เรื่องอยากเล่นด้วย


เรื่องอยากเล่นด้วย

ฉันยังจำได้ดี ตอนนั้นเป็นช่วงที่ฉันเพิ่งเข้าปี 1 เพิ่งรู้จักเพื่อนใหม่

ในวันหนึ่งเพื่อนๆได้ชวนกันไปเที่ยวบ้านผีแถวรามคำแหงกัน มีไปกันเป็นระลอกๆ ซึ่งพวกฉันก็เป็นหนึ่งในพวกอยากลองของ แต่หลังจากที่พวกฉัน และกลุ่มก่อนหน้านี้ได้สำรวจดู ยังไม่ปรากฏว่ามีสิ่งใดผิดปกติ จนฉันและเพื่อนต่างคิดว่าไม่มีอะไรที่บ้านหลังนั้น จวบจนเวลาผ่านไป จนฉันและเพื่อนๆกำลังจะขึ้นปี 2 ทุกวันนี้ฉันยังจำได้ดี วันนั้นหลังจากพวกฉันและเพื่อนๆเลิกเรียน พวกเรายังอยู่นั่งเล่นและทายไพ่กันจนดึก โดยฉันนี่ล่ะที่เป็นคนดูดวงความรักให้เพื่อนชาย...ต้น ซึ่งผลออกมาคือไม่สมหวัง ....ทำให้หดหู่กันใหญ่ วันนั้นกว่าพวกเราจะแยกย้ายกันกลับบ้านก็เกือบเที่ยงคืน ต้น เพื่อนชายที่มีรถและกลับบ้านทางเดียวกับฉัน มีอาการแย่ที่ดวงความรักไม่เป็นไปตามที่ต้องการ

ขณะขับรถกลับบ้านวันนั้นต้นขับรถกะบะ ไม่มีแค๊ปมา

ด้านหน้าคู่คนขับเป็นเพื่อนชายอีกคนคือเดี่ยว ส่วนตัวฉันนั่งอยู่หลังกะบะ ต้นเปรยขึ้นมาอย่างหดหู่ว่ารู้สึกแย่ จึงชวนไปบ้านผีตรงรามคำแหงกัน ก่อนที่พวกฉันจะตอบอะไรไป ต้นก็ขับรถตรงเข้าไปตามทางที่บ้านผีหลังนั้น รถค่อยๆขับเข้ายิ่งลึกทางก็ยิ่งรกร้าง ขรุขระและมืด ระหว่างทางฉันและเดี่ยว ยังพูดสนุกสนานกันเหมือนจะไปปิ๊กนิ๊ก ต่างแซวต้นอย่างสนุกสนานว่าทำไมรู้สึกแย่แต่ไปบ้านผี และทันทีที่ถึงบ้านผีหลังนั้น แน่นอนมันคือบ้านผีหลังเดียวกับที่ฉันและเพื่อนๆเคยมาสำรวจกัน และไม่พบอะไร หากแต่วันนี้มันต่างกันที่เวลาและจำนวนคน เพราะตอนนั้นที่พวกฉันและเพื่อนๆมาสำรวจกันมีกันมากกว่า 15 คน และเป็นเวลาประมาณ 2ทุ่มกว่าๆ ...ไม่เหมือนตอนนี้ที่เกือบจะเป็นเวลาตีหนึ่ง เดี่ยวเริ่มหน้าเครียด และมองบรรยากาศรอบๆตัว ขณะที่ต้นดับเครื่องและกำลังจะลงจากรถ เดี่ยวก็เริ่มโวยวายไม่ต้องการจะลง ต้นหันมาถามฉันว่าฉันจะเอาอย่างไร

ฉันตอบว่าอย่างไรก็ได้ในเพราะในเมื่อฉันเคยมาที่นี่และไม่เจออะไรนี่

แต่ฉันไม่ได้บอกเดี่ยวไปหรอก ว่าฉันไม่ได้เจออะไรในกอไผ่เหมือนที่นายเดี่ยวนึกกลัว ระหว่างที่เดี่ยวยังเถียงกับต้น ฉันมองผ่านกระจกไปที่ตัวตึกร้าง ที่ยังคงมีคนมือบอนเขียนพ่นสี เต็มไปหมด และคำว่า บ้านนี้ผีดุยังคงอยู่เหมือนในความทรงจำที่ฉันมาครั้งแรก ที่ด้านบนสุดของตึกเหมือนเป็นหน้าจั่วบ้าน มองไล่ไประหว่างรอเดี่ยวกับต้น เถียงจะลงไม่ลงจากรถ จนเมื่อฉันมองถึงด้านบนสุด ฉันก็รู้สึกถึงอาการที่เรียกว่า มือเย็นเท้าเย็น และไม่รู้อุปทานไปหรือเปล่าที่บรรยากาศเริ่มเย็นไปด้วย เพราะมีเงาผู้หญิงเหมือนใส่ชุดสีขาวผมยาวกำลังนั่งที่หน้าจั่วบ้านและก้มมองมาที่ฉัน ทันทีที่ฉันหาเสียงเจอ ฉันรีบบอกเดี่ยวและต้นทันทีว่า เฮ้ย..ไปกันเถอะ เท่านั้นทั้งสองหยุดเถียงกันทันที และหันมามองหน้าฉัน เพราะทั้งคู่ต่างรู้ดีว่า ฉันมีนสัมผัสที่หก แม้จะไม่แรงแต่ถ้าฉันเงียบหรือแสดงอาการผิดปกติอะไรทุกคนก็จะรู้ว่า

ฉันกำลังเจอแล้ว ต้นไม่รอช้าทันทีที่ตั้งสติได้ก็สตาร์ทรถและออกตัวทันที

ทางด้านเดี่ยวมีอาการเกร็งอย่างเห็นได้ชัด ฉันรวบรวมความกล้ามองไปยังหน้าจั่วบ้านนั้นอีกครั้ง ไม่มีอะไร ฉันได้แต่แอบถอนหายใจ แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก เพราะทันทีที่ตาฉันเหลือบไปมองที่กะบะหลัง เธอนั่งอยู่บนของด้านหลังกะบะที่มุมซ้ายมือสุด ฉันและเธอห่างกันแค่ไม่ถึงเมตร ฉันรีบหันกลับมาและไม่กล้าหันกลับไปมองอีก หลังจากนั้นฉันรวบรวมความกล้าบอกต้นว่า ให้ส่งฉันแค่หน้าปากซอยก็พอ เดี๋ยวฉันเดินกลับเอง และเมื่อถึงหน้าปากซอยคอนโด ฉันก็ลงจากรถและมองเธอซึ่งยังคงนั่งอยู่หลังกะบะนั่งตามรถต้นไป ฉันไม่รู้ว่า เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นหรือเปล่า แต่ฉันก็ได้บอกเล่าเรื่องนี้ในตอนเช้าทันทีที่เจอต้นในห้อ เรียน และหลังจากนั้น เราก็นัดไปทำบุญให้กับเธอ จวบจนปัจุบันนี้ฉันยังไม่รู้ว่าเธอผู้นั้นยังคงอยู่ที่บ้านของต้นอยู่หรือเปล่า................




เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์