ดินเนอร์สยองขวัญ
"โรส" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากโรงแรมสี่ดาว
ดิฉันกับครอบครัวโดนผีหลอกที่โรงแรมใจกลางกรุงเทพฯ นี่เองค่ะ!
เมื่อถึงคราวปิดเทอมใหญ่ในฤดูร้อน เด็กๆ ล้วนแต่ชอบอกชอบใจและดูจะมีความสุขมากๆ ที่โรงเรียนหยุดยาวเกือบสามเดือน แถมยังรบเร้าให้พ่อแม่พาไปเที่ยวต่างจังหวัด โดยเฉพาะที่บางแสน พัทยา หรือหัวหินอีกต่างหาก
ฤดูหนาวคนนิยมไปเที่ยวป่าเขา น้ำตก แต่พอถึงฤดูร้อนมักจะชอบไปเที่ยวทะเล...ไม่ว่าจะเล่นน้ำหรือเดินชมวิวตามชายหาด แม้แต่นั่งเก้าอี้ผ้าใบกินของอร่อยๆ ที่มีแม่ค้ามาเร่ขายกับดูหนุ่มๆสาวๆ ในชุดอาบน้ำ หลากสีสันเดินคลอคู่กันผ่านไปมา ก็ถือว่าเป็นความสุขอีกแบบหนึ่ง
แต่ข้อเสียก็คือผู้คนที่มุ่งหน้าไปเที่ยวเตร่ตามชายทะเลมีมากเหลือเกิน
เราต้องแย่งกันเดินทาง แย่งกันอยู่ แย่งกันกินและแย่งกันเที่ยว บางคนอาจจะชอบแต่บางคนก็บอกแค่นึกถึงก็อ่อนใจเสียแล้วค่ะ
ลูกชายอายุเจ็ดขวบกับห้าขวบของดิฉันรบเราให้พ่อแม่ไปเที่ยวที่ ไหนก็ได้ตอนปิดเทอม...เราเองก็มีเวลาหยุดงานเฉพาะวันเสาร์กับอาทิตย์เท่านั้น เลยตัดสินใจไปเปิดห้องพักที่โรงแรมในย่านสีลมนี่เอง...คนกรุงเทพฯ ไปตากอากาศที่กรุงเทพฯ ไงคะ!
บางท่านอาจสงสัยว่าเราสติดีหรือเปล่า? ถ้าไม่ไปเที่ยวทะเลก็น่าจะอยู่บ้านดีกว่า ไปเช่าโรงแรมนอนให้สิ้นเปลืองเงินทองโดยใช่เหตุ...แต่ถ้าพูดถึงการเปลี่ยนบรรยากาศจากความซ้ำซากจำเจของการอยู่บ้านไปอยู่โรงแรมชั้นหนึ่ง เชื่อว่าคงจะเข้าใจกันพอสมควร
หลายๆ ท่านอาจจะไม่ทราบว่าในตอนปิดเทอมใหญ่แบบนี้ มีครอบ ครัวในเมืองหลวงอีกมากมายเหลือเชื่อคิดแบบเดียวกับเรา...ไปเปิดโรงแรมนอนพักกันสองสามคืนเลยค่ะ
สรุปว่าเราไปนอนโรงแรมสี่ดาวตามคำชักชวนของเซลส์ที่ติดต่อทางโทรศัพท์มาหลายครั้งแล้ว...คือกำหนดเช็กอินเย็นวันศุกร์ เช็กเอาต์บ่ายสองโมงวันอาทิตย์
แต่คืนแรกเราก็เจอดีเข้าเต็มเปา!
