ห้องผีสิง


ห้องผีสิง

"ตุ๋ย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกในห้องสยองขวัญ

คุณลุงบอกพ่อแม่ผมว่าให้ผมเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ คุณลุงจะดูแลอย่างดีที่สุดเหมือนลูกเลย ผมได้อยู่ที่บ้านคุณลุงด้วย...แต่ห้องที่ผมอยู่น่ะเป็นห้องผีสิง!

คุณลุงพัฒน์เป็นญาติห่างๆ ทางพ่อผม นานๆ เราจะได้เจอกันที แต่เขาก็เห็นผมมาตั้งแต่เล็กๆ คุณลุงมีลูกสาวสองคน เรียนมหาวิทยาลัยปี 1 กับ ม.6 บ้านอยู่แถวบางกะปิ เป็นบ้านเก่าแก่มากๆ มันดูโอ่อ่าแต่บรรยากาศเงียบเหงาน่าวังเวงใจสิ้นดี

แน่ละครับ ก็อยู่กันแค่สี่คนคือคุณลุง คุณป้าและลูกๆ กับคนรับใช้แบบเช้ามาเย็นกลับอีกสองคน

มีเรื่องน่าประหลาดอย่างหนึ่ง คือคุณลุงคุณป้าและลูกๆ อยู่รวมกันในห้องหนึ่งชั้นล่าง ส่วนชั้นบนซึ่งมีถึงสามห้องนอนกลับปล่อยไว้เฉยๆ ไม่มีใครอยู่...คงขี้เกียจขึ้นบันไดมั้ง

คุณลุงให้ผมเลือกเอาเองว่าอยากอยู่ห้องไหน ผมเลือกห้องที่อยู่ติดกับบันไดเพราะมีห้องน้ำในตัวด้วย

ชั้นบนนี่กว้างขวางมาก เวลากลางคืนคงจะน่ากลัวพิลึก คิดดูซิครับ ทุกคนใช้ชีวิตอยู่เฉพาะชั้นล่างเท่านั้น ชั้นบนที่ผมอยู่จึงเป็นเหมือนโลกอีกโลกหนึ่งเลย...เป็นโลกที่เวิ้งว้างว่างเปล่า ตอนค่ำๆ ผมกินข้าวเสร็จแล้วจะรีบกลับขึ้นห้องเลย ขืนรีรออยู่จนดึกดื่น ทุกคนจะเข้านอนกันหมด และบ้านก็ยิ่งวังเวงจนขนลุกแน่ะครับ

พอเข้าห้องแล้วผมจะไม่โผล่ออกมาอีกเลยจนรุ่งเช้า!

แต่ในห้องนอนของผมก็ใช่ว่าจะอบอุ่นปลอดภัย ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาอยู่ด้วยตลอดเวลา จนผมซึ่งเป็นคนชอบปิดไฟนอน ต้องเปิดไฟดวงหนึ่งไว้ทั้งคืน

ตอนมาอยู่ใหม่ๆ คุณลุงใจดีซื้อคอมพิวเตอร์ให้ผมใช้ โต๊ะที่วางคอมพ์นี้เดิมหันหน้าเข้าฝาผนัง เวลานั่งผมจะหันหลังให้กลางห้อง แต่พอใช้ไปสักพัก ผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ พิกล เลยย้ายที่นั่งใหม่ หันโต๊ะออกกลางห้องและผมนั่งชิดผนัง ค่อยยังชั่วหน่อย...แต่ความรู้สึกว่าถูกจับจ้องจากสิ่งลึกลับก็ยังมีอยู่

จะเป็นด้วยความรู้สึกนี้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ ทำให้ผมปรุงแต่งเรื่องราวเป็นความฝันสุดสยอง

คืนหนึ่ง หลังจากมาอยู่ที่นี่ได้เดือนเศษ ผมก็ฝันไป ซึ่งในฝันนั้นเหมือนความจริงมากเลยครับ

ในฝันนั้น ผมก็อยู่ในห้องนี้แหละ แต่ไม่ได้อยู่คนเดียว มีผู้ชายผู้หญิงวัยกลางคนยืนอยู่ด้วย ทั้งคู่มีใบหน้าโศกเศร้า น้ำตาไหลตลอดเวลา และเหม่อมองมาทางเตียงที่ผมนอน เมื่อผมมองตามสายตานั้นก็ต้องสะดุ้งสุดตัว...

