คุณทวดยังอยู่


คุณทวดยังอยู่

"สิงโต" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากวิญญาณคุณทวด

เมื่อคุณทวดละม้ายของผมถึงแก่กรรม พวกเราที่อยู่บ้านเดียวกับท่านก็กลัวกันมากถึงมากที่สุดเชียวละครับ จะบอกให้

คุณทวดละม้ายเป็นหญิงชราวัย 98 ร่างอ้วนใหญ่ ผมขาว หน้าบึ้งตลอดเวลาเพราะท่านเป็นคนดุ เจ้าระเบียบ เนี้ยบไปทุกกระดิก เดิมท่านเป็นครูนี่ครับ ในยุคสมัยของท่านน่ะใครทำผิดเป็นโดนเฆี่ยนหมด...เรียกว่าลงโทษให้เข็ดหลาบ โงหัวไม่ขึ้นกันเลยละ

ใครต่อใครหลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า บ้านผมน่ะโชคดีซะจริงๆ เพราะเป็นครอบครัวที่อายุยืนเสียนี่กระไร คุณทวดอายุ 98 คุณปู่ 76 พ่อ 46 และผมก็ 16 เป็นลูกสุดท้องในพี่น้องสามคน เรื่องที่ว่าโชคดีน่ะก็มีส่วนถูก เพราะคุณทวดละม้ายน่าเอ็นดูผม รักผมมาก แต่ท่าทีที่ท่านแสดงออกนั้น ไม่ใช่ดึงผมเข้าไปกอดจูบหรอกนะครับ อย่างดีท่านก็ลูบหัวมองผมด้วยสีหน้าละมุนละไม

ถึงท่านจะอายุ 98 แต่ท่านก็ดูไม่แก่สักเท่าไหร่ บางคนที่มาเห็นท่านยังทายว่าท่านอายุสัก 90 ท่านแข็งแรงครับ และเมื่อท่านตาย ท่านก็จากไปอย่างสงบเหมือนใบไม้ร่วง หลุดปลิวจากขั้ว ท่านไปง่ายมาก เป็นหวัดอยู่ 3-4 วัน ไม่แสดงอาการทุกข์ทรมานอะไรสักนิด ท่านเพียงแต่นอนนิ่งๆ ซึมๆ ไม่พูดไม่จา ไม่กินข้าวกินน้ำ แล้วก็หลับไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย

ท่านสิ้นลมในห้องนอนของท่านที่อยู่ชั้นสองของบ้าน!

พ่อผมไปแจ้งอำเภอ แจ้งทางวัด และมีสัปเหร่อหรือเจ้าหน้าที่ของวัดมาจัดการศพให้ถึงบ้าน แหม...ผมไม่อยากเรียกว่าศพเลยครับ มันฟังน่ากลัวพิลึก นี่ผมขนลุกไปหมดนะเนี่ย

ถึงเวลาจะผ่านมาเกือบสองปีเต็มๆ แล้ว ผมก็จะไม่มีวันลืมวันนั้นเลย...

ผมนั่งข้างเตียงท่าน แอบจับเท้าที่เย็นชืดจนผมสะดุ้งเมื่อไปแตะเข้า โอ! คนตายนี่เย็นอย่างนี้เอง เย็นประหลาดๆ เย็นเฉียบจนน่าสยดสยองเหลือเกิน

ผมดูเจ้าหน้าที่กรีดเส้นเลือดที่ข้อเท้าของท่าน แล้วอัดน้ำยากันเน่าเข้าไป มันทำให้ใบหน้าท่านดูบวมๆ แปลกไปจากเดิม มีอยู่ตอนหนึ่งที่เส้นเลือดตรงแก้มของท่านพองตามแรงอัดแล้วมีเลือดพุ่งจี๊ดออกมา เจ้าหน้าที่อีกคนต้องเอาสำลีกดไว้ ขณะที่อีกคนหนึ่งอัดน้ำยาต่อ

เมื่อเสร็จงานแล้วเขาก็เอาท่านใส่เปลหามลงโลง ก่อนจะขึ้นรถตู้ไปวัด!

