ล่าวิญญาณ
"ป้าน้อย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากสวนมะลิ
ข่าวลือเรื่องยมทูตจะมาเอาวิญญาณมนุษย์มีมานานแล้วนะคะ แถมหลายรูปแบบอีกต่างหาก เช่นจะมาเอาชีวิตคน "ปีมะ" บ้าง คนเกิดวันนั้นวันนี้บ้าง รวมทั้งพระราหูก็มีข่าวว่าจะเอาชีวิตคนเป็นเครื่องเซ่น ต้องสังเวยหรือบูชาด้วยอาหารที่มีสีดำล้วนๆ ตามสีกายของพระราหูจึงจะรอดชีวิตได้
คนไม่เคยเห็นไก่ดำ ทั้งเนื้อและกระดูกดำหมด ก็จะได้เห็นและได้กินกันคราวนี้แหละ
แม้แต่เรื่อง "ใหลตาย" ก็เชื่อถือกันว่าเป็นอาถรรพณ์จากยมทูตบ้าง จากผีแม่ม่ายที่จะมาล่าวิญญาณพวกผู้ชายหนุ่มๆ บ้าง ต้องหาทางแก้ไขหรือป้องกันหลากหลายรูปแบบ
คือมีทั้งทาเล็บด้วยสีแดงเพื่อหลอกผีแม่ม่ายว่าเป็นผู้หญิง เพราะถ้าผีคิดว่าไม่ใช่ผู้ชายก็จะไม่เอาวิญญาณไปให้เสียเวลา
บางหมู่บ้านทางภาคอีสานก็ใช้ชีวิตเอาไม้มาแกะเป็นรูปอวัยวะเพศชาย เรียกว่า "ปลัดขิก" ค่อนข้างใหญ่โต ทาสีแดงส่วนปลายให้โดดเด่นเป็นพิเศษ แล้วตั้งตระหง่านไว้หน้าบ้าน เชื่อว่าถ้ามีผีแม่ม่ายผ่านมาเห็นเข้า ก็จะรู้สึกพออกพอใจกับ "ปลัด" นั้นๆ จนไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์ผู้ชายตัวเล็กๆ อีกต่อไป
เรื่องราวทำนองนี้อาจจะมีผู้ยิ้มเยาะก็ได้ นอกจากจะไม่เชื่อถือแล้วยังเห็นเป็นเรื่องตลกขบขันอีกต่างหาก แต่ขอบอกว่าอย่าลืมคติเตือนใจที่สำคัญอย่างเด็ดขาด
"ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!!"
ดิฉันเคยมีประสบการณ์น่าสยดสยองมากับตัวเอง ทุกวันนี้นึกถึงแล้วยังขนหัวลุกอยู่เลยค่ะ
สมัยเด็กดิฉันอยู่สวนมะลิ ใกล้ๆ กับโรงพยาบาลกลาง แถวห้าแยกพลับพลาชัยนี่เอง...บ้านเช่าของพวกเราอยู่หลังตึกแถวริมถนน มีทั้งเรือนแถวและบ้านเล็กเรือนน้อยที่ปลูกติดๆ กัน ตอนกลางคืนค่อนข้างเงียบเหงา เพราะผู้คนและรถรายังไม่หนาแน่นเหมือนสมัยนี้
ช่วงนั้นมีข่าวลือเรื่องยมทูตจะมาเอาชีวิตมนุษย์ โดยไม่ได้เจาะจงว่าจะเป็นหญิงหรือชาย เกิดปีมะหรือไม่ หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวว่ามีคนตายโดยไม่มีสาเหตุบ่อยๆ ทั้งโคราชและลพบุรี ทางตะวันออกก็มีที่อำเภอสัตหีบค่ะ
ถ้าเป็นสมัยหลังๆ คงจะเรียกว่า "ใหลตาย" แล้วนะคะ
วิธีป้องกันก็คือเอายันต์ของหลวงพ่อต่างๆ ติดไว้หน้าบ้าน ส่วนคนจีนก็มียันต์เช่นกัน บางคนเรียกฮู้เหมือนกับการรักษาเด็กที่เป็นคางทูม...ในกรุงเทพฯ ก็ลือกันว่ามีคนตายที่บางโพและภาษีเจริญ เล่นเอาชาวบ้านร้านช่องตื่นเต้นเพราะอารามกลัวตายไปตามๆ กัน
ที่สวนมะลิก็เริ่มมีความน่ากลัวแผ่ซ่านเข้ามา เมื่อมีคนตายแบบนอนหลับไม่ตื่นติดๆ กัน ทั้งหนุ่มสาวและแก่ชรา ไม่ถึงกับวันเว้นวันหรอกค่ะ แต่หลับตายอาทิตย์ละคนสองคน เดี๋ยวบ้านนั้น เดี๋ยวบ้านนี้...ขวัญหนีดีฝ่อกันไปหมดซีคะ
จนกระทั่งถึงคืนเกิดเหตุสยอง!
