ผีหัวขาดในโรงพิมพ์


ผีหัวขาดในโรงพิมพ์

โรงพิมพ์ที่ผมจะนำมาเล่านี้มีที่ตั้งอยู่ริมถนนวิภาวดีรังสิตตั้งอยู่ในเขตหลักสี่กรุงเทพมหานครนี่เองครับ

เป็นสถานที่กว้างใหญ่มีเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ปัจจุบันบริษัทรักษาความปลอดภัยระดับนานาชาติมาเช่าเป็นสถานที่ทำการของบริษัท เดิมอาคารที่ตั้งโรงพิมพ์นั้นได้ก่อสร้างมานานตั้งแต่ปี 2525 ปัจจุบันมีอายุ 26 ปีแล้ว ที่ดินที่หลักสี่นี้เดิมมีอาณาเขตกว้างขวางนับหมื่นไร่เคยเป็นสนามรบในสมัยกบฎบวรเดชเมื่อวันที่ 11-20 ตุลาคม ปีพ.ศ.2476 บริเวณสนามรบนั้นมีอาณาเขตระหว่างสถานีรถไฟหลักสี่ ศูนย์การค้าไอทีสแควร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร วัดพระศรีมหาธาตุบางเขน วงเวียนหลักสี่ กรมทหารราบที่11 รักษาพระองค์

ผู้เฒ่าคนเก่าแก่ย่านหลักสี่เล่าให้ฟังว่าการรบที่ท้องทุ่งหลักสี่ระหว่างทหารฝ่ายรัฐบาลที่นำโดยจอมพลแปลก พิบูลสงคราม

ยศในขณะนั้นเป็นพันโทกับทหารกบฎที่มีพลเอกพระองค์เจ้าบวรเดชเป็นผู้นำนั้นมีการยิงต่อสู้ปะทะกันนานถึง 1 สัปดาห์มีการทหารทั้ง 2 ฝ่ายล้มตายและบาดเจ็บนับร้อยๆคน หลังจากนั้นมีการนำเอาอัษฐิทหารที่ตายไปไว้ที่อนุสาวรีย์ปราบกบฎที่วงเวียนหลักสี่ตรงข้ามสถานีตำรวจนครบาลบางเขน

หลังจากนั้นมีการทำพิธีศพทหารที่ตายแค่ครั้งเดียวและไม่มีการปัดรังควานไล่ผีที่ตายในบริเวณดังกล่าวด้วย

เมื่อมีการสร้างมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครนั้นได้มีการนิมนต์พระมาปัดรังควานไล่ผีไปแล้ว แต่ก็มีข่าวเล่าลือกันต่อๆมาว่าช่วงดึกๆในบริเวณมหาวิทยาลัยนั้นมีคนพบคนแต่งเครื่องแบบทหารในสมัยรัชกาลที่ 7 มีร่องรอยบาดเจ็บบางคนเป็นลักษณะผีหัวขาดเดินไปรอบๆที่ดินของมหาวิทยาลัย

ส่วนที่โรงพิมพ์ดังกล่าวที่ตั้งตรงข้ามสถานีรถไฟหลักสี่นั้น เป็นที่ตั้งของหนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่ง

บรรดาผู้สื่อข่าวและพนักงานโรงพิมพ์ฉบับนั้นรวมทั้งผมเองที่เคยนอนในอาคารสำนักงานของหนังสือพิมพ์เคยฝันเห็นคนตายมีลักษณะเป็นผีหัวขาดมาเดินรอบๆที่เตียงนอนหลายครั้ง บางคนก็บอกว่าพบเห็นคนหัวขาดเดินท่อมๆในตึกโรงพิมพ์ชั้นที่ 2 พอเอาไฟฉายส่องไปก็หายวูบไม่มีร่างคนปรากฎให้เห็น บางครั้งก็มีเสียงสุนัขหอนดังมารอบๆตึก

พนักงานผู้ชายประจำโรงพิมพ์ที่ทำหน้าที่เป็นเวรยามและโอเปอเรเตอร์ภาคกลางคืนหลังเวลา 22 น.ของแต่ละวัน

คนหนึ่งได้เล่าให้ผมที่เป็นผู้เขียนฟังว่าคืนหนึ่งในฤดูฝนมีฝนตกหนักในปี 2549 ที่ผ่านมา นอนเฝ้าทางเข้าอาคารสำนักโรงพิมพ์ตืนขึ้นมาตอนตีสามครึ่งมองไปเห็นมีชายผิวคล้ำไม่มีหัวแต่งกายในเครื่องแบบทหารในสมัยรัชกาลที่ 7 เดินมาที่หน้าอาคารพอส่องไฟฉายไปก็ไม่มีร่างให้พบเห็น พนักงานคนนั้นบอกว่าตกเช้าจึงได้ไปใส่ทำบุญใส่บาตรให้พระภิกษุเพื่อขอสมาลาโทษและขอว่าอย่ามาปรากฎให้เขาเห็นอีกในเวลาที่เขาเข้าเวรซึ่งต่อมาเขาผู้นี้ไม่พบผีหัวขาดอีก แต่เวลาคนอื่นมานอนเข้าเวรก็มักจะพบเห็นกันบ่อยๆมีการเล่าลือไปในหมู่พนักงานของหนังสือพิมพ์รายวันฉบับดังกล่าวเสมอๆจนเจ้าของโรงพิมพ์ต้องนิมนต์พระมาปัดรังควานทุกๆปี

ขอบคุณเรื่องเล่าจาก
ช็อคเอฟเอ็มออนไลน์ดอทคอม


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์