ผีสูบเลือด
"ธยันต์" เล่าเรื่องผีน้ำที่คอยสูบเลือดมนุษย์
ถ้าเอ่ยถึงภูตผีปีศาจทั้งหลายแหล่ "นางเงือก" ถือว่าเป็นภูตผีชนิดหนึ่งแน่นอน!
แม่น้ำบางปะกงที่แปดริ้ว, แม่น้ำท่าจีนที่ปราจีนบุรี หรือแควป่าสักที่สระบุรี เชื่อถือกันว่ามีวังนางเงือกอยู่หลายแห่ง บางแห่งก็อยู่คุ้งน้ำเปลี่ยวๆ บางแห่งก็กบดานอยู่ใกล้ๆ ท่าน้ำหน้าวัดนั่นเอง...
มีคนเห็นสาวสวยนั่งร้องเพลงอยู่ริมแพ แหงนหน้ามองพระจันทร์ พลางสางผมอย่างเพลิดเพลินไปด้วย พอพายเรือเข้าไปใกล้ คุณเธอก็หันมาส่งยิ้มให้หยาดเยิ้ม จนคนหาปลาหนุ่มๆ ที่มองเห็นนึกว่าโชคดีหลายต่อแน่ๆ คืนนี้น่ะ
ไหนจะได้ทั้งปลาครึ่งค่อนลำเรือ ไหนจะมาเจอสาวชาวแพให้ท่ายามดึกอีกต่างหาก
วาดหัวเรือเข้าไปหา...ไม่ช้าก็กระทำการโอ้โลมปฏิโลมจนสาวอ่อนระทวยเป็นขี้ผึ้งหน้าเตา ทอดกายให้ชายชมท่ามกลางแสงจันทร์เยือกเย็น ลมพัดวู่หวิว คลื่นเล็กๆ เซาะฝั่ง ฟังแล้วน่าวังเวงใจสิ้นดี!
...ก่อนจะจากกันก็ให้สัญญาหนักแน่นว่าจะมาหาตอนดึกๆ ดื่นๆ เช่นนี้ทุกคืนไป
ฝ่ายชายมาหา ฝ่ายหญิงก็รอคอยอยู่ที่เดิม
ไม่ช้าไม่นานฝ่ายชายก็ค่อยๆ ผอมแห้งแรงน้อย ในที่สุดก็เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ไม่อาจกระดิกกระเดี้ยได้ นอกจากนอนแซ่วหมดสติ...ขาดใจตายไปเอง แต่นางเงือกก็ยังนั่งอาบแสงจันทร์ สางผมด้วยหวีก้างปลาพลางร้องเพลงรอชายคนใหม่...คนที่จะตกเป็นเหยื่อต่อๆ ไปไม่มีวันสิ้นสุด...
จะเรียกว่า "ผีสูบเลือด" ก็คงไม่ผิดนัก
ในตำนานของจีนกับญี่ปุ่นก็มีผีสูบเลือดในรูปแบบต่างๆ อยู่มากมายเช่นกัน!
ผีของจีนนั้นมักชอบเหยียดแขนทั้งสองข้างไปข้างหน้า แล้วก็โดดตุ๊บๆ ไม่เดินเหินหรือล่องลอยไปได้ง่ายๆ เหมือนผีชาติอื่น เพราะเชื่อกันว่าคนตายย่อมถูกมัดมือมัดเท้า แม้ว่าเมื่อแผลงฤทธิ์ขึ้นจากหลุมมาได้ เชือกก็ยังผูกมัดตามเดิมเพราะถูกสะกดด้วยอาคมไว้แน่นหนา
ยกเว้นผีที่มีฤทธิ์แก่กล้ายิ่งกว่านั้นถึงจะหายตัวได้ หรือเดินเหินถือโคมดอกโบตั๋นไปหาคนรักได้สบายบรื๋อ
ส่วนผีสาวที่ไปหาคนรัก ก็มักจะหาโอกาสสูบเลือดกินวันละเล็กละน้อย เหมือนเป็นสาวกแดร๊กคิวล่า ไม่ช้าไม่นาน หนุ่มเจ้ากรรมที่อุตริไปรักผีก็โดนดูดเลือดจนแห้งแหงแก๋...กลายเป็นผีไปจนได้!
ผีญี่ปุ่นในสมัยโบราณก็เหมือนกัน!
