ้นพอสมควร แต่ก็ยังไม่หายขาด อาจารย์ แนะนำให้ปฏิบัติ สวดมนต์ ภาวนา ให้มาก ๆ และแผ่บุญกุศลให้กับวิญญานที่แฝงอยู่ อาการโรคต่าง ๆ ที่เป็นอยู่ ก็จะหายไปเอง ดิฉันได้โทรศัพท์ติดตามถามอาการของหลวงพี่เป็นระยะ ๆ ว่าดีขึ้นมากน้อยเพียงไร หลวงพี่ก็บอกว่าดีขึ้นเรื่อย ๆ และสภาวะจิตก็ดีขึ้นมาก


เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ดิฉันได้ข้อคิด คือ ถึงแม้จะอยู่ในร่มกาสาวพัด แต่เพียงจิตใจที่ยังมีความขุ่นเคือง ว้าวุ่น และไม่สามารถที่จะละวางเรื่องทางโลกได้ ก็หนีไม่พ้นสภาวะการถูกก่อกวน และการแฝงตัวของวิญญาณ หรือ การรับเวทมนต์ คุณไสย ต่าง ๆ ได้ อย่างง่ายดาย ดังนั้น

การสวดมนต์ ภาวนา เพื่อเป็นสร้างบุญกุศลให้ตัวเองมากๆ บุญนี้จะคอยเป็นเกราะแก้วป้องกันภัยต่าง ๆ จากสิ่งที่มองเห็น และมองไม่เห็น และที่สำคัญเป็นการกระทำที่ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เลย


ขอบคุณเรื่องเล่าจาก
พลังจิตดอทคอม


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์