ตั้งแต่นั้นมา ห้องนอนของท่านกลายเป็นดินแดนที่น่ากลัว คุณปู่ไม่ยอมให้ทิ้งที่นอนหมอนมุ้ง แม้แต่ผ้าห่มที่เปื้อนน้ำเหลืองปนน้ำยากันเน่า คุณปู่ก็ให้เอาไปซักแล้วมาพับไว้ที่เดิม ห้องนอนของคุณทวดยังคงสภาพเก่าเหมือนท่านยังอยู่

เชื่อไหมครับ ผมแน่ใจว่าท่านยังอยู่ที่นี่จริงๆ คิดดูเถอะครับ คนเราอยู่มาเนิ่นนาน ยาวนานกว่าใครๆ ท่านย่อมผูกพันกับที่อยู่ของท่าน...ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ

ไม่มีใครยอมอยู่ชั้นสองของบ้านอีกเลย แต่ก่อนคุณลุงคุณป้าอยู่ห้องข้างๆ ท่าน นี่ย้ายลงมาหมด มาอยู่กับคุณปู่ที่ชั้นล่าง ส่วนผมกับพ่อแม่และพี่ๆ น่ะค่อยยังชั่วหน่อย ที่มีเรือนเล็กอยู่ข้างตึกใหญ่ พวกคนใช้เขาก็มีเรือนของเขาอยู่อีกด้านหนึ่ง

หลังจากคุณทวดตายผมคิดถึงท่านมาก ใจหายพิกล ผมเคยเดินขึ้นไปบนห้องท่านในบ่ายวันหนึ่ง พอเปิดประตูเข้าไปผมนึกยังไงไม่รู้ครับ ถึงจะไม่เห็นด้วยตา แต่ก็รู้สึกว่าท่านนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกเหมือนแต่ก่อน ท่านกำลังมองมาที่ผม...

และทันทีที่คิดเช่นนั้น เก้าอี้ก็โยกเบาๆ ผมชาวาบไปทั้งตัว ยกมือไหว้ก่อนจะล่าถอยออกมาจากห้อง

คุณป้าบอกว่าผมเก่งจริงๆ ที่เข้าไปในห้องนั้นได้ แหม! ญาติผู้ใหญ่เราแท้ๆ ไม่ใช่คนอื่นนี่ครับ คุณป้าบอกอีกนานกว่าจะกล้าขึ้นข้างบน ทุกวันนี้นอนข้างล่างยังกลัว! ก็น่าเห็นใจครับ เพราะการจัดการกับศพท่านคงจะติดตาคุณป้าอยู่ไม่หาย

คืนหนึ่ง ผมกำลังจะเข้านอนก็เดินไปปิดหน้าต่างเพื่อจะเปิดแอร์ ผมสะดุ้งเลย เพราะเห็นไฟบนห้องของคุณทวดเปิดสว่างจ้า ผมออกมาบอกคุณพ่อ ทันทีที่บอกพ่อก็หน้าซีดเลยครับ พ่อบอกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไฟห้องคุณทวดเปิดได้เอง คืนก่อนก็ทีหนึ่งแล้ว และไม่มีใครกล้าไปปิดจนรุ่งเช้า

นี่ก็เหมือนกัน ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละ ไว้ตอนสายๆ ค่อยให้ใครขึ้นไปปิด

ยังดีนะครับ ที่คนในบ้านเราไม่มีใครเห็นท่านมาหา แต่บุรุษไปรษณีย์ซิครับ เขาไม่รู้ว่าท่านเสียแล้ว วันหนึ่งเขาเอาจดหมายมาหย่อนลงตู้รับจดหมายหน้าบ้านเรา แล้วเขาก็มองขึ้นไปบนหน้าต่างชั้นสองพลางยกมือไหว้

คุณป้าเป็นคนเห็นบุรุษไปรษณีย์ทำอย่างนั้น และคุณป้าแน่ใจว่าเขาเห็นคุณทวดแต่คุณป้าปิดปากเงียบ ไม่ยอมถามให้ขนหัวลุก...ผมเองก็สวดมนต์ก่อนนอนแล้วก็กราบท่าน ขอให้ท่านคุ้มครองเรา แต่อย่ามาให้เห็นเลยครับ ถึงผมจะรักท่านมากแต่ผมก็กลัวผีนะครับ!



ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์