หลอนสุดขีด


หลอนสุดขีด

"ปวัตน์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากนักร้องคาเฟ่

ในยุคที่คาเฟ่กำลังฮิต ผมกับเพื่อนๆกลายเป็นลูกค้าตัวยงไปเลยครับ เที่ยวคาเฟ่จนติดงอมแงมเหมือนโดนมนต์สะกด คืนไหนไม่ได้ไปดูนักร้องสาวสวยกระโดดโลดเต้นบนเวทีอวดขาอ่อนขาวๆก็หงุดหงิดจนนอนเกือบไม่หลับแน่ะ

ว่าแต่นักร้องสาวๆ นี่มีเสน่ห์เรียกแขกตรงไหนล่ะ?

โธ่เอ๊ย!ถึงไม่บอกก็คงรู้หรอกน่า นอกจากสวยเซ็กซี่ที่ดึงดูดใจเสี่ยหนุ่มกับป๋าแก่แล้ว ลีลาบนเวทีของคุณเธอยังมีเสน่ห์เหลือกินเหลือการละครับ

ในที่สุดผมก็มาติดแหง็กอยู่ที่คาเฟ่ใกล้ๆ บ้านแถวสะพานควายนี่เอง!

ที่นั่นมีวงดนตรีคึกคักกว่าคาเฟ่แห่งอื่นๆในย่านนั้น ซึ่งมีแต่อีเลคโทนตัวเดียว...นักร้องสาวสวยอื้อซ่า บรรยากาศดีมีระดับ ถึงราคาจะสูงกว่าที่อื่นนิดหน่อยก็ไม่เป็นไรเพราะเที่ยวแล้วสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าตอนดึกๆ จะมีรายการแก้วบิน ขวดบินห้ามหัวเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

สรุปว่าผมได้แฟนนักร้องชื่อแพร เช่าห้องอยู่หน้าคาเฟ่นั่นแหละ ต้องยอมรับว่าเธอมีเสน่ห์ดึงดูดใจไปสารพัด ไม่ว่าหน้าตาสะสวย เรือนร่างของสาววัย 18 อรชรอ้อนแอ้นสมส่วน โดยเฉพาะกิริยาวาจาสุภาพอ่อนโยน ไม่ก๋ากั่นเหมือนนักร้องหลายๆคนที่ผมรู้จัก

ผมไปหาเธอที่ห้องชั้นสองใกล้ๆบันได หน้าต่างเปิดออกไปสู่ลานจอดรถ มีห้องน้ำเล็กๆ ผิดกว่าห้องเช่าส่วนมากในย่านนั้นที่ใช้ห้องน้ำรวม

เท่าที่ดูจากตู้เตียง โต๊ะเก้าอี้และชั้นวางของที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกสารพัดอย่าง พอจะเดาได้ว่าแพรมาเช่าห้องอยู่ที่นั่นเกือบปีมาแล้ว ผมไปมาหาสู่เธอราวสามเดือน แพรเล่าว่าเป็นสาวจากภาคอีสานตอนบน เพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นนักร้องคาเฟ่ไปเยี่ยมบ้าน แล้วชวนมาเที่ยวกรุงเทพฯ และนั่นเป็นการเริ่มต้นอาชีพนักร้องตั้งแต่นั้นมา

บางคืนก็ชวนเพื่อนไปเที่ยว แต่ส่วนมากผมมักจะไปคนเดียว ติดมาลัยน้ำใจให้เธอครั้งละห้าร้อยบาท...รวมแล้วไม่ต่ำกว่าเดือนละ 4-5 พันบาท

วันไหนว่างตอนกลางวันก็แวะไปหา...เดือนผ่านเคาน์เตอร์ชั้นล่างขึ้นบันไดไปเคาะประตูเรียกบ้าง ไขกุญแจเข้าไปเลยบ้าง...เรามีความสุขด้วยกันทุกครั้งจนกว่าจะถึงตอนค่ำที่แพรจะต้องแต่งตัวไปร้องเพลง บางคืนผมก็ตามไปเที่ยวที่นั่น แต่บางคืนก็กลับบ้านเลย

จนกระทั่งถึงวันที่เกิดเหตุน่าขนหัวลุก!

