เงาอุบาทว์


เงาอุบาทว์

"วิน" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากซอยเปลี่ยว

ผมเรียนมหาวิทยาลัยราชภัฏอยู่ปี 1 ครับ ชีวิตนักศึกษาที่นี่อบอุ่นมาก รุ่นพี่ดีกับเราจริงๆ มีกิจกรรมรับน้องตั้งแต่ก่อนเปิดเทอม ทำให้เราสนิทสนมกันมากเชียวละ

พอเปิดเทอมเริ่มเรียน งานก็เยอะ ผมเป็นเด็กกิจกรรมซะด้วย เลยรับหน้าที่ช่วยพี่ๆ ทำคัตเอาต์บ้าง ทำบอร์ดบ้าง ผมถึงได้กลับบ้านดึก แต่รับรองว่าไม่มีเรื่องเหล้ายาหรืออบายมุขใดๆ และบางคืนผมก็ต้องนอนที่หอกับพวกพี่ๆ

คืนหนึ่ง ผมทำงานเพลิน เราอยู่กันหลายคน พอทำงานดึกเราก็หิวซี ผมรับอาสาเดินไปซื้อมาม่าให้ที่เซเว่นฯ ปากซอย ระยะทางราว 200 เมตรได้ แต่ไม่เป็นไร ไฟถนนสว่างดี ผมไม่กลัวอะไรหรอกครับ ดีซะอีกที่ได้ยืดเส้นยืดสาย นั่งขัดสมาธิจนปวดเมื่อยไปหมดแล้วเนี่ย...

ว่าแล้วผมก็รับตังค์จากพวกพี่ๆ คนโน้นฝากซื้อนั่น คนนี้ฝากซื้อนี่ แหม! ถ้ามีจักรยานขี่ก็ดีซีนะ นี่ไม่มีต้องเดินเอา

หลังจากซื้อของเสร็จแล้ว ผมก็หิ้วถุงพะรุงพะรังสองไม้สองมือออกจากร้านเซเว่นฯ เอ...พอมองเข้าไปในซอยมันวังเวงเหมือนกันแฮะ ทำไมคืนนี้ไม่มีคนเดินนะ เพิ่งตีหนึ่งกว่าๆ เอง จะรีบนอนไปทำไมกัน?

เอ้า! ไม่เป็นไร ผมสูดลมหายใจแล้วก้าวเดิน เสียงจิ้งหรีดกรีดปีกอยู่ในพงหญ้า แมลงกลางคืนส่งเสียงแหลมๆ

ผมเดินผ่านต้นมะขามใหญ่ ใบหนาทึบ น่ากลัวเอาการอยู่ เพราะมันบังแสงไฟถนนตรงนั้นจนเป็นเงามืด ผมต้องผ่านมันไปด้วยใจระทึก...

ทันใดนั้นเอง ผมรู้สึกหนาวเยือก ทั้งๆ ที่อากาศอบอ้าวตับจะแตก เอ...ขามาไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลย ตรงนี้ผมก็เดินผ่านนี่นา ไม่เห็นมืดขนาดนี้นี่! ครั้นมองไฟนีออนสว่างบนเสาสูง ไฟก็ไม่ได้ดับซะหน่อย ใช้ได้เหมือนเดิม แต่ตอนขามาจำได้ว่ามันสว่างดี

คุณพอจะนึกภาพออกไหมครับ?

พอถึงใต้เงามะขามมันมืดเป็นสีดำเลย จะเดินเลี่ยงไปอีกฝั่งถนนก็ไม่ได้ มันมืดไปหมด เหมือนกำลังจะเดินเข้าไปในอุโมงค์อะไรสักอย่างนั่นแหละ มันทำให้ผมแปลกใจมาก เพราะขอย้ำอีกที...ผมมาซอยนี้ 3-4 ครั้งแล้ว เดินผ่านตรงนี้ก็บ่อย เพิ่งจะเห็นมันมืดสนิทแบบนี้...อัศจรรย์จริง! แต่ยิ่งกว่านั้น ผมขนลุกซ่า ลุกทั้งขนแขน ขนที่หลังและขนบนหัว!

