มะม่วงผีสิง


มะม่วงผีสิง

"ป้าอบ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากริมแควป่าสักสมัยเด็กๆ ดิฉันอยู่กับยายที่อำเภอเสาไห้ สระบุรี

ส่วนพ่อแม่ไปทำงานกรุงเทพฯ แต่ก็ส่งเงินมาให้ยายเสมอ ถ้ามีโอกาสก็มาเยี่ยมบ้าน ดิฉันเป็นลูกหลานคนเดียวของพ่อแม่และยาย ไม่ได้ว้าเหว่อะไรหรอกค่ะ เพราะอยู่กับยายก็มีความสุขมากๆ

บ้านเราเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูง รั้วบ้านก็คือดงกระถินที่เก็บทั้งกินและขาย ส่วนหลังบ้านอยู่ติดกับแควป่าสัก เพื่อนบ้านของเราส่วนมากจะเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ยิ่งกว่ายายของดิฉันด้วยซ้ำ เดี๋ยวคนนั้นเจ็บ เดี๋ยวคนนี้ตาย ยายก็พาฉันไปช่วยเขาทุกงาน ยกเว้นงานศพยายเพี้ยน!

สาเหตุที่ไม่ไปงานศพก็เพราะไม่ค่อยกินเส้นกัน จนถึงไม่มองหน้ากันตั้งแต่ดิฉันจำความได้แล้ว ทั้งๆ ที่บ้านอยู่ค่อนข้างใกล้กัน หลังบ้านมีมะม่วงสำปั้นต้นใหญ่ แผ่กิ่งใบร่มครึ้ม...ยายเพี้ยนเป็นม่ายเหมือนยาย ไม่มีลูก มีแต่หลานสาวห่างๆ รุ่นเดียวกับดิฉัน

ผู้ใหญ่โกรธกัน แต่เราก็เป็นเพื่อนกันตามประสาเด็กๆ ที่ไม่คิดอะไรมาก เวลาเราเล่นด้วยกันแถวๆ สวนผักหรือใต้ร่มมะม่วง ไม่ว่าเล่นหมากเก็บ หรือเล่นอีตัก ก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอกค่ะ ยกเว้นแต่จะมองเมินๆ เท่านั้น

เคยได้ยินยายเล่าว่าสาเหตุที่ไม่กินเส้นกับยายเพี้ยนเพราะเรื่องสวนผักนี่เอง!

ความจริงเรียกว่าสวนผักก็ไม่ถูกต้องนักหรอกค่ะ เพราะแถวบ้านเรามีทั้งมะพร้าว มะยม พุทรา มะม่วง มะละกอ ต้นแค น้อยหน่าก็มี กับไม้ดอกไม้ใบสารพัด เช่น ต้นเข็ม พุ่มผกากรอง...ที่ว่างๆ ก็กลายเป็นสวนผักเป็นหย่อมๆ ตั้งแต่ผักกาด คะน้า กวางตุ้ง ต้นหอม ผักชี ส่วนตะไคร้ กะเพรา โหระพา แมงลัก ไม่ต้องพูดถึงเพราะปลูกกันทุกบ้านอยู่แล้ว

ที่ชายหาดลดหลั่นลงไปก็ปลูกผักเป็นแปลงๆ ติดกัน ยกเว้นหน้าน้ำที่แควป่าสักเอ่อท้นขึ้นมาเปี่ยมตลิ่งถึงจะงดเว้นไปตลอดฤดู

ยายเป็นคนขยันค่ะ ชอบเก็บผักไปขายที่ตลาดสดปากเพรียว เช่น ผักบุ้ง กระถิน ถั่วฝักยาว ชะอม ตำลึง ใช้ตอกมัดเป็นกำๆ แล้วใส่กระจาดไปขาย ขากลับก็พาดิฉันไปซื้อขนม พวกครองแครง ข้าวเหนียวหน้ากุ้ง หรือขนมปลากริมไข่เต่าใส่หม้ออวยไปกินที่บ้าน

