ผีเข้า
วันนี้จะมาเล่าเรื่องอาการผีเข้า รึที่เรียกกันติดปากว่าผีสิงนั่นแหละครับ
เรื่องนี้เกิดขึ้นนานเหมือนกันแล้วครับ ประมาณปี48นะถ้าผมจำไม่ผิด มีญาติโยมจากทางกรุงเทพมากราบหลวงตา โดยเหมารถตู้มาสองคัน รวมๆแล้วก็เกือบยี่สิบคน มากราบหลวงตาแล้วก็ถวายสังฆ์ทาน กันเต็มศาลาทีเดียว
ผมเห็นญาติโยมมากันเยอะ ก็เลยไปช่วยพวกเด็กวัดล้างจานกะบาตรพระดีกว่า(ไม่ชอบนั่งอยู่กลางหมู่คนแปลกหน้า) ขณะที่กำลังขัดถูบาตรอย่างเมามันอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงเอะอะมาจากทางศาลา แล้วไอ้ครกเด็กวัดตัวกระเปี๊ยกก็วิ่งหน้าตาตื่นมาทางพวกผมที่นั่งล้างจานกะบาตรอยู่ แล้วก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า พี่ๆ ที่ศาลามีคนโดนผีเข้า
พอพวกผมได้ยินดังนั้นก็ทิ้งของในมือลงกะละมังแทบจะพร้อมกัน แล้ววิ่งไปทางศาลา
บางคนอยากไปดู(ไทยมุง) แต่ผมเป็นห่วงหลวงตามากกว่า พอวิ่งไปถึงก็เห็น น้าผู้หญิงคนนึงกำลังเอามือจิกผมตัวเองจนหลุดติดมือมาเป็นกำเลยครับ เลือดไหลจากหัวลงมาซิบๆ แล้วก็กะโกนเป็นภาษาพื้นบ้านประเทศอะไรไม่ทราบ
ฟังไม่รู้เรื่อง แล้วก็ดิ้นพราดๆ ถ้าตอนนั้นมีโปงลางสะออนแล้ว ผมคงนึกว่าน้าแกเป็นโรค โปงลางสะออนฟีเว่อร์ เพราะแกดิ้นคล้ายๆเลย
พวกผู้ชายที่มาพร้อมๆกับแกก็ช่วยกันจับ แต่ชายฉกรรจ์สามคนจับผู้หญิงวัยกลางคนรูปร่างไม่ใหญ่ไม่โตอะไรไม่ไหวครับ กระเด็นกระดอนไปทางโน้นทางนี้แล้วก็คลานหลุนๆกลับเข้ามาจับใหม่ เจ้แกดิ้นพราดๆอยู่พักนึงก็ทำท่าจะพุ่งไปหาหลวงตา ผมกับพวกเด็กวัดอีกสองคนก็พุ่งเข้าไปขว้างหน้าหลวงตาไว้ กะว่าถ้าเจ้แกเข้ามาจริงคงไม่แคล้วต้องใช้กำลัง
แต่พอเข้ามาใกล้ไอ้พวกเด็กวัดที่น่ารัก มันผลักผมไปอยู่ข้างหน้า
แล้วมันเป็นทัพเสริมอยู่ข้างหลัง บอก ไอ้จามึงจัดเลยกรูรู้มรึงเก่ง ผมอยากจะหันไปถีบมันสักที แต่สถานการ์ณไม่อำนวย เลยเข้าไปจับเจ้แกทางข้างหลังแล้วก็พยายามกดแกลงกับพื้น แกใช้ศอกถองทั้งสีข้างทั้งพุงกะทิ ทั้งเจ็บทั้งจุก แต่ผมไม่ปล่อย
พลางตะโกนบอกไอ้พวกทัพเสริม จะยืนรอสหประชาชาติมาช่วยเรอะ มาช่วยกรูสิวะ พวกมันเลยเข้ามาช่วยกดจนลงไปจนได้ หลวงตาเดินเข้ามาแล้วบอก ปล่อยเถอะไอ้จา แต่ผมยังลังเลไม่กล้าปล่อยกลัวเจ้แกจะทำอันตรายท่าน แต่ท่านยืนยันให้ปล่อย ผมเลยต้องปล่อยแต่ยังไปนั่งอยู่ข้างๆหลวงตาอยู่ กะว่า เอ็งพุ่งมาละข้ายันโครมจริงๆผู้หญิงก็ผู้หญิงเหอะเอ้า ท่านก็สวดแผ่เมตตาให้พักนึง
แต่เจ้คนนั้นก็ยังเอามือทึ้งผมตัวเอง แล้วทำตาโตจ้องเขม็งมาที่หลวงตา แล้วพูดภาษาแปลกๆเหมือนของพม่า ไม่ก็เขมร หลวงตาจ้องตากับน้าผู้หญิงคนนั้นพักนึง ท่านก็บอก เป็นเจ้ากรรมนายเวรของโยมผู้หญิง เคยไปทำเขาไว้เมื่อชาติก่อน เขาไม่อยากให้โยมผู้หญิงได้ทำบุญ เขาแค้นน้าผู้หญิงคนนั้นเคยไปเผาบ้านฆ่าลูกกะสามีของผีตนนี้มาก่อน เลยตามรังควาญให้ทำอะไรก็ไม่เจริญ
