ผีต้นนุ่น


ผีต้นนุ่น

"หนุ่มสุรินทร์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากต้นนุ่นผีสิง

ผมเป็นคนสุรินทร์ครับ เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ เหมือนกับคนอื่นๆ อีกนับแสนนับล้าน ตอนแรกๆ ผมก็เหงาเอาเรื่องแบบคนไกลบ้าน แต่ไม่นานนักพรหมลิขิตก็ขีดเขี่ยให้ผม ได้เจอกับสาวน้อยแสนสวยคนหนึ่งชื่ออ้อย ผมเลยหายเหงาเป็นปลิดทิ้ง

แหม...แค่ชื่อก็หวานขนาดนี้แล้ว ยิ่งได้เธอมาเป็นหวานใจผมงี้หลงซะจนคิดว่า อ้อ! ที่เขาว่าความรักทำให้คนตาบอดมันเป็นอย่างนี้นี่เอง! เล่นเอาผมลืมคิดถึงบ้านไปเลย

แต่อ้อยซิครับ เวลาวันหยุด วันตรุษหรือเทศกาลเธอก็ชอบกลับบ้านนอกเป็นประจำ ไม่ใช่กลับเปล่า เธอยังชวนผมไปเที่ยวบ้านด้วย...บ้านอ้อยอยู่ใกล้ๆ หมู่บ้านผมนิดเดียว! แฮ่ะๆ บอกแล้วว่าคนเป็นเนื้อคู่กันก็ยังงี้แหละ ถ้าอยู่ที่บ้าน ก็คงไม่ได้เจอ นี่พรหมลิขิตเขียนให้เรามาพบกันที่กรุงเทพฯ

เมื่อเดือนห้าที่ผ่านมานี้ก็เช่นกัน เป็นอีกวาระโอกาสหนึ่งซึ่งอ้อยได้กลับบ้าน และเธอก็ชวนให้ผมไปบ้านเธอให้ได้ เช่นเคย

คืนวันที่ผมไปบ้านอ้อยน่ะ บรรยากาศช่างเป็นใจเหลือเกินครับ พระจันทร์แจ่มจ้าเต็มดวงพอดี โรแมนติกซะนี่กระไร ผมชวนน้อยที่เป็นเพื่อนรักซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปด้วยกัน เพราะน้อยเองก็มีแฟนอยู่ใกล้ๆ นี้ ชื่อเต่า

พอถึงหมู่บ้านของอ้อย ผมกับน้อยก็แยกกันไปคนละทาง คือน้อยไปหาสาวเต่า ผมตรงดิ่งไปหาสาวอ้อย และน้อยก็ขอเอารถเครื่องไป ผมก็ เออ...เอาไปเถอะไม่เป็นไร ผมเดินไปได้แค่นี้เอง เวลากลับก็ใช้มือถือโทร.หากันละกัน จะได้นัดแนะให้เอารถมารับที่ปากทางเข้าหมู่บ้านตรงนี้ ว่าแล้วก็บึ่งรถไป หน้าบานเชียว

ผมเองก็กระหยิ่มยิ้มย่อง เดินทอดน่องสู่บ้านอ้อยตามหัวใจมันพาเดินไป...ทั้งๆ ที่ทางเข้าหมู่บ้านไปยังบ้านอ้อย จะเป็นถนนเล็กๆ สองข้างทางดูเปล่าเปลี่ยว แต่ผมไม่ยักกลัวแฮะ

ระหว่างทางมีต้นนุ่นใหญ่สูงทะมึน ลูกนุ่นห้อยระโยงระยางอยู่กลางแสงจันทร์ ผมมองว่ามันสวยน่ารักดีนะ ต้นไม้เนี่ย...ใจผมมันครึ้มครับ เดินฮัมเพลงไปตลอดทาง

พอถึงบ้านสาวอ้อย ได้ไหว้พ่อแม่และทักทายพี่น้องเธอแล้ว เราก็มานั่งคุยกันที่แคร่หน้าบ้าน

เฮ้อ...คุยกันเหมือนไม่ได้เจอะเจอกันมานาน คนเรายามรักนี่ไม่รู้สรรหาอะไรมาพร่ำพลอดกันได้ไม่รู้เบื่อ เวลาก็ช่างผ่านไปเร็วไวซะเหลือเกินละ เหลือบมองนาฬิกาอีกที เอ๊ะ! เกือบตีสอง...เร็วเกินไปหรือเปล่าเนี่ย?

