บ้านนี้ผีเฮี้ยน
"หมวย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากประตูรั้ว
เขาลือกันทั้งซอยว่าบ้านของฉันน่ะ ผีดุ!!
เอ...ดุตรงไหน? ฉันอยู่มานานตั้งแต่เกิดจนป่านนี้ก็เกือบยี่สิบปีแล้ว มันมีแต่ความอบอุ่น สุขสบายอย่าบอกใครเชียว
เหตุของคำร่ำลืออาจจะอยู่ที่ภาพลักษณ์ของตัวบ้านที่ดูมโหฬาร และขรึมขลังน่าดู เพราะสร้างมาตั้งแต่ห้าสิบกว่าปีก่อน สมัยที่คุณตายังเป็นหนุ่มหรูหรารุ่งเรือง นอกจากตัวบ้านจะเป็นสไตล์โบราณแล้ว มันยังตั้งอยู่บนเนื้อที่กว้างใหญ่ โดดเด่นเป็นสง่าและดูน่ากลัวพิลึก
ที่ว่าน่ากลัวเพราะคุณตาเป็นคนประหยัด ท่านจะดุมากหากใครเปิดไฟทิ้งไว้โดยเปล่าประโยชน์ ฉะนั้นในยามค่ำคืนดึกดื่นบ้านทั้งหลังจึงมืดตึ๊ดตื๋อ แถมด้วยต้นไม้ใหญ่อยู่รอบบริเวณ ยิ่งทำให้บรรยากาศยิ่งมืดทะมึน
รั้วบ้านของเราค่อนข้างโปร่ง มองผ่านเข้ามาเห็นตัวบ้านได้สบายมาก
หลายคนทักท้วงว่าเป็นรั้วที่ปีนป่ายได้ง่ายๆ ฉันยังเคยปีนเลยเวลาลืมเอากุญแจประตูรั้วติดตัวไป ใครๆ บอกว่าช่างท้าทายขโมยเหลือเกิน แต่คุณเชื่อมั้ยว่า ขณะที่บ้านเรือนรอบๆ ข้างต่างถูกขโมยปีนเข้าไปเยี่ยมกันทุกหลังแล้ว แต่บ้านฉันไม่ยักโดนกับเขาบ้าง
ว่ากันตามจริงแล้ว เมื่อสิบกว่าปีก่อนน่ะเคยมีรอยเท้าเปื้อนโคลนของขโมยปีนรั้วเรา รอยเท้านั้นบ่งบอกว่ามันเข้ามาถึงชานบ้าน แต่แล้วมันกลับหันหลัง...ไม่รู้ว่าตกอกตกใจอะไร
ตั้งแต่นั้นล่ะค่ะ ที่มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าบ้านนี้ผีดุเหลือใจ!
แต่ฉันบอกแล้วว่าพวกเราลูกหลานต่างอยู่กันอย่างเป็นสุข โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดปิดเทอม เรา-ซึ่งหมายถึงฉันและน้องชายวัยรุ่นสองคนกับเด็กลูกจ้างอีกสองคน มักจะชอบมานั่งที่โต๊ะริมสนามใต้ร่มไม้ใบบัง นั่งรับลมชมจันทร์กันอย่างสบายอารมณ์ บางทีเราเคยคุยกันถึงตี 3 ตี 4 ไม่รู้ตัว บางทีตอนตีหนึ่งกว่าๆ เราก็เล่นตีแบดมินตันกันอย่างเพลิดเพลิน
คนก็เอาไปลืออีกล่ะค่ะว่าบ้านนี้มีผีตีแบดฯ!!
สาเหตุเพราะชาวบ้านนึกไม่ถึงว่าจะมีคนเป็นๆ ที่ไหนไม่ยอมหลับยอมนอน แล้วยังมีพลังเหลือเฟือมาตีแบดฯ ป๊อก...ป๊อก! อยู่ได้
พฤติกรรมคนบ้านนี้ออกจะแปลกๆ เมื่อคืนนี้ก็เหมือนกัน เราร้อนจนออกมานั่งข้างนอกเหมือนเคย เจ้าเหมียว-สาวใช้ของเราเอง ถามน้องชายของฉันว่า "เมื่อคืนวาน คุณมิวออกมาเล่นกับหมาหรือคะ?"
เธอเล่าว่า กำลังเดินออกมาเข้าห้องน้ำตอนตีสอง มองไปที่ลานหน้าครัวเห็นคนผู้ชายแค่ครึ่งตัว คือตั้งแต่เอวลงมาถึงปลายเท้า นุ่งกางเกงยีนส์กำลังเล่นกับเจ้าดุ๊กดิ๊ก แต่เธอมองไม่เห็นท่อนบน ไม่รู้ว่าตาฟางหรือท่อนบนกลืนหายไปในความมืด?
น้องชายทำหน้างง หันมาสบตาฉันก่อนจะบอกสาวใช้ว่า "เออ!"
