หลอนสุดขีด


หลอนสุดขีด

"ไปรผดา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบ้านเช่า

เรากำลังปลูกบ้านใหม่ในที่ดินที่คุณแม่สามียกให้ ดังนั้น ระหว่างนี้จึงต้องเช่าบ้านไปพลางๆ ก่อน ครอบครัวเราประกอบด้วยสามีที่ทำงานบริษัท และลูกๆ สามคนที่กำลังเรียนชั้นประถม แถมด้วยสาวรับใช้อีกหนึ่งคน

ฉันทำหน้าที่เป็นแม่บ้านโดยมีสาวใช้เป็นผู้ช่วย ตอนเช้าสามีไปส่งลูก ตอนบ่ายสามโมงไม่ฉันก็ตูนสาวใช้จะไปรับกลับจากโรงเรียน

บ้านที่เราเช่าอยู่ออกจะพิลึกๆ ตูนยังเคยบ่นว่ายังกะบ้านผีสิง เพราะมันมีอะไรแปลกๆ ฉันเองรู้สึกเสมอเหมือนกันว่ามีใครที่ไม่มีตัวตนเดินไปเดินมาอยู่ในบ้านหลังนี้...คิดแล้วขนลุกค่ะ

ที่น่าประหลาดที่สุดก็คือทุกๆ บ่ายโมง ในบ้านจะบังเกิดกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนกลิ่นหนึ่งโชยขึ้นมา บางทีเราก็ได้กลิ่นกรุ่นๆ แต่บางทีก็ฉุนกึก มันเหมือนเนื้อเน่าที่ถูกไฟเผา มีกลิ่นผมไหม้ผสมผสานเข้ามาด้วย

กลิ่นนี้มีมาตั้งแต่วันแรกๆ ที่เราย้ายเข้ามาอยู่แล้ว!

สามีกับลูกๆ น่ะไม่ต้องพูดถึง พวกเขาไม่ได้อยู่บ้านนี่คะ จึงมีแต่ฉันกับตูนเท่านั้นที่ต้องทนทรมานกับกลิ่นร้ายกาจนี้ โดยที่ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน แต่ฉันแน่ใจว่ากลิ่นมันเกิดขึ้นมาจากในห้องน้ำชั้นล่างนี่ละค่ะ

บ้านนี้ไม่ใช่กระจอกนะคะ เป็นบ้านก่ออิฐถือปูนที่น่าอยู่หลังหนึ่งเชียวละ ภายในก็ดูโปร่ง สว่างไสว แถมค่อนข้างใหม่ ไม่ใหญ่โตอะไรนัก ขนาดสองห้องนอนที่ชั้นบน กับหนึ่งห้องนอนที่ชั้นล่าง ตูนอยู่ในห้องนี้ละค่ะ เหมือนห้องนอนคุณหนูเชียว มีห้องน้ำเล็กๆ ในตัวด้วย

แต่ห้องน้ำที่เป็นแหล่งกำเนิดกลิ่นประหลาดนั่นอยู่ใต้บันไดค่ะ!

มันเป็นส่วนหนึ่งของห้องรับแขก ใกล้ๆ ห้องกินข้าว และมีฝักบัวอาบน้ำด้วยไม่ใช่เป็นเพียงสุขาอย่างเดียว ทั้งยังมีร่องรอยว่าแต่ก่อนเคยมีเครื่องทำน้ำอุ่นติดตั้งไว้ แต่เจ้าของเดิมคงถอดออกไปแล้ว ด้วยเหตุอันใดก็ไม่ทราบได้ อาจจะเป็นเพราะมันเสียละมังคะ

เจ้าของบ้านหลังนี้เป็นนักธุรกิจเหมือนสามีดิฉันนี่ละค่ะ ท่าทางจะเป็นลูกครึ่งเพราะสูงใหญ่ ผิวขาว ผมหยักศก ภรรยาเป็นสาวไทยตัวเล็กๆ ใบหน้าเศร้าๆ ฉันพบเขาทั้งคู่แค่ครั้งเดียว เพราะเรื่องเช่าบ้านนี้สามีจัดการเสร็จ

