ราตรีอุบาทว์


ราตรีอุบาทว์

"มัธยันต์" เล่าเรื่องขนหัวลุกเมื่อวิญญาณร้ายสิงร่างสามีกลับบ้าน

ดนยาผุดลุกผุดนั่งอยู่ในห้องรับแขกตั้งแต่สามทุ่มเศษ เข็มนาฬิกาที่ผนังสีขาวเดินเชื่องช้ายิ่งกว่าเต่าคลาน-ตามความรู้สึกของหล่อน แม้กระนั้นมันก็ปาเข้าไปเกือบห้าทุ่มแล้ว!

เวทย์ปิดมือถือทำไมนะ? หรือว่าแบตเตอรี่หมดกลางทาง

ทาวน์เฮาส์ในย่านแจ้งวัฒนะที่หล่อนเรียกมันว่าบ้านได้อย่างเต็มคำ เมื่อปีกลายนี้เองเขาและหล่อนเรียกมันว่า "เรือนหอ" ด้วยซ้ำไป

เขากับหล่อนต้องอดทนทำงานหนัก สะสมเงินทองเพื่อสร้างอนาคตให้มีรากฐานมั่นคง โดยไม่สนใจกับแรงยุของเพื่อนสนิทที่แนะนำว่าให้แต่งงานอยู่กินกันไปก่อน เวทย์กับหล่อนไม่เห็นพ้องกับคำแนะนำนั้นเลย!

ด้วยความมุ่งมั่นร่วมกันอย่างเด็ดเดี่ยว ในที่สุดก็มาถึงวันนี้จนได้...การรอคอยย่อมทนทุกข์ทรมานเสมอ แต่ผลของมันเอมโอช หวานล้ำคุ้มค่ากับการรอคอยอย่างแท้จริงๆ

ทั้งสองยังทำงานหนักเหมือนเดิม ดนยาทำงานบริษัทเครื่องไฟฟ้า เวทย์ยังปักหลักอยู่ที่บริษัทหลักทรัพย์ที่ถนนอโศก...การช่วยกันเก็บหอมรอมริบมาตลอดห้าปีนั้น นอกจากจะได้ทาวน์เฮาส์สองชั้นหลังกะทัดรัดแล้ว ยังซื้อรถมือสองที่สภาพดีเยี่ยมได้อีกด้วย

ดนยาลูบคลำพระเครื่ององค์เล็กๆ ที่ห้อยคอ พลางอธิษฐานขอพรให้คุ้มครองสามีของหล่อนด้วยเถิด...แหงนหน้ามองนาฬิกาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่อยากจะจดจำ...มันบอกเวลาห้าทุ่มครึ่งแล้ว แต่เวทย์ก็ยังไม่กลับมา

"เปรี้ยง!!" เสียงฟ้าผ่าสนั่นหวั่นไหว ขนาดอยู่ในห้องแอร์ หญิงสาวยังสะดุ้งเฮือก อกใจสั่นระทึกไปหมด...เม้มปากแน่นก่อนจะกดเบอร์มือถือเข้าหาเวทย์อีกครั้ง

"ผมเข้าซอยมาแล้ว..." เสียงซ่า...คล้ายมีอะไรแทรกเข้ามาแต่ดนยาก็ได้ยินชัดเจน เป็นครั้งแรกที่หล่อนยิ้มออกมาได้ ถามว่าทำไมเขาถึงปิดเครื่องก่อนหน้านั้น แต่เสียงซ่า...ก็ดังขึ้นอีกก่อนที่เสียงต่างๆ จะเงียบหายไป...

แสงไฟพวยพุ่งมาที่ประตูรั้วบ้านพอดี!