ทั้งในป่าและในน้ำที่มาร่วมรักกับหนุ่มบ้าง สะกดให้หมดสติแล้วกัดคอดูดเลือดบ้าง ไม่ช้าก็เลือดหมด มีแต่น้ำอยู่แทนที่ จนซินแสที่มารักษาแทบจะขาดใจตายเพราะความหวาดกลัวสุดขีด
นางเงือกของญี่ปุ่นมีแต่หน้าเป็นคน ลำตัวเป็นปลา อยู่ในทะเลกับแม่น้ำคล้ายเงือกไทย แต่ที่แตกต่างกว่าก็คือมีเงือกผู้ชายด้วยน่ะ
มีเรื่องเล่าว่า ชาวประมงผู้หนึ่งในจังหวัดฟุคุอิ เป็นพ่อม่ายลูกสาม วันหนึ่งจับเงือกได้ แต่เธอวิงวอนให้ปล่อยไปเถิดนึกว่าเอาบุญ เพราะยังมีลูกเล็กๆ รอกินนมอยู่ (แปลว่า เงือกมีผัวแน่) แต่ชาวประมงไม่แยแสต่อคำวิงวอนนั้น กลับฆ่านางเงือกแล้วแล่เนื้อใส่ถังไว้ แล้วออกไปหาปลาต่อ
ฝ่ายลูกๆ เห็นเนื้อในถังก็เข้าใจว่าเป็นเนื้อปลา เลยจัดการเอามาทำอาหารกิน...ต่อมาเด็กๆ ทั้งสามคนก็กลายเป็นเงือกทั้งหมด เชื่อกันว่าโดนนางเงือกสาปแช่งเอาไว้ก่อนที่เธอจะสิ้นใจ
ไม่ช้าเงือกน้อยทั้งสามก็ล้มตายจนหมดสิ้น!
ชาวประมงผู้นั้นสลดใจนัก นึกถึงเวรกรรมของตนขึ้นมาได้ จึงเลิกจากอาชีพจับสัตว์น้ำ เดินทางไปอยู่เมืองนางาโนะ ปลูกต้นไม้ 3 ต้นเพื่อให้วิญญาณบุตรทั้งสามได้อยู่อาศัย กับทำบุญทำทานอุทิศส่วนกุศลให้นางเงือกกับลูกๆ ของตนจนสิ้นอายุขัย
ท่านผู้อ่าน "ขนหัวลุก" จะลงเรือแพ หรือเล่นน้ำเล่นท่าที่ไหน โปรดระมัดระวังนางเงือกเอาไว้ตามสมควรนะครับ! บรื๋ออออ....
ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
ถ้าเอ่ยถึงภูตผีปีศาจทั้งหลายแหล่ "นางเงือก" ถือว่าเป็นภูตผีชนิดหนึ่งแน่นอน!
แม่น้ำบางปะกงที่แปดริ้ว, แม่น้ำท่าจีนที่ปราจีนบุรี หรือแควป่าสักที่สระบุรี เชื่อถือกันว่ามีวังนางเงือกอยู่หลายแห่ง บางแห่งก็อยู่คุ้งน้ำเปลี่ยวๆ บางแห่งก็กบดานอยู่ใกล้ๆ ท่าน้ำหน้าวัดนั่นเอง...
มีคนเห็นสาวสวยนั่งร้องเพลงอยู่ริมแพ แหงนหน้ามองพระจันทร์ พลางสางผมอย่างเพลิดเพลินไปด้วย พอพายเรือเข้าไปใกล้ คุณเธอก็หันมาส่งยิ้มให้หยาดเยิ้ม จนคนหาปลาหนุ่มๆ ที่มองเห็นนึกว่าโชคดีหลายต่อแน่ๆ คืนนี้น่ะ
ไหนจะได้ทั้งปลาครึ่งค่อนลำเรือ ไหนจะมาเจอสาวชาวแพให้ท่ายามดึกอีกต่างหาก
วาดหัวเรือเข้าไปหา...ไม่ช้าก็กระทำการโอ้โลมปฏิโลมจนสาวอ่อนระทวยเป็นขี้ผึ้งหน้าเตา ทอดกายให้ชายชมท่ามกลางแสงจันทร์เยือกเย็น ลมพัดวู่หวิว คลื่นเล็กๆ เซาะฝั่ง ฟังแล้วน่าวังเวงใจสิ้นดี!
...ก่อนจะจากกันก็ให้สัญญาหนักแน่นว่าจะมาหาตอนดึกๆ ดื่นๆ เช่นนี้ทุกคืนไป
ฝ่ายชายมาหา ฝ่ายหญิงก็รอคอยอยู่ที่เดิม
ไม่ช้าไม่นานฝ่ายชายก็ค่อยๆ ผอมแห้งแรงน้อย ในที่สุดก็เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ไม่อาจกระดิกกระเดี้ยได้ นอกจากนอนแซ่วหมดสติ...ขาดใจตายไปเอง แต่นางเงือกก็ยังนั่งอาบแสงจันทร์ สางผมด้วยหวีก้างปลาพลางร้องเพลงรอชายคนใหม่...คนที่จะตกเป็นเหยื่อต่อๆ ไปไม่มีวันสิ้นสุด...