ผมไปถึงห้องแพรราวบ่ายสอง เคาะประตูแต่ไม่มีเสียงตอบเลยไขกุญแจเข้าไป...เธอกำลังอาบน้ำเสียงซู่ซ่าอยู่พอดี ร้องออกมาว่า...รอเดี๋ยวนะคะ

เอนร่างบนเตียงมองไปที่หน้าต่างที่มีม่านบางๆ ลายสวยปิดสนิท เปิดเทปฟังเพลงจนเริ่มง่วง แพรก็เปิดประตูห้องน้ำออกมา มีผ้าเช็ดตัวลายดอกไม้กระโจมอกมาผืนเดียว เธอเดินไปเช็ดเนื้อตัวที่หน้ากระจกก่อนจะชายมามองยิ้มๆ แบบยั่วเย้า พอผมกางแขนแพรก็หัวเราะระริกก่อนจะโผเข้ามาหาอ้อมแขนของผมฉับพลัน...

หลับผล็อยไปถึงเย็น แพรไม่ได้อยู่ในห้องเสียแล้ว...เธอคงจะแต่งตัวออกไปร้านทำผมแล้วเข้าคาเฟ่...ผมตัดสินใจไม่แวะไปหาเธอแต่ขับรถกลับบ้านเลย

อีกราว 3-4 วันต่อมาผมโทร.ไปหาพนักงานบอกว่าไม่เห็นแพรมาหลายวันแล้ว!เป็นไปไม่ได้ แพรไม่เคยกลับบ้านโดยไม่บอกกล่าวนี่นา ผมเลยตัดสินใจบึ่งรถไปหาเธอที่ห้องพัก...แต่แพรไม่อยู่จริงๆแฮะ ข้าวของต่างๆยังอยู่ครบจนน่าแปลกใจ

ออกไปดื่มเบียร์รอจนถึงเย็นแล้วย้อนไปที่คาเฟ่ ถามพนักงานก็บอกว่าแพรไม่ได้มาที่คาเฟ่ตั้งเกือบอาทิตย์แล้ว...เอ๊ะ!ยังไง? นักร้องทยอยกันมาถึงก็ให้คำตอบตรงกัน

ผมมึนงงจนคิดอะไรไม่ออก จะว่าแพรกลับบ้านก็ไม่ได้ลากัปตัน... เธอไปไหนแน่

ย้อนขึ้นไปที่ห้องเธออีกครั้ง...สรรพสิ่งดูเงียบเชียบเยือกเย็นอยู่ในแสงไฟ ผมมองดูภาพถ่ายของแพรที่มองตอบมาเศร้าๆแล้วใจหาย

คุณพระช่วย!ช่างเหมือนกับจ้องมองนัยน์ตาของภาพถ่ายที่เจ้าตัวตายจากไปแล้ว!

ผมเซซังออกจากที่นั่นด้วยความสับสนมึนงง บ้านเธอที่ต่างจังหวัดผมก็ไม่รู้จัก...ย้อนกลับไปที่คาเฟ่นั้นอีกครั้ง เรียกเพื่อนๆของเธอมานั่งคุยด้วย แต่ไม่มีใครได้ข่าวแพรแม้แต่คนเดียว...ยกเว้นนักร้องชื่ออ๋อยย่นคิ้วอย่างครุ่นคิด

"เอ...อ๋อยเคยเห็นแพรยืนมองมาจากหน้าต่างเมื่อคืนนี้เอง...พอจะถามว่าไปไหนมาก็หายไปแล้ว เมื่อ 2-3 คืนก่อนก็เห็นแพรมาเดินอยู่หน้าคาเฟ่นี่เอง แต่พอเปิดประตูไปหาก็ไม่ยักเห็นแฮะ"

แพรหายสาบสูญตั้งแต่บัดนั้นจนถึงทุกวันนี้ เวลาผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว ผมนึกถึงวันสุดท้ายที่แพรออกจากห้องน้ำมาหาผมเป็นครั้งสุดท้าย ชักไม่แน่ใจว่านั่นเป็นแพรที่มีชีวิตหรือเปล่า? นึกแล้วขนหัวลุกครับ!


ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์