ทำไงได้ล่ะครับ มันต้องเดินนี่นา ผมกลั้นใจไม่หลอนตัวเองให้กลัวอะไรไม่เข้าเรื่องแล้วทำเป็นเดินหน้าตาเฉย เออน่า! อีกไม่กี่เมตรก็จะพ้นเงาทะมึนนี่แล้ว

ไม่งั้นซีครับ ผมเดินคล้อยหลังจากลำต้นสูงใหญ่ ยังไม่ทันพ้นเงาก็ได้ยินเสียงตุ้บ! ข้างหลังนี่เอง เหมือนของหนักๆ ตกจากต้นไม้! หนักจนดินสะเทือน...ถ้ามันเป็นต้นมะตูมหรือมะพร้าวจะไม่สงสัยเลย นี่มะขามนะครับ! มะขามฝักเล็กๆ ใหญ่กว่านิ้วมือนิดเดียว...แล้วมันเป็นอะไรล่ะ?

ผมไม่กล้าหันไปมอง ยอมรับละครับว่าคำตอบคือ...ผี!!!

กลืนน้ำลายเอื๊อก จะออกวิ่งก็ไม่กล้า โบราณว่าเจอผีหลอกแล้ววิ่งหนีจะสติแตก...เตลิดเปิดเปิงเป็นบ้าเป็นบอไปเลย เผลอๆ จะหัวใจวายตายเอาได้

เมื่อเชื่อโบราณก็บานบุรี...เอ๊ย! ค่อยๆ เดินไปตามปกติ อยากเดินเร็วกว่านี้แต่ขามันสั่นครับ ที่ร้ายที่สุดคือผมรู้สึกชัดๆ ว่ามีอะไรตามหลังมาก็ไม่รู้ มันเป็นเสียงฝีเท้าหนักๆ ถ้าผมเดินเร็วมันก็เร็ว ถ้าผมช้ามันก็ช้า ตกลงผมรีบเดินดีกว่า

โอ๊ย! สันหลังจะกลายเป็นน้ำแข็งอยู่แล้ว หนทางอีกราวร้อยเมตร ผมดูเหมือนมันไกลไม่รู้จบ หอของรุ่นพี่ที่เห็นลิบๆ มันอยู่สุดขอบโลกซะงั้น!

ในที่สุดผมก็พ้นจากเงาอุบาทว์นั่น แต่ยังไม่กล้าหันกลับไปมอง เสียงฝีเท้าที่เดินตามหายไปแล้ว แต่ผมแน่ใจเหลือเกินว่าผีตัวนั้นกำลังยืนจ้องผมอยู่ในเงามืดของมะขามต้นใหญ่

หมาหอนโบ๋วขึ้นมาดื้อๆ ผมแทบน้ำตาเล็ด กัดริมฝีปากแล้วเดินต่อไป...หลับหูหลับตาเดินไปเรื่อยๆ

ในที่สุดก็กลับมาถึงหอ ขึ้นบันไดไปอย่างเหนื่อยอ่อน หมดแรงเลยครับ พี่ทักว่า "ถูกผีหลอกรึเปล่า? ลืมบอกไปว่าที่ต้นมะขามน่ะมีผีผูกคอตาย!"

พูดทำไมก็ไม่รู้ เขาคงเจตนาจะแซวผมเล่น แต่พอเห็นสีหน้าผมพี่ก็ชะงัก

"เฮ้ย! เจอมาจริงๆ เหรอ?"

ผมได้แต่พยักหน้า...สาบานเลยครับ ผมจะไม่มาค้างที่นี่อีก ถึงจะมาผมก็ไม่ยอมไปซื้อของให้อีกหรอก รุ่นพี่ก็รุ่นพี่เถอะ! ผมไม่ไปให้จริงๆ เอ้า! จะซื้อเตรียมไว้ให้ตั้งแต่กลางวันเลยฮะ



ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์