บ้านสนธยา
"มัธยันต์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากแดนสนธยา
อานนท์ยกมือขึ้นลูบใบหน้าก่อนจะสะบัดศีรษะอย่างงุนงง เหลียวมองไปรอบกายที่มีแต่ความมืดสลัว บรรยากาศเปล่าเปลี่ยวชวนให้วังเวงใจอยู่ในรัตติกาล!
สายลมคร่ำครวญมาตามสุมทุมพุ่มไม้ ฟังเผินๆ คล้ายเสียงใครกลุ่มหนึ่งกำลังกระซิบกระซาบความลับต่อกัน บางครั้งยอดไม้สูงทะมึนรายล้อมอยู่ห่างๆ ก็สะบัดกิ่งใบเกรียวกราว ฟังเผินๆ เหมือนเสียงใครกลุ่มใหญ่กำลังหัวเราะครืนอย่างขบขันเต็มประดา
"ฉันคงจะเมาเกินไปตอนกลับบ้าน เมาจนง่วง เดินต่อไปไม่ไหวเลยหยุดนั่งพักที่นี่ แล้วล้มตัวนอนหลับไปเลย?"
ชายหนุ่มบอกตัวเอง ใช้มือปัดเศษดินเศษหญ้าออกจากเสื้อผ้า เคราะห์ดีที่ฝนไม่ตก แม้จะตั้งเค้ามาตั้งแต่เย็น ผืนดินแห้งผาก ส่งกลิ่นหอมกรุ่นค่อนข้างแปลกประหลาด...บางครั้งก็มีกลิ่นธูปควันเทียน กับดอกไม้เย็นๆ อวลกรุ่นมาตามสายลมรำเพย
เขาเพิ่งลุกขึ้นมานั่งเมื่อครู่ก่อนนี่เอง!
อานนท์แน่ใจว่าอาการมึนเมาทุเลาลงไปมากแล้ว หรือไม่ก็ไม่ได้เมามายอะไร นอกจากความง่วงเหงาหาวนอน อ่อนล้าทั้งกายและใจมากกว่า ที่ทำให้หยุดพักและเอนร่างลงนอนโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
กลับบ้าน...ชายหนุ่มยกมือขึ้นเสยผมค่อนข้างยาวที่ปรกหน้าผาก ป่านนี้ลูกกับเมียคงจะหลับไปแล้ว...หรือตรงข้าม พวกเขากำลังรอคอยพ่อบ้านอย่างกระวนกระวายใจก็เป็นได้
"เอาละ! ฉันจะกลับบ้านเสียที..."
ชายหนุ่มขยับตัว ร่างกายเหนอะหนะพลันเย็นซ่านด้วยสายลมที่พัดโชยมาแผ่วเบาราวกับสัมผัสของคนรัก...พร้อมๆ กับเสียงหวานๆ ดังมากระทบหูในระยะใกล้ชิด
"จะรีบไปไหนล่ะคะคุณ?"
เสียงที่ทั้งหวานระคนยั่วเย้าแบบเพื่อนสนิท ทำให้อานนท์หันขวับ เพ่งสายตาฝ่าความสลัวไปพบกับหญิงสาวผมยาวผู้หนึ่งกำลังนั่งกอดเข่าอยู่บนเนินดินไม่ห่างจากเขานัก ใบหน้าหล่อนวางตะแคงอยู่บนเข่า นัยน์ตาช้อนมองเหมือนจะทักทายแบบผูกมิตรอยู่ในที
"ก็...กลับบ้าน..." อานนท์นึกเจ็บใจตัวเองที่เสียงเขาตะกุกตะกักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน "ไม่รู้ผมมานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไง?"
สาวสวยหัวเราะเสียงใส โยกเข่าเล่นในอาการเพลิดเพลิน
"ไม่ว่าใครๆ ก็มานอนที่นี่กันทั้งนั้นแหละคุณ ผู้หญิง ผู้ชาย เด็กๆ คนแก่กับคนหนุ่มสาว...ดูซี่! ที่นี่เงียบสงบยิ่งกว่าที่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นในบ้านช่อง ในที่ทำงาน หรือแม้แต่ตามถนนหนทาง หลายๆ คนก็อยู่ที่นี่เป็นปีๆ แน่ะ ขนาดหลายปีก็ยังมีนะ ขอบอก"
"เชิญคุณอยู่ไปเถอะ ผมขออยู่บ้านดีกว่า..."
"แหม! คุณพูดยังกับคนเราเลือกได้งั้นแหละว่าอยากอยู่ที่ไหน? กับใคร? ส่วนมากน่ะต้องลงเอยด้วยการอยู่กับคนแปลกหน้าทั้งนั้นแหละ ใหม่ๆ ก็กลัว แต่ไม่ช้าก็เริ่มคุ้นเคยไปเอง...อย่างฉันไง!"
"คุณชอบอยู่ที่นี่งั้นรึ?" อานนท์เลิกคิ้ว รู้สึกอึดอัด หวาดระแวงอะไรบางอย่างที่บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร "คุณคงอยู่มานานแล้วกระมัง?"
หญิงสาวพยักหน้ายิ้มๆ ช้อนตาดำขลับมองดูดวงดาวระยิบพรายเต็มท้องฟ้า มุมปากมีรอยยิ้มนิดๆ เสียงของหล่อนเบาราวกับล่องลอยมาตามสายลม เหมือนกำลังพูดกับตัวเอง
"คนเราไม่มีสิ่งที่เราชอบ เราก็ต้องชอบสิ่งที่เรามีใช่ไหมคะ? ฉันชอบที่นี่ อยากอยู่ที่นี่ไปให้นานแสนนานที่สุด..." ปลายเสียงนั้นเครือพร่า แม้ว่าปากเต็มอิ่มจะมีรอยยิ้มละไม แต่อานนท์เอะใจที่เห็นน้ำตาเอ่อท้น วาววับเต็มเบ้าตา...ก่อนจะไหลรินเงียบเชียบตามร่องแก้มเหมือนความทุกข์ทนของแม่พระธรณี
"จริงๆ นะ ฉันชอบที่นี่จริงๆ ไม่เชื่อคุณก็มองไปรอบๆ ซี แล้วจะชอบแบบฉัน"
ชายหนุ่มกระเดือกน้ำลายลงคอแห้งผาก ผละสายตาจากหล่อนมองไปรอบๆ กายที่เห็นเนินดินเป็นหย่อมๆ บนนั้นมีร่างของผู้คนทุกเพศทุกวัยกำลังนั่งเงียบๆ และบ้างก็เงยหน้ามองดูผืนฟ้าด้วยอาการเลื่อนลอย
"จริงของคุณ..." เขาฝืนยิ้ม "แต่ผมต้องกลับบ้านเสียที"
เสียงหัวเราะของหล่อนหวานระริก ไม่มีวี่แววเยาะเย้ยใดๆ อานนท์ขยับกายจะลุกขึ้นยืน แต่กลับพบตัวเองพลัดหล่นลงไปในหลุมมืดดำ ภาพดาวเกลื่อนฟ้าหายวับไปในความมืดมนอนธการ...อันไม่อาจจะประจักษ์แจ้งได้ด้วยประการทั้งปวง!
ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!