แรงปีศาจ


แรงปีศาจ

บิณฑ์ เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากเมรุผีดุ

ผมเป็นเด็กบ้านสวนอยู่ที่บางรักน้อย อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรีนี่เอง

สมัยก่อนบ้านผมค่อนข้างเปล่าเปลี่ยว ยิ่งตอนกลางค่ำกลางคืนแล้วบรรยากาศมีแต่ความเยือกเย็นน่าวังเวงใจ พวกหมาวัดแถวลานกว้างหน้าหลวงพ่อโตชอบเห่าหอนเสียงโหยหวนเหลือกำลังละครับ ฟังแล้วเล่นเอาขนลุกขนพองไปตามๆ กัน

พวกผู้ใหญ่เขาบอกว่า...มันเห็นผีน่ะซี!!

คิดแล้วก็มีเหตุผลพอสมควร เพราะถัดไปเป็นศาลาตั้งศพ ตอนค่ำมีพระสวดอภิธรรมเสียงเยือกเย็นชะมัด พอพระท่านลงศาลาไปแล้วก็เหลือแต่พวกญาติมิตรตั้งวงคุยเป็นเพื่อนศพเสียงงึมๆ งำๆ คนแก่ก็ตั้งวงโขกหมากรุกกัน คนหนุ่มก็สุมหัวกันดวดดื่มแก้เหงาใจ

ส่วนมากตกดึกเข้าก็แทบจะไม่มีใครเหลือแล้วละครับ นอกจากแสงไฟวอมแวม มองเห็นโลงศพตั้งตระหง่าน กลิ่นธูปกับกลิ่นดอกไม้เย็นๆ ล่องลอยมาตามลม ใครที่บังเอิญกลับบ้านตอนนั้นมีหวังขนลุกขนพองได้ง่ายๆ

ด้านหลังหลวงพ่อโตมีทางเดินผ่านสะพานข้ามคลองเข้าบ้านสวน ทางซ้ายมือคือเมรุโดดเด่น แม้ว่าจะสร้างใหม่สวยงามก็จริงอยู่ แต่ขึ้นชื่อว่าเมรุเผาผีนี่ต่อให้สวยแค่ไหนก็ยังน่ากลัวอยู่ดีแหละครับ แถมอยู่ติดทางเดินกับเชิงสะพานอีกต่างหาก

ความเจริญอยู่ที่ถนนหนทางน่ะครับ ไปมาสะดวกกว่าแต่ก่อน ลูกหลานชาวสวนรุ่นหลังๆ ก็ไม่นิยมเจริญรอยตามบรรพบุรุษ ปลูกต้นไม้ ให้ปุ๋ย รดน้ำพรวนดินเหมือนสมัยก่อน...เรียนจบก็ไปทำการทำงานในกรุงเทพฯ หรือเบาะๆ ก็ในจังหวัดบ้าง ข้ามไปปทุมธานีบ้าง...ไปได้ผัวได้เมียอยู่ที่นั่นก็มีหลายราย

แต่คนที่ยังปักหลักอยู่ที่เดิมก็มีการเลี้ยงกล้วยไม้ หลายๆ รังก็ขยายขึ้นจนใหญ่โตมีชื่อเสียง ตัดดอกขายดิบขายดีจนเปลี่ยนฐานะไปหลายคนแล้วครับ

วันนี้ผมมีเรื่องขนหัวลุกจะเล่าให้ฟัง!

เรื่องผีๆ สางๆ ที่วัดบางรักน้อยนี่ได้ชื่อว่าเฮี้ยนไม่ใช่เล่น ตั้งแต่สมัยที่ยังมีเมรุเก่าจนถึงเมรุใหม่ คนเก่าๆ เล่าให้ฟังว่าเคยมีเรื่องสยองขวัญบนศาลาตั้งศพมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ราย