คืนนั้นอากาศค่อนข้างหนาว ดิฉันนอนในมุ้งกับยาย พ่อแม่นอนกับน้องในห้องข้างๆ ขณะที่กำลังขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มก็สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก...นอกจากเสียงยอดตองของกล้วยกอใหญ่ริมหน้าต่างจะสะบัดตามแรงลมแล้ว สรรพสิ่งก็ตกอยู่ในความเงียบเชียบ...ไม่มีแม้แต่เสียงรถยนต์ที่เคยดังแว่วมาเข้าหูด้วยซ้ำ
บ้านไหวเยือก กระดานลั่นเอี๊ยด เหมือนมีอะไรบางอย่างกระโดดลงมาที่ระเบียง
แสงไฟจากภายนอกส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา ดิฉันหันไปมองยายที่นอนตะแคงหลับสนิท ลมหายใจดังเบาๆ เป็นระยะสม่ำเสมอ...เสียงประตูเปิดแอ๊ด...
คราวนี้เล่นเอานอนตัวแข็งทื่อ แขนขาชาดิกไปหมด...ก็เราปิดประตูใส่กลอนแล้วนี่นา ทำไมมันถึงเปิดเข้ามาได้? อยากจะปลุกยายก็ไม่มีแรงขยับ ปากลิ้นชาไปหมดจนพูดไม่ออกเมื่อเห็นร่างดำๆ เตี้ยๆ เหมือนเด็กราวสิบขวบก้าวเข้ามาในห้องช้าๆ กลิ่นเหม็นอับโชยเข้ามาในมุ้งจนแทบจะหายใจไม่ออก
คุณพระช่วย! เมื่อมันใกล้เข้ามาจึงได้เห็นว่าไม่ใช่เด็กๆ แต่เป็นหญิงแก่หลังโกงเสื้อผ้าสีดำ ผมยาวสยายประบ่า...มันหันมามองช้าๆ จนดิฉันต้องกลั้นลมหายใจ...ขณะนั้นเองมันก็เปิดมุ้งขึ้นช้าๆ กลิ่นเหม็นยิ่งรุนแรงจนแทบสำลัก
นรกเป็นพยาน! ใบหน้านั้นเหี่ยวย่น นัยน์ตาแดงจ้าเหมือนแสงไฟ แสยะยิ้มจนใบหน้าเหี่ยวย่นไม่ผิดกับผีตายซาก...ดิฉันคิดว่าตัวเองหลับตาร้องกรี๊ด...แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ความรู้สึกวูบวับดับหายไปบัดดล
เมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็พบว่ายายนอนหงายลืมตาโพลง เหมือนมองเห็นภาพที่น่าเกลียดน่ากลัวอย่างล้นเหลือ...ยมทูตกระชากวิญญาณยายของดิฉันไปจริงๆ ค่ะ!
ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
ข่าวลือเรื่องยมทูตจะมาเอาวิญญาณมนุษย์มีมานานแล้วนะคะ แถมหลายรูปแบบอีกต่างหาก เช่นจะมาเอาชีวิตคน "ปีมะ" บ้าง คนเกิดวันนั้นวันนี้บ้าง รวมทั้งพระราหูก็มีข่าวว่าจะเอาชีวิตคนเป็นเครื่องเซ่น ต้องสังเวยหรือบูชาด้วยอาหารที่มีสีดำล้วนๆ ตามสีกายของพระราหูจึงจะรอดชีวิตได้
คนไม่เคยเห็นไก่ดำ ทั้งเนื้อและกระดูกดำหมด ก็จะได้เห็นและได้กินกันคราวนี้แหละ
แม้แต่เรื่อง "ใหลตาย" ก็เชื่อถือกันว่าเป็นอาถรรพณ์จากยมทูตบ้าง จากผีแม่ม่ายที่จะมาล่าวิญญาณพวกผู้ชายหนุ่มๆ บ้าง ต้องหาทางแก้ไขหรือป้องกันหลากหลายรูปแบบ
คือมีทั้งทาเล็บด้วยสีแดงเพื่อหลอกผีแม่ม่ายว่าเป็นผู้หญิง เพราะถ้าผีคิดว่าไม่ใช่ผู้ชายก็จะไม่เอาวิญญาณไปให้เสียเวลา
บางหมู่บ้านทางภาคอีสานก็ใช้ชีวิตเอาไม้มาแกะเป็นรูปอวัยวะเพศชาย เรียกว่า "ปลัดขิก" ค่อนข้างใหญ่โต ทาสีแดงส่วนปลายให้โดดเด่นเป็นพิเศษ แล้วตั้งตระหง่านไว้หน้าบ้าน เชื่อว่าถ้ามีผีแม่ม่ายผ่านมาเห็นเข้า ก็จะรู้สึกพออกพอใจกับ "ปลัด" นั้นๆ จนไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์ผู้ชายตัวเล็กๆ อีกต่อไป
เรื่องราวทำนองนี้อาจจะมีผู้ยิ้มเยาะก็ได้ นอกจากจะไม่เชื่อถือแล้วยังเห็นเป็นเรื่องตลกขบขันอีกต่างหาก แต่ขอบอกว่าอย่าลืมคติเตือนใจที่สำคัญอย่างเด็ดขาด
"ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!!"
ดิฉันเคยมีประสบการณ์น่าสยดสยองมากับตัวเอง ทุกวันนี้นึกถึงแล้วยังขนหัวลุกอยู่เลยค่ะ
สมัยเด็กดิฉันอยู่สวนมะลิ ใกล้ๆ กับโรงพยาบาลกลาง แถวห้าแยกพลับพลาชัยนี่เอง...บ้านเช่าของพวกเราอยู่หลังตึกแถวริมถนน มีทั้งเรือนแถวและบ้านเล็กเรือนน้อยที่ปลูกติดๆ กัน ตอนกลางคืนค่อนข้างเงียบเหงา เพราะผู้คนและรถรายังไม่หนาแน่นเหมือนสมัยนี้
ช่วงนั้นมีข่าวลือเรื่องยมทูตจะมาเอาชีวิตมนุษย์ โดยไม่ได้เจาะจงว่าจะเป็นหญิงหรือชาย เกิดปีมะหรือไม่ หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวว่ามีคนตายโดยไม่มีสาเหตุบ่อยๆ ทั้งโคราชและลพบุรี ทางตะวันออกก็มีที่อำเภอสัตหีบค่ะ
ถ้าเป็นสมัยหลังๆ คงจะเรียกว่า "ใหลตาย" แล้วนะคะ
วิธีป้องกันก็คือเอายันต์ของหลวงพ่อต่างๆ ติดไว้หน้าบ้าน ส่วนคนจีนก็มียันต์เช่นกัน บางคนเรียกฮู้เหมือนกับการรักษาเด็กที่เป็นคางทูม...ในกรุงเทพฯ ก็ลือกันว่ามีคนตายที่บางโพและภาษีเจริญ เล่นเอาชาวบ้านร้านช่องตื่นเต้นเพราะอารามกลัวตายไปตามๆ กัน
ที่สวนมะลิก็เริ่มมีความน่ากลัวแผ่ซ่านเข้ามา เมื่อมีคนตายแบบนอนหลับไม่ตื่นติดๆ กัน ทั้งหนุ่มสาวและแก่ชรา ไม่ถึงกับวันเว้นวันหรอกค่ะ แต่หลับตายอาทิตย์ละคนสองคน เดี๋ยวบ้านนั้น เดี๋ยวบ้านนี้...ขวัญหนีดีฝ่อกันไปหมดซีคะ
จนกระทั่งถึงคืนเกิดเหตุสยอง!