ความจริงแล้วที่นี่อยู่สบาย ถ้าไม่มีเรื่องพิลึกๆ ที่เล่ามา แต่เอาเถอะ ฉันทำใจว่าเราอยู่ราวๆ ปีหนึ่งเท่านั้น อาจไม่ถึงด้วยซ้ำ รอให้บ้านเราเสร็จเรียบร้อยเมื่อไหร่ก็จะบ๊ายบายละค่ะ

ฉันเคยบ่นเรื่องกลิ่นประหลาดให้สามีฟัง เขาดูอึ้งไปพักใหญ่เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ พอถามเข้าเขาก็ว่าไม่มีอะไรหรอก

"ถึงมีก็ไม่เห็นเป็นไร เราไม่ได้อยู่ที่นี่ตลอดไปนี่นา"

บ่ายวันหนึ่ง ตูนนอนกลางวันตรงโซฟาห้องรับแขก ขณะที่ฉันนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะกินข้าว...ทันใดเจ้าหล่อนก็ร้องวี้ดแล้วผลุดลุกขึ้นนั่ง ตาแดงก่ำ หัวหูยุ่งเป็นกระเซิง

"หนูฝันร้ายค่ะคุณ ฝันว่ามีผู้หญิงแก่ๆ ผอมๆ เดินออกมาจากห้องน้ำ ตัวเขาไหม้ไปบางส่วน มีควันกรุ่นจางๆ แล้วก็เหม็นอย่างที่เราได้กลิ่นน่ะค่ะ" ขาดคำของตูน ฉันก็ทำจมูกฟุดฟิดเพราะกลิ่นนั้นมันมาอีกแล้ว ตูนถึงกับผวา "อึ๋ย! หนูกลัวแล้วนะเนี่ย!"

คืนนั้น ตูนขอขึ้นไปนอนกับลูกๆ ของฉันที่ห้องนอนชั้นบน เพราะเธอแน่ใจว่าบ้านนี้มีผี และต้องเป็นผีที่ตายอยู่แถวๆ ห้องน้ำข้างล่างนั่นแหละ

ฉันไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป แต่คาดคั้นกับสามีในวันหนึ่ง โดยไม่ให้ลูกๆ กับตูนระแคะระคายหรือได้ยิน

สิ่งที่ได้ฟังจากสามีทำให้ฉันเข่าอ่อนยวบ...

เขาเล่าว่า ฝันของตูนน่ะแม่นอย่างน่าขนหัวลุกที่สุด เรื่องของเรื่องก็คือเมื่อ 2-3 ปีก่อน แม่ยายของเจ้าของบ้านเก่าซึ่งนอนห้องชั้นล่างและเป็นหญิงชราที่ขยันมาก ได้ทำความสะอาดห้องน้ำในบ่ายวันหนึ่งแล้วเกิดอุบัติเหตุถูกไฟที่รั่วจากเครื่องทำน้ำอุ่นดูดตายคาที่...ใบหน้าไหม้ไปแถบหนึ่งกับผมอีกกระจุก น่าสงสารมาก

สามีฉันไม่กลัวผี แม้จะรู้สึกเหมือนกันว่าวิญญาณของหญิงชรายังไม่ไปไหน

ส่วนฉันกลัวมาก อยู่ไม่เป็นสุขเลยค่ะ ต้องทำบุญใส่บาตร และหลอกตูนว่าไม่มีอะไรหรอก เธอฝันเป็นตุเป็นตะไปเอง

ทุกวันนี้เรายังอยู่ที่บ้านนี้ แต่เดือนหน้าก็จะย้ายไปอยู่บ้านตัวเองแล้วละค่ะ ฉันกลัวมากแต่พยายามทำใจว่า "ผีก็อยู่ส่วนผี คนก็อยู่ส่วนคน" เวลาได้กลิ่นไหม้ตอนบ่ายทีไร ฉันก็ได้แต่สวดมนต์แผ่เมตตา ขอว่าอย่ามาหลอกฉันเลย พ้นทุกข์พ้นร้อนแล้วก็ไปสู่สุคติเสียทีเถิด!



ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์