ล่าวิญญาณ


ล่าวิญญาณ

"ทิพย์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากปีศาจใต้น้ำ

สมัยเด็กวัยรุ่นดิฉันเคยอยู่บ้านสวนริมคลองบางซื่อ ฝั่งตรงข้ามกับกรมปตอ. หรือปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานนั่นแหละค่ะ เคยพบกับเรื่องที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต...แม้จะผ่านมาสามสิบกว่าปีแล้วแต่ก็ยังจดจำได้ไม่รู้ลืมเลือน

ริมฝั่งคลองที่ไม่ไกลจากแม่น้ำเจ้าพระยา ต้นไม้ใหญ่น้อยร่มรื่นเพราะด้านหลังเป็นสวนรกทึบที่ทะลุไปออกทางวัดประดู่ฯ ส่วนด้านหน้าจะมีเรือแพสัญจรไปมา ส่วนมากจะเป็นเรือขายอาหาร เช่น ก๋วยเตี๋ยว, กระเพาะปลา, หอยทอด รวมทั้งขนมหวานพวกปลากริมไข่เต่าและขนมถาดต่างๆ

ที่ติดหูติดตามากก็คือเรือเอี้ยมจุ๊นที่บรรทุกส่าเหล้าเข้ามาในคลอง... เลยไปทางสะพานสูงแล้วปล่อยทิ้งน้ำ เหม็นฉุนๆ แสบจมูกไปนานเชียวค่ะ

หน้าแล้งน้ำแทบจะแห้งขอด ขนาดลงไปสุ่มปลา ช้อนปลา และฟันปลากันได้สบาย ส่วนหน้าน้ำเป็นตอนที่น่าสนุกมากๆ เพราะน้ำเหนือจะไหลบ่าขึ้นมาถึงศาลาท่าน้ำ บางปีถึงกับท่วมถึงใต้ถุนเรือน

กอผักตบชวาที่เราเรียกว่ากอสวะ จะลอยฟ่องขึ้นลงแทบไม่ขาดสาย มีงูเงี้ยวเขี้ยวขอเกาะมาด้วยเกือบทุกกอ ตอนเย็นๆ พวกทหารฝั่งตรงข้ามลงไปดำน้ำงมกุ้งตัวโตๆ ใกล้โคนเสาติดมือขึ้นมาอย่างง่ายดาย

เหตุการณ์ขนหัวลุกเกิดขึ้นตอนหน้าน้ำนั่นเอง!

ดิฉันมีเพื่อนสาวรุ่นเดียวกัน 2-3 คน ท่าน้ำไม่ไกลกันนัก ตอนเย็นๆ เราก็เดินไปหากันบ้างแล้วหลบผู้ใหญ่กระโดดน้ำเล่น แต่ส่วนมากมักจะลงท่าใครท่ามัน แล้วว่ายน้ำไปหากัน...เล่นไล่จับบ้าง หมาเน่าลอยน้ำบ้าง บางวันสนุกมากจนส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดอย่างลืมตัว ไม่ช้าก็มีผู้ใหญ่ออกมาตะโกนให้ขึ้นจากน้ำ

เพื่อนที่อยู่ใกล้กันมากชื่อเดือน แม่ชื่อป้าดาวเป็นม่ายสามีตายเพราะพิษสุราเมื่อหลายปีก่อน...ป้าดาวค่อนข้างเข้มงวดกับลูกสาว แต่เดือนก็มักหาโอกาสหลบแม่มาเล่นกับดิฉันที่บ้านเสมอๆ โดยเฉพาะพนักท่าน้ำใต้ซุ้มเฟื่องฟ้าจะเป็นที่โปรดของเรามากที่สุด

วันหนึ่งก็เกิดเรื่องตื่นเต้น เมื่อมีเสียงโจษจันกันว่าพบศพผู้หญิงลอยมากับกอสวะจากสะพานสูง ชาวบ้านแห่กันมาดูจนถึงวัดแก้วฟ้าฯ จึงนำศพขึ้นมาได้!