"โล่งอกไปที" เหมียวยิ้มร่า "นึกว่าผีหลอกซะแล้ว"
ทันใดนั้น ไอ้ดุ๊กดิ๊ก ไอ้มอมและด๊อกแด๊กก็เห่ากันขรมอยู่ที่ประตูรั้ว ฉันตะโกนเรียกชื่อให้มันหยุดเห่าเพราะนี่ก็ปาเข้าไปตีสองครึ่งแล้ว คุณตาคุณยายกับพ่อแม่ของฉันเข้านอนกันตั้งนาน เดี๋ยวจะตกใจตื่น
เมื่อหมาไม่หยุดเห่า เราสี่คนก็เดินไปดูให้รู้แน่ แล้วเราก็เห็นชายร่างใหญ่คนหนึ่ง ยืนพิงรั้วเราอยู่คล้ายจะแอบมองเข้ามาด้านใน พอเราเดินไปเงียบๆ เขาก็ผละออกจากประตู แล้วถอยไปซบอยู่กับมอเตอร์ไซค์ของเขา ทำท่าจะล้มให้ได้
"คนเมา?" น้องชายฉันกระซิบ "หรือขโมย?"
เราสี่คนยืนมองเขาอย่างสำรวจตรวจตราดูว่ามีอะไรจะช่วยเหลือเขาได้ไหม? เขาผงกหัวขึ้นมามองเราแล้วทำท่าตกใจ เขาเมามากนะนั่น เพราะตะกายขึ้นมอเตอร์ไซค์แทบไม่ไหว แต่ในที่สุดเขาก็ขึ้นขี่และสตาร์ตเครื่องยนต์ได้ เขาหันมาดูพวกเราที่ยังยืนนิ่งมองเขาอย่างเดิม จากนั้นก็บึ่งรถออกไป ค่อนข้างจะตุปัดตุเป๋น่าเป็นห่วง
อย่างไรก็ตาม เช้านี้มีคำลือกันอีกแล้ว...
เขาว่าเมื่อคืนมีคนเมามาจอดรถตรงหน้าประตูเรา แล้วเห็นคนเป็นสิบ...ทั้งเด็กทั้งคนแก่ แถมหมาอีกร่วมสิบตัวไปยืนดูเขาจนเขาตกใจกลัว เพราะรู้ว่าโดนผีบ้านนี้หลอกแน่ๆ
เรางง...ขำก็ขำ! เราอยู่แค่สี่คนนี่นากับหมาอีกสามตัวแท้ๆ แล้วเขาเห็นอะไรล่ะ
เขาตาฝาดเพราะฤทธิ์เหล้า หรือเขาเห็นผีจริงๆ คะ? แต่เมื่อคิดทบทวนไปมาสักพักเราก็ขนลุกซ่าขึ้นมาดื้อๆ ค่ะ! บรื๋อออ....
ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
เขาลือกันทั้งซอยว่าบ้านของฉันน่ะ ผีดุ!!
เอ...ดุตรงไหน? ฉันอยู่มานานตั้งแต่เกิดจนป่านนี้ก็เกือบยี่สิบปีแล้ว มันมีแต่ความอบอุ่น สุขสบายอย่าบอกใครเชียว
เหตุของคำร่ำลืออาจจะอยู่ที่ภาพลักษณ์ของตัวบ้านที่ดูมโหฬาร และขรึมขลังน่าดู เพราะสร้างมาตั้งแต่ห้าสิบกว่าปีก่อน สมัยที่คุณตายังเป็นหนุ่มหรูหรารุ่งเรือง นอกจากตัวบ้านจะเป็นสไตล์โบราณแล้ว มันยังตั้งอยู่บนเนื้อที่กว้างใหญ่ โดดเด่นเป็นสง่าและดูน่ากลัวพิลึก
ที่ว่าน่ากลัวเพราะคุณตาเป็นคนประหยัด ท่านจะดุมากหากใครเปิดไฟทิ้งไว้โดยเปล่าประโยชน์ ฉะนั้นในยามค่ำคืนดึกดื่นบ้านทั้งหลังจึงมืดตึ๊ดตื๋อ แถมด้วยต้นไม้ใหญ่อยู่รอบบริเวณ ยิ่งทำให้บรรยากาศยิ่งมืดทะมึน
รั้วบ้านของเราค่อนข้างโปร่ง มองผ่านเข้ามาเห็นตัวบ้านได้สบายมาก
หลายคนทักท้วงว่าเป็นรั้วที่ปีนป่ายได้ง่ายๆ ฉันยังเคยปีนเลยเวลาลืมเอากุญแจประตูรั้วติดตัวไป ใครๆ บอกว่าช่างท้าทายขโมยเหลือเกิน แต่คุณเชื่อมั้ยว่า ขณะที่บ้านเรือนรอบๆ ข้างต่างถูกขโมยปีนเข้าไปเยี่ยมกันทุกหลังแล้ว แต่บ้านฉันไม่ยักโดนกับเขาบ้าง
ว่ากันตามจริงแล้ว เมื่อสิบกว่าปีก่อนน่ะเคยมีรอยเท้าเปื้อนโคลนของขโมยปีนรั้วเรา รอยเท้านั้นบ่งบอกว่ามันเข้ามาถึงชานบ้าน แต่แล้วมันกลับหันหลัง...ไม่รู้ว่าตกอกตกใจอะไร
ตั้งแต่นั้นล่ะค่ะ ที่มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าบ้านนี้ผีดุเหลือใจ!