พอดีได้ยินเสียงพ่อของอ้อยกระแอมกระไออยู่ที่หน้าต่างเหนือแคร่นั้น ผมก็เลยจำใจต้องลาจาก ...เอ๊ย! ลากลับบ้าน อากาศเริ่มเย็น ผมโทร.มือถือไปบอกน้อยให้มารับที่ปากทาง น้อยบอกว่าไม่ต้องรีบนะ ยังไม่หายมันส์เลย...

อย่างไรก็ตาม ผมเกรงใจบ้านอ้อยเขาน่ะครับ เลยค่อยๆ เดินกลับท่ามกลางฟ้าสว่างด้วยจันทร์เพ็ญ ลมพัดโชยมาเอื่อยๆ...ผมเดินมาตามถนน ในใจไม่กลัวอะไรตามเคย เพราะมัวแต่คิดถึงคำหวานและตาหวานๆ ของสาวอ้อย

เอ๊ะ! กลิ่นอะไร ทะแม่งๆ

ผมทำจมูกฟุดๆ ฟิดๆ มันเป็นกลิ่นเหมือนปลาเค็มเน่าๆ ผสมผสานกับกลิ่นธูปเอียนๆ ขนเริ่มลุกละครับท่านผู้ชม...

ทันใดนั้น ไม่รู้อะไรดลใจให้เงยหน้าขึ้นไป ผมเพิ่งรู้ตัวว่ามาหยุดอยู่ที่ต้นนุ่นพอดี...คุณพระช่วย! บนกิ่งนุ่นนั่นมันตัวอะไรหว่า? กลิ่นฉุนรุนแรงจนผมต้องยกมือปิดจมูก กลั้นลมหายใจ...และแล้ว ภาพที่ปรากฏแก่สายตาก็ชัดขึ้นทันที

มันเป็นร่างของผู้หญิงยืนอยู่บนกิ่งนุ่น มือไม้กางเกร็งแบบแข็งๆ เขม้นมองจ้องกลับลงมา ผมหนาวเยือกเข้ากระดูกดำ มีบางสิ่งบางอย่างคล้ายลูกเห็บตกใส่ตัวผมด้วย

ผีหลอก!! ผมวิ่งแน่บไม่คิดชีวิต หลับหูหลับตาวิ่งเตลิดเปิดเปิงชนิดที่เรียกว่าแหกป่า...มารู้ตัวอีกทีตอนได้ยินเสียงน้อยเรียก ผมวิ่งมาถึงบ้านแฟนน้อยแน่ะครับ ไม่น่าเชื่อ! น้อยถามว่าวิ่งหนีอะไรมา? ผมตัวสั่นปากสั่นบอกว่าโดนผีหลอก

สาวเต่าร้องหวีดแล้วซุกตัวเข้าหาเจ้าน้อย เธอว่าก่อนผมมาน่ะมีผู้หญิงผูกคอตายที่ต้นนุ่น เพิ่งเผาไปเมื่อสองวันก่อนนี่เอง!

เรื่องที่ผมถูกผีหลอกวิ่งหนีผมตั้งนี้ถูกเล่าแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้าน ผมเลยพูดแก้เขินว่า นี่นะ... ถ้ารู้ว่าผีสาวละก็จะปล้ำซะให้เข็ด อยากหลอกดีนัก! แต่พูดก็พูดเถอะครับ คราวหน้าผมจะเดินไปบ้านอ้อยอีท่าไหนยังนึกไม่ออกเลยคุณ!



ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์