โรงแรมนี้มีห้องอาหารหรูหราได้การ การตกแต่งก็สวยงาม บรรยา กาศสดใสอยู่ในแสงไฟ อาหารนานาชนิดมากมาย เพียงมองดูเผินๆ ก็รู้ว่าเป็นของดีสมราคา พนักงานสุภาพน่ารักทั้งหญิงและชาย
แขกทั้งไทยและเทศทยอยกันเข้ามา ฝรั่ง จีนและญี่ปุ่น...เราได้โต๊ะด้านในใกล้ๆ กับสามีภรรยาชาวตะวันตกสูงวัยคู่หนึ่ง ถัดไปก็เป็นหนุ่มสาวผมทองและชาวญี่ปุ่นกลุ่มใหญ่ที่พูดพลางหัวเราะพลาง ฟังแล้วก็น่าสนุกดีถึงแม้จะไม่รู้เรื่องก็ตาม
สามีสั่งไวน์ขาวชาดอนเน่ของเจค็อบกรีก ระหว่างที่พนักงานแช่ไวน์ในถังน้ำแข็งเราก็ออกไปตักอาหาร ดิฉันพาลูกๆ ไปดูอาหารฝรั่ง และญี่ปุ่น...มากมายจนลานตา ส่วนสามีไปที่โต๊ะออเดิฟ ได้เนยแข็งชิ้นโตมาสองชิ้นกับแคร็กเกอร์สองสามแผ่น
เมื่อเรากลับมาถึงโต๊ะก็พบว่าคุณลุงคุณป้าโต๊ะใกล้ๆ กันกำลังมองลูกชายของเราอย่างชื่นชม พยักพเยิดจนเด็กๆ ยิ้มอายเหนียม ดิฉันก็ยิ้มให้ที่เอ็นดูลูกเราเหมือนลูกเหมือนหลาน
พนักงานเสิร์ฟหนุ่มน้อยเข้ามารินไวน์ให้สองแก้ว สามีชอบแกล้มด้วยชีสอย่างดีคือกรูแยร์กับบลูชีส ตามด้วยแคร็กเกอร์น่าอร่อย เขาเคยบอกว่า...ผู้รู้ไม่แนะนำให้กินเนยกับแคร็กเกอร์เพราะจะทำให้เสียรส แต่เราชอบนี่นา
จริงด้วยนะคะ คนเราไม่จำเป็นต้องทำตามคำแนะนำของผู้อื่นเสมอไป จนลืมความต้องการแท้จริงของตนเอง!
เราดื่มกินกันอย่างมีความสุข ท่ามกลางเสียงดนตรีขับกล่อมนุ่มนวล ไวน์แก้วเดียวสำหรับดิฉันก็พอแล้ว ที่เหลือยกให้สามีทั้งหมด..เขา มีอารมณ์ขันบอกว่า เอ๊ะ! แซลมอนดิบสีแดงทำไมกินกับไวน์ขาวได้อร่อยแฮะ
คุณลุงคุณป้าก็หันมายิ้มแย้มกับเด็กๆ ไม่หยุด...บางทีก็ส่งเสียงทักทายด้วย แต่หนุ่มสาวผมทองคู่นั้นไม่สนใจใครเลย ชะโงกหน้าเข้าหากัน พร่ำพลอดกันตลอดเวลา...จนกระทั่งราวสี่ทุ่ม แขกบางตาลง คุณลุงคุณป้าลุกมาหาเด็กๆ ชมเชยกับเราว่ามีลูกน่ารักก่อนจะเดิน ผละไป
ต่อมาก็เหลือเราแทบเป็นโต๊ะสุดท้าย สามีเรียกเช็กบิลเรียบร้อยแล้วเราก็ลุกจากโต๊ะเพื่อกลับห้องนอน...จะเป็นเพราะสามีใส่ตัวเลขในช่องทิปค่อนข้างมากหรือไงไม่ทราบ หนุ่มน้อยที่เสิร์ฟโต๊ะเรามาตลอดก็นำกล่องเค้กกับไอศกรีมมาให้เด็กๆ บอกว่าสำหรับโต๊ะสุดท้าย...ทำให้ดิฉันหันไปมองหนุ่มสาวผมทองคู่นั้น...
คุณพระช่วย! ที่นั่นมีแต่ความว่างเปล่า อากาศคล้ายจะเย็นวูบกว่าเดิม หลุดปากว่าเอ๊ะ! ฝรั่งโต๊ะนั้นหายไปไหน? พนักงานเสิร์ฟหันมองแล้วกลืนน้ำลาย...ถามเสียงเครือๆ ว่าคุณเห็นอีกรายแล้วหรือครับ? แกไปเที่ยวพัทยาแล้วขากลับโดนรถชนตายคาที่ทั้งคู่
ดิฉันเดินตัวเบาหวิว ใบหน้าชาวูบวาบ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวสลับกัน...ยังดีที่สามีกับลูกๆ ไม่เห็น ดิฉันขนหัวลุกคนเดียวค่ะ!
ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
ดิฉันกับครอบครัวโดนผีหลอกที่โรงแรมใจกลางกรุงเทพฯ นี่เองค่ะ!
เมื่อถึงคราวปิดเทอมใหญ่ในฤดูร้อน เด็กๆ ล้วนแต่ชอบอกชอบใจและดูจะมีความสุขมากๆ ที่โรงเรียนหยุดยาวเกือบสามเดือน แถมยังรบเร้าให้พ่อแม่พาไปเที่ยวต่างจังหวัด โดยเฉพาะที่บางแสน พัทยา หรือหัวหินอีกต่างหาก
ฤดูหนาวคนนิยมไปเที่ยวป่าเขา น้ำตก แต่พอถึงฤดูร้อนมักจะชอบไปเที่ยวทะเล...ไม่ว่าจะเล่นน้ำหรือเดินชมวิวตามชายหาด แม้แต่นั่งเก้าอี้ผ้าใบกินของอร่อยๆ ที่มีแม่ค้ามาเร่ขายกับดูหนุ่มๆสาวๆ ในชุดอาบน้ำ หลากสีสันเดินคลอคู่กันผ่านไปมา ก็ถือว่าเป็นความสุขอีกแบบหนึ่ง
แต่ข้อเสียก็คือผู้คนที่มุ่งหน้าไปเที่ยวเตร่ตามชายทะเลมีมากเหลือเกิน
เราต้องแย่งกันเดินทาง แย่งกันอยู่ แย่งกันกินและแย่งกันเที่ยว บางคนอาจจะชอบแต่บางคนก็บอกแค่นึกถึงก็อ่อนใจเสียแล้วค่ะ
ลูกชายอายุเจ็ดขวบกับห้าขวบของดิฉันรบเราให้พ่อแม่ไปเที่ยวที่ ไหนก็ได้ตอนปิดเทอม...เราเองก็มีเวลาหยุดงานเฉพาะวันเสาร์กับอาทิตย์เท่านั้น เลยตัดสินใจไปเปิดห้องพักที่โรงแรมในย่านสีลมนี่เอง...คนกรุงเทพฯ ไปตากอากาศที่กรุงเทพฯ ไงคะ!
บางท่านอาจสงสัยว่าเราสติดีหรือเปล่า? ถ้าไม่ไปเที่ยวทะเลก็น่าจะอยู่บ้านดีกว่า ไปเช่าโรงแรมนอนให้สิ้นเปลืองเงินทองโดยใช่เหตุ...แต่ถ้าพูดถึงการเปลี่ยนบรรยากาศจากความซ้ำซากจำเจของการอยู่บ้านไปอยู่โรงแรมชั้นหนึ่ง เชื่อว่าคงจะเข้าใจกันพอสมควร
หลายๆ ท่านอาจจะไม่ทราบว่าในตอนปิดเทอมใหญ่แบบนี้ มีครอบ ครัวในเมืองหลวงอีกมากมายเหลือเชื่อคิดแบบเดียวกับเรา...ไปเปิดโรงแรมนอนพักกันสองสามคืนเลยค่ะ
สรุปว่าเราไปนอนโรงแรมสี่ดาวตามคำชักชวนของเซลส์ที่ติดต่อทางโทรศัพท์มาหลายครั้งแล้ว...คือกำหนดเช็กอินเย็นวันศุกร์ เช็กเอาต์บ่ายสองโมงวันอาทิตย์
แต่คืนแรกเราก็เจอดีเข้าเต็มเปา!