แต่ฉันบอกแล้วว่าพวกเราลูกหลานต่างอยู่กันอย่างเป็นสุข โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดปิดเทอม เรา-ซึ่งหมายถึงฉันและน้องชายวัยรุ่นสองคนกับเด็กลูกจ้างอีกสองคน มักจะชอบมานั่งที่โต๊ะริมสนามใต้ร่มไม้ใบบัง นั่งรับลมชมจันทร์กันอย่างสบายอารมณ์ บางทีเราเคยคุยกันถึงตี 3 ตี 4 ไม่รู้ตัว บางทีตอนตีหนึ่งกว่าๆ เราก็เล่นตีแบดมินตันกันอย่างเพลิดเพลิน
คนก็เอาไปลืออีกล่ะค่ะว่าบ้านนี้มีผีตีแบดฯ!!
สาเหตุเพราะชาวบ้านนึกไม่ถึงว่าจะมีคนเป็นๆ ที่ไหนไม่ยอมหลับยอมนอน แล้วยังมีพลังเหลือเฟือมาตีแบดฯ ป๊อก...ป๊อก! อยู่ได้
พฤติกรรมคนบ้านนี้ออกจะแปลกๆ เมื่อคืนนี้ก็เหมือนกัน เราร้อนจนออกมานั่งข้างนอกเหมือนเคย เจ้าเหมียว-สาวใช้ของเราเอง ถามน้องชายของฉันว่า "เมื่อคืนวาน คุณมิวออกมาเล่นกับหมาหรือคะ?"
เธอเล่าว่า กำลังเดินออกมาเข้าห้องน้ำตอนตีสอง มองไปที่ลานหน้าครัวเห็นคนผู้ชายแค่ครึ่งตัว คือตั้งแต่เอวลงมาถึงปลายเท้า นุ่งกางเกงยีนส์กำลังเล่นกับเจ้าดุ๊กดิ๊ก แต่เธอมองไม่เห็นท่อนบน ไม่รู้ว่าตาฟางหรือท่อนบนกลืนหายไปในความมืด?
น้องชายทำหน้างง หันมาสบตาฉันก่อนจะบอกสาวใช้ว่า "เออ!"
"โล่งอกไปที" เหมียวยิ้มร่า "นึกว่าผีหลอกซะแล้ว"
ทันใดนั้น ไอ้ดุ๊กดิ๊ก ไอ้มอมและด๊อกแด๊กก็เห่ากันขรมอยู่ที่ประตูรั้ว ฉันตะโกนเรียกชื่อให้มันหยุดเห่าเพราะนี่ก็ปาเข้าไปตีสองครึ่งแล้ว คุณตาคุณยายกับพ่อแม่ของฉันเข้านอนกันตั้งนาน เดี๋ยวจะตกใจตื่น
เมื่อหมาไม่หยุดเห่า เราสี่คนก็เดินไปดูให้รู้แน่ แล้วเราก็เห็นชายร่างใหญ่คนหนึ่ง ยืนพิงรั้วเราอยู่คล้ายจะแอบมองเข้ามาด้านใน พอเราเดินไปเงียบๆ เขาก็ผละออกจากประตู แล้วถอยไปซบอยู่กับมอเตอร์ไซค์ของเขา ทำท่าจะล้มให้ได้
"คนเมา?" น้องชายฉันกระซิบ "หรือขโมย?"
เราสี่คนยืนมองเขาอย่างสำรวจตรวจตราดูว่ามีอะไรจะช่วยเหลือเขาได้ไหม? เขาผงกหัวขึ้นมามองเราแล้วทำท่าตกใจ เขาเมามากนะนั่น เพราะตะกายขึ้นมอเตอร์ไซค์แทบไม่ไหว แต่ในที่สุดเขาก็ขึ้นขี่และสตาร์ตเครื่องยนต์ได้ เขาหันมาดูพวกเราที่ยังยืนนิ่งมองเขาอย่างเดิม จากนั้นก็บึ่งรถออกไป ค่อนข้างจะตุปัดตุเป๋น่าเป็นห่วง
อย่างไรก็ตาม เช้านี้มีคำลือกันอีกแล้ว...
เขาว่าเมื่อคืนมีคนเมามาจอดรถตรงหน้าประตูเรา แล้วเห็นคนเป็นสิบ...ทั้งเด็กทั้งคนแก่ แถมหมาอีกร่วมสิบตัวไปยืนดูเขาจนเขาตกใจกลัว เพราะรู้ว่าโดนผีบ้านนี้หลอกแน่ๆ
เรางง...ขำก็ขำ! เราอยู่แค่สี่คนนี่นากับหมาอีกสามตัวแท้ๆ แล้วเขาเห็นอะไรล่ะ
เขาตาฝาดเพราะฤทธิ์เหล้า หรือเขาเห็นผีจริงๆ คะ? แต่เมื่อคิดทบทวนไปมาสักพักเราก็ขนลุกซ่าขึ้นมาดื้อๆ ค่ะ! บรื๋อออ....
ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!