เพราะการเก็บผักนี่แหละค่ะ ที่ยายบอกว่าเคยทะเลาะกับยายเพี้ยน เพราะแกขี้เหนียวหรือขี้งก หาว่ายายล่วงล้ำเข้ามาเก็บผักเก็บหญ้าในที่ดินของแก ทั้งๆ ที่บ้านอื่นไม่มีใครเขาห้ามหวงหรอกค่ะ ยิ่งกระถินกับชะอมน่ะมีคนมาเก็บเจ้าของยิ่งชอบ เพราะยิ่งเด็ดมันยิ่งแตกยิ่งงามสะพรั่งขึ้นทุกที

ยายดิฉันกับยายเพี้ยนโกรธกันจนวันตาย ที่เขาเรียกว่า "ไม่เผาผีกัน" ก็เพิ่งเจอนี่เอง...จนกระทั่งวันหนึ่งก็โดนผียายเพี้ยนหลอกหลอนเข้าเต็มเปา!

เย็นนั้นยายพาดิฉันออกไปเก็บผักตั้งแต่เย็น เพราะต้องเอากลับมาล้าง มากำเพื่อเตรียมไว้สำหรับใส่กระจาดไปขายแต่เช้ามืด ยายถือตะกร้ากับมีดขอด้ามยาว ส่วนดิฉันยายให้ถือไม้ไผ่อันเล็กๆ ติดตัวไว้สำหรับไล่งูเงี้ยวเขี้ยวขอ...

เราเด็ดชะอมที่ดกสะพรั่งอยู่ใกล้ๆ ที่ยายเพี้ยน มองเห็นบ้านแกเงียบเชียบเพราะหลานแกกลับไปอยู่กับพ่อแม่ที่บ้านหมอชั่วคราว...ดิฉันนึกถึงยายเพี้ยนที่ตายไปแล้วอดนึกหวาดๆ ไม่ได้ตามประสาเด็ก...จนไปถึงหลังบ้านแกไม่รู้ตัว

ตอนนั้นเริ่มโพล้เพล้แล้วแต่ยังมองเห็นหน้ากันถนัด ทันใดก็มีเสียงกระแอมมาจากต้นมะม่วงสำปั้น ทำให้เราหันขวับ ยายร้องว่า "ใครวะ?" พลางขยับมีดขออย่างเตรียมพร้อม...ราวกับจะเป็นคำตอบ เมื่อยอด มะม่วงเขย่าเกรียวกราวเหมือนมีคนกลุ่มใหญ่ขึ้นไปขย่มมันเล่น

ดิฉันใจหายวาบ คว้าข้อมือยายแน่น...อุปาทานหรือเปล่าก็ไม่ทราบ ทำให้เห็นร่างเลือนๆ ของยายเพี้ยนที่โคนต้นมะม่วง...ผียายเพี้ยนที่ได้ชื่อว่าขี้งกนักหนา!

"อ้อ! คิดจะหลอกกู นึกว่ากูกลัวเรอะ?" ยายร้องอย่างโมโหจัด "ขนาดมึงเป็นๆ กูยังไม่กลัวมึงสักนิด นี่เป็นผีแท้ๆ จะมาเก่งกว่าคนได้ยังไงวะ?"

ว่าแล้วยายก็ปราดเข้าไปเงื้อมีดขอฟันโคนต้นมะม่วงสำปั้นฉับๆ มีเสียงหวีดร้องโหยหวนดังโอ๊ยๆๆ จนดิฉันแทบจะขาดใจตายด้วยความกลัวสุดขีด แต่ยายโกรธจัดจนไม่แยแส จ้วงฟันไม่ยั้ง เสียงร้องดังห่างขึ้นไปบนยอดมะม่วง...ยายหยุดยืนหอบฮั่กๆ จนตัวโยน

"กลับบ้านกันเถอะอีหนู พรุ่งนี้ยายจะมาฟันมันอีก! ให้มันสำนึกซะมั่งว่าผีน่ะไม่ได้เก่งกว่าคนหรอกวะ"

คืนนั้น ดิฉันนอนคลุมโปงเพราะเสียงหวีดร้องของผียายเพี้ยนดังก้องอยู่ในหู รุ่งเช้าถึงกับจับไข้ ยายเลยต้องหยุดไปขายผัก 2-3 วัน ตั้งแต่นั้นดิฉันไม่ยอมเฉียดกรายไปใกล้ๆ มะม่วงผีสิงต้นนั้นอีกเลยค่ะ!


ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์