เงินปากผี


เงินปากผี

"เด็กวัด" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากป่าช้าน้อย

ผมเป็นคนสุรินทร์ครับ เมื่ออายุครบ 20 ปี พ่อแม่กับญาติๆ ก็ให้บวชแทนค่าน้ำนม กับเพื่อล้างบาปตามประเพณีของพวกเรา...ตอนที่ผมเป็นพระบวชใหม่อยู่นั่นเองก็ได้เจอะเจอกับเรื่องสยองขวัญอย่างจังๆ

เรื่องของเรื่องก็คือเมื่อผมบวชได้ราว 3-4 วันที่มีหญิงชราคนในหมู่บ้านล้มตายโดยไม่มีใครทราบสาเหตุ แกเข้านอนตามปกติแล้วหลับไม่ตื่นอีกเลย

"ยายชื้น" ผู้ตายนี่เป็นคนดุมาก แถมขี้เหนียวชนิดดูไม่จืดจริงๆ พอตายลงเขาก็ให้ญาติๆ ดูหน้าเป็นครั้งสุดท้าย...ขนาดผมอยู่ในผ้าเหลืองแท้ๆ ยังอดขนลุกไม่ได้ เพราะไม่เคยเห็นอะไรน่ากลัวขนาดนี้มาก่อนเลย...ใบหน้านั้นเขียวคล้ำ บวมฉึ่ง นัยน์ตาก็ดูโตมาก ปากแยกเขี้ยวอมเหรียญบาทเต็มปาก น่าสยองเหลือทน

เมื่อสวดศพครบ 3 วันเขาก็เอาศพยายชื้นไปเผา!

ขณะนั้นยังไม่มีเมรุหรอกครับ ต้องเอาไปเผาที่หลังวัดซึ่งมีแต่ป่าโปร่ง เรียกกันว่า "ป่าช้าน้อย"

ราวสี่โมงเย็นกว่าๆ ก็หามออกไปป่าช้า มีพระถือสายสิญจน์นำหน้า พอตั้งศพบนกองฟืนที่มีต้นกล้วยค้ำยันทั้งสองข้าง แล้วก็มีการสวดศพเป็นครั้งสุดท้าย มีชาวบ้านนั่งยองๆ พนมมือฟังสวดกันสลอน...กว่าจะได้เผาก็ใกล้ค่ำมืดพอดี ส่วนคนที่เหลือก็ไปเฝ้าบ้าน เล่นหมากฮอส หมากรุก หรือไฮโลตามประสาชาวบ้านที่ถือเป็นธรรมเนียมกันมานานแล้ว

หมาจากหมู่บ้านล้วนเห่าหอนกันเป็นทอดๆ ตอนที่หามศพผ่าน ยอดไม้ไหวซู่ซ่าด้วยแรงลม เสียงหมาหอนบวกกับความเย็นเยือกของฤดูหนาวยิ่งเพิ่มความน่าวังเวงใจขึ้นอีกจนบางคนบอกว่าอดขนลุกไม้ได้จริงๆ ครับ

สำหรับพระบวชใหม่อย่างผม ขอบอกตรงๆ ว่าใจคอไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อตัวเหมือนกัน มันรู้สึกหวาดๆ ยังไงก็บอกไม่ถูก

จนกระทั่งสามทุ่มเศษ...ผมมองออกไปตามรอยแตกของฝากระดาน...ไฟที่เผาศพยายชื้นยังไม่มอดสนิท มันคุแดงเหมือนมีนัยน์ตาของอะไรบางอย่างที่จ้องมองมาอย่างมุ่งร้ายหมายขวัญ เล่นเอาปากคอแห้งผาก ต้องกระเดือกน้ำลายอย่างยากเย็น...ก่อนที่จะมีเสียงพึมพำดังแว่วมากับสายลมจากแถวกองถ่านไฟนั่นเอง

"หนาวไหม?" เป็นคำถามเสียงแหบๆ น่าขนหัวลุก

"ก็หนาวน่ะซี ถามได้" เป็นเสียงตอบที่แหบเครือเช่นกัน...ผมใจเต้นโครมๆ กลืนน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่า ฟังไม่ออกว่าเป็นเสียงของใครกันแน่? ได้แต่สันนิษฐานด้วยอารามปอดกระเส่าไว้ก่อนว่าเป็นเสียงของยายชื้น...

ว่าแต่ยายชื้นตายไปแล้ว ถูกเผาเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว แกจะพูดจาได้ยังไง? นอกจากจะเป็น...เสียงผี! แล้วยายชื้นแกพูดกับใครล่ะ? บรื๋อออ...

"เราจะเอาเงินนี่ไปทำอะไรล่ะ?"

"เขาให้มาแล้วนี่ เราจะเอาไปทำอะไรก็ได้..."

เสียงพึมพำพอจับความได้ดังแว่วมาอีก ส่วนไฟก็ยังคุแดงไม่ยอมมอดดับง่ายๆ เห็นชัดในคืนที่มืดสลัวและเปล่าเปลี่ยวจนน่าใจหาย...แต่ผมเกิดนึกสงสัยขึ้นมาว่าผีจะมีจริงๆ หรือ? แล้วตัวตนจะเป็นยังไง? เหมือนในหนังสือหรือในหนังหรือเปล่า?

ผมอยู่กุฏิเดียวกับหลวงพ่อบวก...ถามว่าได้ยินเสียงนั้นไหม? หลวงพี่ก็บอกได้ยิน...ผมนึกยังไงไม่รู้ ชวนท่านไปดูผีด้วยกันให้เห็นแก่ตาตัวเอง หลวงพี่บวกก็ตกลง

ใกล้เข้าไป...เสียงพูดคุยพึมพำนั้นก็ชัดขึ้นทุกที พอย่องไปดูใกล้ๆ เล่นเอาผมแทบช็อก พูดอะไรแทบไม่ออกนอกจากคำว่า ไอ้หำ! ไอ้แห้ว! มึงมาทำอะไรที่นี่?

ไอ้หำกับไอ้แห้วคือเด็กแสบในหมู่บ้าน พอมันหันขวับมาเห็นเราก็ผงะหน้าก่อนจะย้อนถามว่า...หลวงพี่มาทำอะไร ไม่หลับไม่นอน? ผมก็เลยถามกลับไปกว่า...แล้วพวกเอ็งล่ะมาทำอะไรที่นี่? เจ้าสองแสบก็ตอบว่ามาหารายได้พิเศษ...ได้แล้ว 20 บาท!

โกรธก็โกรธ ขำก็ขำ ผมเลยถามต่อว่าเอ็งสองคนไม่กลัวผีหรือ?

คำตอบของพวกมันทำให้ผมแทบสะอึก

"ตลาดสดน่ากลัวกว่า เพราะแม่ค้าคือสัปเหร่อ ที่นั่นมีทุกอย่าง เป็ด, ไก่, วัว, ควาย, หมู...สารพัด"

สรุปคือ ตลาดสดน่ากลัวกว่าที่ป่าช้าที่มีแต่ศพคน...ส่วนหมาที่เห่าหอนนั้นก็เพราะวันพรุ่งนี้จะมีการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านคนใหม่...ที่เขาเรียกว่า "คืนหมาหอน" นั่นประไร! เล่นเอาผมพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว



ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์