บนเตียงนี้มีร่างของเด็กสาวคนหนึ่งนอนตายอยู่ เธอตัวแข็งทื่อ ดวงตาครึ่งหลับครึ่งเปิด ปากเผยอซีดขาว มีคนจัดการกับศพโดยเอาน้ำสีเหลืองๆ คงเป็นน้ำขมิ้นตำกับมะกรูดแล้วเอาแต่น้ำมาลูบไล้ทาศพ จากนั้นก็หวีผมสามครั้งแล้วหักหวี ผมเห็นเขาเอาเหรียญใส่ปากศพแล้วก็เอาแผ่นขี้ผึ้งแผ่กว้างปิดคลุมหน้าศพจนมิด และสวมเสื้อเอากระดุมไว้ข้างหลังก่อนจะเอาเสื้อสวมธรรมดาทับอีกชั้น

สุดท้ายก็เอากรวยดอกไม้ธูปเทียนใส่มือศพที่พนมมือ

ผมตกใจตื่น กลัวอย่างบอกไม่ถูก กลัวจนไม่กล้ามองข้างๆ กลัวจะเห็นศพนั้นมานอนแข็งทื่ออยู่ด้วยน่ะซีครับ

ความกลัวติดตรึงอยู่กับกระดูกสันหลังผมต่อมาอีกนานเชียวละ มันหวาดไปหมด ภาพศพเด็กสาวยังจำได้ติดตา ผมกลัวว่ามองไปจะเห็นเธอมายืนพนมมือถือดอกไม้ธูปเทียน มีขี้ผึ้งปิดหน้า! บรื๋ออออ...

ในที่สุดผมก็ทนไม่ไหว คิดแล้วคิดอีกว่าถ้าไม่อยู่บ้านคุณลุงแล้วจะไปอยู่ไหนเนี่ย?

ผมขอคุยกับคุณป้าแล้วเล่าเรื่องทุกข์ใจให้ฟัง ผลที่ได้รับกลับดีเกินคาด คุณป้าร้อง โถ! คำเดียว แล้วก็ให้ผมย้ายจากข้างบนลงมาอยู่ข้างล่าง ซึ่งห้องที่ลงมาอยู่นี้เล็กมาก เป็นห้องเก็บของ มันมีเนื้อที่พอจะวางเตียงกับโต๊ะคอมพิวเตอร์ได้เท่านั้น พอใส่ตู้เสื้อผ้าแบบพลาสติกเข้าไปแล้วแทบไม่มีที่จะเดิน แต่ผมก็ดีใจและรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาบ้าง มันดีกว่าอยู่ข้างบนคนเดียวมากเลย

ผมเชื่อว่าห้องที่ผมนอนข้างบนคงเคยเป็นของใครคนหนึ่ง และใครคนนั้นก็คงจะตายในห้องจริงๆ ถึงคุณลุงคุณป้าจะไม่พูดอะไร แต่ท่าทางของท่านก็บอกว่ามันจะต้องเป็นอย่างที่ผมคิด

จะอย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าจะทนอยู่ที่นี่จนเรียนจบ ม.ปลาย จากนั้นถ้าเข้ามหาวิทยาลัยผมจะไปอยู่หอ ขออย่างเดียว...อย่าให้เจอะเจอเรื่องผีๆ สางๆ อีกเลยก็แล้วกันครับ!



ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์