ตอนแรกๆ พวกเราก็นึกสยองเหมือนกัน แต่เวลาผ่านไปไม่กี่วันก็ลืม...จนกระทั่งเย็นหนึ่งดิฉันก็เจอเรื่องขนหัวลุกเข้าอย่างจัง

วันนั้น พวกเราเล่นน้ำกันค่อนข้างนาน ตั้งแต่เย็นจนถึงใกล้ค่ำ...มีคราบดำๆ ติดอยู่ที่ติ่งหู ต่างคนต่างมองแล้วก็หัวเราะให้กัน เดือนบอกว่าเล่นน้ำจนชักหนาวแล้ว กลัวแม่โผล่มาด่าอีกด้วยเลยว่ายน้ำจากท่าดิฉันเลาะฝั่งไปยังท่าน้ำบ้านของเธอ

อย่าว่าแต่เดือนเลยค่ะ ดิฉันเองก็รู้สึกหนาวยะเยือกเหมือนกัน เลยขึ้นบันไดมาฟอกสบู่ตามหน้าตาและเนื้อตัว ก่อนจะลงไปทำความสะอาดเป็นครั้งสุดท้าย...เพียงแต่ก้าวพ้นน้ำขึ้นมาถึงสะเอวก็ต้องชะงักงัน...

อะไรบางอย่างจับขาข้างหนึ่งเอาไว้แน่น! ดิฉันตัวแข็งทื่อเหมือนถูกสาป ตกตะลึงจนแทบลืมหายใจ ทำอะไรไม่ถูก รู้สึกทั้งตกใจ ขยะแขยงและหวาดกลัวสุดขีด

คุณพระช่วย! สิ่งนั้นคล้ายกับมือเย็นเฉียบที่กำข้อเท้าเอาไว้ และฉุดเต็มแรงราวกับจะดึงออกไปสู่กลางคลอง พร้อมๆ กับกระชากจนเท้าหลุดจากขั้นบันได เสียหลักจมดิ่งลงไปใต้น้ำ อารามตกใจทำให้ใช้เท้าที่เป็นอิสระถีบน้ำหรืออะไรที่ฉุดขาอยู่...ทะลึ่งพรวดขึ้นมาเหนือน้ำจนได้

"ช่วยด้วย! ช่วยด้วย..." เสียงมีเท่าไหร่ตะเบ็งออกมาหมด แม้ว่าจะสำลักน้ำสลับไปจนเสียงขาดเป็นห่วงๆ ทั้งดิ้นรนและตะเกียกตะกาย สองมือยึดขั้นบันไดเป็นที่พึ่ง สองเท้าก็ทั้งสะบัดทั้งถีบ น้ำตาไหลพรากอาบหน้า หัวใจเต้นโครมครามเหมือนจะพังออกมานอกอก

พ่อแม่วิ่งเข้ามาเรียกชื่อ ดิฉันก็ได้แต่ร้องช่วยด้วยๆ พลางต่อสู้ดิ้นรนกับมือนรกจกเปรตจนหลุดออกไป...ตะกายขึ้นบันไดโดยไม่แยแสกับผ้าผ่อนหลุดลุ่ย ร้องไห้โฮโผเข้ากอดแม่ด้วยความหวาดกลัวแทบจะสิ้นใจ!

เดือนรู้ข่าวก็วิ่งมาหาหน้าตาตื่น...คราวนี้ก็เล่ากันไปปากต่อปากเหมือนไฟลามทุ่ง! ชาวบ้านหาว่าดิฉันปั้นเรื่องขึ้นมาเองบ้าง หรือไม่ก็โดนเชือกโดนสาหร่ายบ้าง...ส่วนหนึ่งสันนิษฐานว่าเป็นงูที่ติดมากับกอสวะเลื้อยพันขา แต่อารามตกใจก็คิดไปเองว่าเป็นมือผี...

ดิฉันขวัญหนีจนเป็นไข้ไปหลายวัน ครั้นค่อยยังชั่วก็ได้ข่าวร้าย.. .เดือนจมน้ำตายโดยไม่มีใครรู้สาเหตุ ช่วยกันงมหาอยู่นานจนพบศพขัดอยู่ที่บันไดขั้นล่างสุดนั่นเอง...ไม่ต้องสงสัยหรอกค่ะว่าปีศาจใต้น้ำมันมาล่าวิญญาณไปอยู่ด้วยจนได้

ตั้งแต่นั้นมาดิฉันก็เลิกลงไปเล่นน้ำหรือแม้แต่อาบน้ำคลอง...ตักมาใส่โอ่งอาบบนบกปลอดภัยกว่าค่ะ!



ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์