เหตุการณ์น่าขนหัวลุกเกิดขึ้นคล้ายๆ กันครับ คือตอนที่พระท่านสวดอภิธรรม มีญาติมิตรนั่งพนมมือแต้เต็มศาลาก็ไม่มีอะไร แต่พอพระท่านสวดจบรับปัจจัยไทยทานกลับกุฏิได้ไม่ช้าไม่นาน บรรดาหมาเจ้ากรรมก็เริ่มครางงื้ดง้าด เห่าสั้นๆ เหมือนจะทักทายผู้ไม่มีร่างกาย...แล้วโก่งคอหอนโหยหวนขึ้นทันใด

ทั้งจากลานหน้าหลวงพ่อโตสูงตระหง่าน ทั้งจากหลังองค์พระใกล้ๆ เมรุ เล่นเอาพวกที่จับกลุ่มหรือตั้งวงอยู่แถวโรงครัวริมคลองถึงกับเผ่นขึ้นมาบนศาลา หน้าตาตื่นไปตามๆ กัน

กว่าเสียงเห่าหอนจะเงียบหายไปก็เล่นเอาขนลุกขนพองกันเป็นทิว!

ที่หนักกว่านั้นก็คือเสียงแปลกประหลาดที่ดังมาจากโลงศพน่ะซีครับ

ท่ามกลางความเงียบเชียบ เสียงใครหาวหวอดก็ดังขึ้นดื้อๆ เล่นเอาหันขวับไปมองที่โลงสูงเด่น ดูเยือกเย็นอยู่ในแสงไฟ...ครั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็หันกลับมาโขกหมากรุกหรือดวดดื่มกันต่อ...อ้าว? เสียงใครดิ้นขลุกขลักดังมาจากโลงศพนั่นเอง!

คราวนี้เล่นเอาผงะหน้าตาเหลือกร้องเฮ้ยๆ ฮ้ายๆ กันเป็นแถว ทั้งหันไปจ้องมอง ทั้งตั้งท่าจะกระโจนออกจากศาลา...เคราะห์ดีที่เสียงต่างๆ เงียบหายไปเสียก่อน

นอกจากนี้ยังมีเสียงหาวหวอด...เสียงเคาะโลงเบาๆ แต่ในความเงียบเชียบของยามราตรีก็ดูดังสะท้านสะเทือนเข้าไปถึงหัวอกหัวใจอย่างง่ายดาย

ผมเคยเจอะเจอความสยองเข้าเต็มเปาเช่นกัน!

ไม่ใช่จากงานศพหรอกครับ แต่เพราะไปงานวันเกิดเพื่อนที่บาง แพรก ขากลับบึ่งมอเตอร์ไซค์มาเข้าเขตวัดราวสี่ทุ่มเศษ อาศัยว่าอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่เกิดจนเติบหนุ่มจึงไม่หวั่นเกรงอะไร ยิ่งเมากำลังดียิ่งนึกครึ้มชอบกล...รู้สึกว่าอากาศเหน็บหนาวจนขนลุกแต่ก็ไม่สนใจซักนิด

ขณะที่จะเลี้ยวซ้ายขึ้นสะพานก็มองไปที่ศาลามืดสลัวอยู่ใต้แสงดาวโดยไม่ได้ตั้งใจ...

ไม่มีการตั้งศพใครหรอกครับ แต่ทำไมถึงเห็นผู้คนเดินไปมาอยู่ขวักไขว่...เอ๊ะ! ชักยังไง? พอจ้องมองให้แน่ใจก็ไม่เห็นใครเลย แต่กลับได้ยินเสียงกระแอมกระไอดังมาจากเมรุ...

ผมกำลังขึ้นสะพานพอดีตอนที่หันไปดู...คนกลุ่มหนึ่งนั่งออกันอยู่ที่เชิงบันได ไม่รู้ใครอุตริมาคุยกันที่เมรุเผาผีตอนดึกๆ ก็พอดีคนกลุ่มนั้นหันมามองผมอย่างเชื่องช้า...ใบหน้าดำทะมึนอยู่ในแสงดาว แต่นัยน์ตาแดงราวแสงไฟ

"เฮ้ย! ผีหลอกโว้ย..." ผมร้องสุดเสียง ตะบึงรถข้ามสะพานปานลมพัด แต่ไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะครืนใหญ่ไล่หลังมา...ใครอยากลองของก็เชิญได้เลยครับ! บรื๋อออ...



ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์