จะเรียกว่า "ผีสูบเลือด" ก็คงไม่ผิดนัก
ในตำนานของจีนกับญี่ปุ่นก็มีผีสูบเลือดในรูปแบบต่างๆ อยู่มากมายเช่นกัน!
ผีของจีนนั้นมักชอบเหยียดแขนทั้งสองข้างไปข้างหน้า แล้วก็โดดตุ๊บๆ ไม่เดินเหินหรือล่องลอยไปได้ง่ายๆ เหมือนผีชาติอื่น เพราะเชื่อกันว่าคนตายย่อมถูกมัดมือมัดเท้า แม้ว่าเมื่อแผลงฤทธิ์ขึ้นจากหลุมมาได้ เชือกก็ยังผูกมัดตามเดิมเพราะถูกสะกดด้วยอาคมไว้แน่นหนา
ยกเว้นผีที่มีฤทธิ์แก่กล้ายิ่งกว่านั้นถึงจะหายตัวได้ หรือเดินเหินถือโคมดอกโบตั๋นไปหาคนรักได้สบายบรื๋อ
ส่วนผีสาวที่ไปหาคนรัก ก็มักจะหาโอกาสสูบเลือดกินวันละเล็กละน้อย เหมือนเป็นสาวกแดร๊กคิวล่า ไม่ช้าไม่นาน หนุ่มเจ้ากรรมที่อุตริไปรักผีก็โดนดูดเลือดจนแห้งแหงแก๋...กลายเป็นผีไปจนได้!
ผีญี่ปุ่นในสมัยโบราณก็เหมือนกัน!
ทั้งในป่าและในน้ำที่มาร่วมรักกับหนุ่มบ้าง สะกดให้หมดสติแล้วกัดคอดูดเลือดบ้าง ไม่ช้าก็เลือดหมด มีแต่น้ำอยู่แทนที่ จนซินแสที่มารักษาแทบจะขาดใจตายเพราะความหวาดกลัวสุดขีด
นางเงือกของญี่ปุ่นมีแต่หน้าเป็นคน ลำตัวเป็นปลา อยู่ในทะเลกับแม่น้ำคล้ายเงือกไทย แต่ที่แตกต่างกว่าก็คือมีเงือกผู้ชายด้วยน่ะ
มีเรื่องเล่าว่า ชาวประมงผู้หนึ่งในจังหวัดฟุคุอิ เป็นพ่อม่ายลูกสาม วันหนึ่งจับเงือกได้ แต่เธอวิงวอนให้ปล่อยไปเถิดนึกว่าเอาบุญ เพราะยังมีลูกเล็กๆ รอกินนมอยู่ (แปลว่า เงือกมีผัวแน่) แต่ชาวประมงไม่แยแสต่อคำวิงวอนนั้น กลับฆ่านางเงือกแล้วแล่เนื้อใส่ถังไว้ แล้วออกไปหาปลาต่อ
ฝ่ายลูกๆ เห็นเนื้อในถังก็เข้าใจว่าเป็นเนื้อปลา เลยจัดการเอามาทำอาหารกิน...ต่อมาเด็กๆ ทั้งสามคนก็กลายเป็นเงือกทั้งหมด เชื่อกันว่าโดนนางเงือกสาปแช่งเอาไว้ก่อนที่เธอจะสิ้นใจ
ไม่ช้าเงือกน้อยทั้งสามก็ล้มตายจนหมดสิ้น!
ชาวประมงผู้นั้นสลดใจนัก นึกถึงเวรกรรมของตนขึ้นมาได้ จึงเลิกจากอาชีพจับสัตว์น้ำ เดินทางไปอยู่เมืองนางาโนะ ปลูกต้นไม้ 3 ต้นเพื่อให้วิญญาณบุตรทั้งสามได้อยู่อาศัย กับทำบุญทำทานอุทิศส่วนกุศลให้นางเงือกกับลูกๆ ของตนจนสิ้นอายุขัย
ท่านผู้อ่าน "ขนหัวลุก" จะลงเรือแพ หรือเล่นน้ำเล่นท่าที่ไหน โปรดระมัดระวังนางเงือกเอาไว้ตามสมควรนะครับ! บรื๋ออออ....
ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!