โรงแรมนี้มีห้องอาหารหรูหราได้การ การตกแต่งก็สวยงาม บรรยา กาศสดใสอยู่ในแสงไฟ อาหารนานาชนิดมากมาย เพียงมองดูเผินๆ ก็รู้ว่าเป็นของดีสมราคา พนักงานสุภาพน่ารักทั้งหญิงและชาย
แขกทั้งไทยและเทศทยอยกันเข้ามา ฝรั่ง จีนและญี่ปุ่น...เราได้โต๊ะด้านในใกล้ๆ กับสามีภรรยาชาวตะวันตกสูงวัยคู่หนึ่ง ถัดไปก็เป็นหนุ่มสาวผมทองและชาวญี่ปุ่นกลุ่มใหญ่ที่พูดพลางหัวเราะพลาง ฟังแล้วก็น่าสนุกดีถึงแม้จะไม่รู้เรื่องก็ตาม
สามีสั่งไวน์ขาวชาดอนเน่ของเจค็อบกรีก ระหว่างที่พนักงานแช่ไวน์ในถังน้ำแข็งเราก็ออกไปตักอาหาร ดิฉันพาลูกๆ ไปดูอาหารฝรั่ง และญี่ปุ่น...มากมายจนลานตา ส่วนสามีไปที่โต๊ะออเดิฟ ได้เนยแข็งชิ้นโตมาสองชิ้นกับแคร็กเกอร์สองสามแผ่น
เมื่อเรากลับมาถึงโต๊ะก็พบว่าคุณลุงคุณป้าโต๊ะใกล้ๆ กันกำลังมองลูกชายของเราอย่างชื่นชม พยักพเยิดจนเด็กๆ ยิ้มอายเหนียม ดิฉันก็ยิ้มให้ที่เอ็นดูลูกเราเหมือนลูกเหมือนหลาน
พนักงานเสิร์ฟหนุ่มน้อยเข้ามารินไวน์ให้สองแก้ว สามีชอบแกล้มด้วยชีสอย่างดีคือกรูแยร์กับบลูชีส ตามด้วยแคร็กเกอร์น่าอร่อย เขาเคยบอกว่า...ผู้รู้ไม่แนะนำให้กินเนยกับแคร็กเกอร์เพราะจะทำให้เสียรส แต่เราชอบนี่นา
จริงด้วยนะคะ คนเราไม่จำเป็นต้องทำตามคำแนะนำของผู้อื่นเสมอไป จนลืมความต้องการแท้จริงของตนเอง!
เราดื่มกินกันอย่างมีความสุข ท่ามกลางเสียงดนตรีขับกล่อมนุ่มนวล ไวน์แก้วเดียวสำหรับดิฉันก็พอแล้ว ที่เหลือยกให้สามีทั้งหมด..เขา มีอารมณ์ขันบอกว่า เอ๊ะ! แซลมอนดิบสีแดงทำไมกินกับไวน์ขาวได้อร่อยแฮะ
คุณลุงคุณป้าก็หันมายิ้มแย้มกับเด็กๆ ไม่หยุด...บางทีก็ส่งเสียงทักทายด้วย แต่หนุ่มสาวผมทองคู่นั้นไม่สนใจใครเลย ชะโงกหน้าเข้าหากัน พร่ำพลอดกันตลอดเวลา...จนกระทั่งราวสี่ทุ่ม แขกบางตาลง คุณลุงคุณป้าลุกมาหาเด็กๆ ชมเชยกับเราว่ามีลูกน่ารักก่อนจะเดิน ผละไป
ต่อมาก็เหลือเราแทบเป็นโต๊ะสุดท้าย สามีเรียกเช็กบิลเรียบร้อยแล้วเราก็ลุกจากโต๊ะเพื่อกลับห้องนอน...จะเป็นเพราะสามีใส่ตัวเลขในช่องทิปค่อนข้างมากหรือไงไม่ทราบ หนุ่มน้อยที่เสิร์ฟโต๊ะเรามาตลอดก็นำกล่องเค้กกับไอศกรีมมาให้เด็กๆ บอกว่าสำหรับโต๊ะสุดท้าย...ทำให้ดิฉันหันไปมองหนุ่มสาวผมทองคู่นั้น...
คุณพระช่วย! ที่นั่นมีแต่ความว่างเปล่า อากาศคล้ายจะเย็นวูบกว่าเดิม หลุดปากว่าเอ๊ะ! ฝรั่งโต๊ะนั้นหายไปไหน? พนักงานเสิร์ฟหันมองแล้วกลืนน้ำลาย...ถามเสียงเครือๆ ว่าคุณเห็นอีกรายแล้วหรือครับ? แกไปเที่ยวพัทยาแล้วขากลับโดนรถชนตายคาที่ทั้งคู่
ดิฉันเดินตัวเบาหวิว ใบหน้าชาวูบวาบ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวสลับกัน...ยังดีที่สามีกับลูกๆ ไม่เห็น ดิฉันขนหัวลุกคนเดียวค่ะ!
ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!