คืนนั้นอากาศค่อนข้างหนาว ดิฉันนอนในมุ้งกับยาย พ่อแม่นอนกับน้องในห้องข้างๆ ขณะที่กำลังขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มก็สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก...นอกจากเสียงยอดตองของกล้วยกอใหญ่ริมหน้าต่างจะสะบัดตามแรงลมแล้ว สรรพสิ่งก็ตกอยู่ในความเงียบเชียบ...ไม่มีแม้แต่เสียงรถยนต์ที่เคยดังแว่วมาเข้าหูด้วยซ้ำ
บ้านไหวเยือก กระดานลั่นเอี๊ยด เหมือนมีอะไรบางอย่างกระโดดลงมาที่ระเบียง
แสงไฟจากภายนอกส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา ดิฉันหันไปมองยายที่นอนตะแคงหลับสนิท ลมหายใจดังเบาๆ เป็นระยะสม่ำเสมอ...เสียงประตูเปิดแอ๊ด...
คราวนี้เล่นเอานอนตัวแข็งทื่อ แขนขาชาดิกไปหมด...ก็เราปิดประตูใส่กลอนแล้วนี่นา ทำไมมันถึงเปิดเข้ามาได้? อยากจะปลุกยายก็ไม่มีแรงขยับ ปากลิ้นชาไปหมดจนพูดไม่ออกเมื่อเห็นร่างดำๆ เตี้ยๆ เหมือนเด็กราวสิบขวบก้าวเข้ามาในห้องช้าๆ กลิ่นเหม็นอับโชยเข้ามาในมุ้งจนแทบจะหายใจไม่ออก
คุณพระช่วย! เมื่อมันใกล้เข้ามาจึงได้เห็นว่าไม่ใช่เด็กๆ แต่เป็นหญิงแก่หลังโกงเสื้อผ้าสีดำ ผมยาวสยายประบ่า...มันหันมามองช้าๆ จนดิฉันต้องกลั้นลมหายใจ...ขณะนั้นเองมันก็เปิดมุ้งขึ้นช้าๆ กลิ่นเหม็นยิ่งรุนแรงจนแทบสำลัก
นรกเป็นพยาน! ใบหน้านั้นเหี่ยวย่น นัยน์ตาแดงจ้าเหมือนแสงไฟ แสยะยิ้มจนใบหน้าเหี่ยวย่นไม่ผิดกับผีตายซาก...ดิฉันคิดว่าตัวเองหลับตาร้องกรี๊ด...แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ความรู้สึกวูบวับดับหายไปบัดดล
เมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็พบว่ายายนอนหงายลืมตาโพลง เหมือนมองเห็นภาพที่น่าเกลียดน่ากลัวอย่างล้นเหลือ...ยมทูตกระชากวิญญาณยายของดิฉันไปจริงๆ ค่ะ!
ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!