ดนยาวางมือลงพร้อมกับถลาไปถอดกลอนประตู แต่แสงไฟคู่นั้นแล่นพรวดพราดผ่านประตูรั้วเข้ามาในโรงรถ แทบจะชนกับผนัง...ฟ้าคำรามเปรี้ยงๆ ขณะที่เวทย์ก้าวลงมาด้วยใบหน้าอาบเลือดจนหญิงสาวหวีดร้องอย่างลืมตัว

"เกิดอุบัติเหตุอะไรคะ? เวทย์เป็นยังไงมั่ง? โธ่! เลือดเปรอะไปหมด"

"นิดหน่อย" เขาตอบห้วนๆ ยกแขนเสื้อสีขาวขึ้นปาดเลือดที่หน้าผาก มองเห็นรอยแผลที่ลึกและยาวอย่างน่ากลัว "อย่าตกอกตกใจไปหน่อยเลยน่า...มาหาผัวซิคนสวย!"

ดนยาสะดุดใจวาบ...สามีของหล่อนไม่เคยพูดจาห้วนห้าว สุ้มเสียงดูหยาบคายแบบนี้มาก่อนเลยนี่นา...เขาแสยะยิ้มจนเห็นรอยฉีกขาดที่มุมปากด้านขวา เลือดไหลจากแผลที่หน้าผากลงมาอีก สัญชาตญาณบางอย่างทำให้หญิงสาวถอยหลังช้าๆ เขาก็กางแขนสืบเท้าเข้ามา ดวงตาแดงก่ำ ลุกโชนหื่นกระหาย...นั่นไม่ใช่แววตาของเวทย์แน่นอน!

"มานี่...นังตัวดี!" เสียงตวาดทำให้หล่อนสะดุ้งโหยง ตัดสินใจหมุนตัววิ่งไปที่บันไดเพื่อหนีไปชั้นบน แต่ร่างกำยำก็โถมเข้ากระชากขาหล่อนลงมาล้มกลิ้งบนพื้นปาร์เกต์ด้วยกัน กลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งจนดนยาแทบสำลัก หล่อนดิ้นรนสุดชีวิตพลางร้องร่ำ

"ปล่อย! ปล่อยฉัน...แกไม่ใช่เวทย์!!"

เสียงหัวเราะบ้าคลั่ง ใบหน้าเปรอะเลือดคลุกเคล้ากับอกอวบสั่นกระเพื่อม...ก่อนจะผงะหน้าออกไป ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก คำรามลั่น

"ถอดมันออก! ถอดมันออกเดี๋ยวนี้..." เสียงนั่นหอบหืด ละล่ำละลัก นัยน์ตาเบิกถลนจ้องมองบางสิ่งบางอย่างที่ลำคอหล่อน...พระเครื่ององค์นั้นเอง!

ดนยารู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร หล่อนกระชากพระออกมาชูใส่หน้า ภูตนรกตนนั้นผงะหงาย หญิงสาวลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทั้งกลัวทั้งโกรธแค้น...แต่ความรู้สึกอย่างหลังมีมากกว่า ทำให้หล่อนสืบเท้าเข้าหามัน...ร่างนั้นถอยกรูดๆ เมื่อหล่อนยื่นมือพรวดพราดไปตรงหน้าก็ได้ยินเสียงแผดร้องโหยหวนไม่ผิดกับสัตว์ร้ายที่ได้รับบาดเจ็บสุดชีวิต

หันหลังกลับเผ่นออกจากบ้าน ดนยาปราดเข้าไปหาก็เห็นมันหายวับไปต่อหน้าต่อตา...หญิงสาวหอบจนตัวโยน เปิดประตูรถออกก็เห็นร่างสามีนั่งฟุบหน้ากับพวงมาลัย นัยน์ตาเบิกโพลงหันมาด้วยแววตาว่างเปล่า...เวทย์เสียชีวิตแล้วเพราะภูตนรกตนนั้น และมันสวมรอยเขามาถึงบ้านนี้ เดชะบุญที่อำนาจของพระพุทธคุณช่วยให้หล่อนรอดตัวมาได้

ดนยาฟุบหน้าลงบนไหล่สามีผู้ไร้วิญญาณ เสียงหวีดร้องของหล่อนโหยหวน...บาดลึกลงไปถึงหัวใจของทุกคนที่ได้ยิน!



ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์