แต่วันนี้จะเข้าวัดทำบุญ เค้าไม่ยอม ไม่อยากให้ได้บุญจึงตามมาขัดขวาง
แล้วหลวงตาก็เดินเข้ากุฏิ ไปเอาขันน้ำมนต์มาสวดมนต์พึมพัมอยู่สักครู่ก็เทโครมใส่เจ้แกทั้งขันเลย เจ้แกกรี๊ดสนั่นเหมือนไปเชียร์คอนเสริทแล้วก็เป็นลมล้มตึงไปเลยต้องเอายาลมยาดมยาหม่องมานวดมาทาพัดๆวีๆ ครึ่งชั่วโมงกว่าๆเจ้แกก็ตื่น ทำหน้างงๆ แล้วก็บ่นแสบหัว(จิกผมหลุดเป็นกำไม่แสบก็แปลกละ) พวกที่มาด้วยกันก็บอกแกโดนผีเข้า น่ากลัวจริงๆ
หลวงตาท่านเลยบอก หมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เจ้ากรรมนายเวรบ่อยๆ อย่าลืมกรวดน้ำ โยมทำบุญใส่บาตรแล้วไม่ชอบกรวดน้ำใช่ไหม น้าแกก็บอกใช่คะ ท่านก็ว่าจากนี้ถ้ามีเวลาก็ทำบุญไปให้เค้า จะได้ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา เค้าจะได้หลุดพ้น ไปผุดไปเกิดสักที แล้วท่านก็แจกสายสิญจ์ ให้ไปมัดมือทุกคน แล้วก็รดน้ำมนต์ให้ รวมทั้งผมด้วย ท่านว่า เอ็งมันผีมักผีหลง ผูกสายสิญจ์ไว้สักเจ็ดวันค่อยเอาออก เผื่อผีที่สิงเจ้คนนั้นจะมารบกวนผมได้
แล้วท่านก็สอนพวกญาติโยมว่า เวรกรรมที่เราทำจะติดตัวเราไปทุกที่ และทุกชาติ จะหลบจะหนีไปทางไหนก็ไม่พ้น
ดังนั้นจะทำอะไรก็คิดให้รอบคอบ หากทำแล้วผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนก็อย่าไปทำ ให้รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ผมเห็นเหตุการ์ณเป็นปกติแล้ว ผมก็เลยกลับไปทำงานต่อ แต่เจ็บไปทั้งตัวเลยซวยจริงๆ
ขอบคุณเรื่องเล่าจากพลังจิตดอทคอม
เรื่องนี้เกิดขึ้นนานเหมือนกันแล้วครับ ประมาณปี48นะถ้าผมจำไม่ผิด มีญาติโยมจากทางกรุงเทพมากราบหลวงตา โดยเหมารถตู้มาสองคัน รวมๆแล้วก็เกือบยี่สิบคน มากราบหลวงตาแล้วก็ถวายสังฆ์ทาน กันเต็มศาลาทีเดียว
ผมเห็นญาติโยมมากันเยอะ ก็เลยไปช่วยพวกเด็กวัดล้างจานกะบาตรพระดีกว่า(ไม่ชอบนั่งอยู่กลางหมู่คนแปลกหน้า) ขณะที่กำลังขัดถูบาตรอย่างเมามันอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงเอะอะมาจากทางศาลา แล้วไอ้ครกเด็กวัดตัวกระเปี๊ยกก็วิ่งหน้าตาตื่นมาทางพวกผมที่นั่งล้างจานกะบาตรอยู่ แล้วก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า พี่ๆ ที่ศาลามีคนโดนผีเข้า
พอพวกผมได้ยินดังนั้นก็ทิ้งของในมือลงกะละมังแทบจะพร้อมกัน แล้ววิ่งไปทางศาลา
บางคนอยากไปดู(ไทยมุง) แต่ผมเป็นห่วงหลวงตามากกว่า พอวิ่งไปถึงก็เห็น น้าผู้หญิงคนนึงกำลังเอามือจิกผมตัวเองจนหลุดติดมือมาเป็นกำเลยครับ เลือดไหลจากหัวลงมาซิบๆ แล้วก็กะโกนเป็นภาษาพื้นบ้านประเทศอะไรไม่ทราบ
ฟังไม่รู้เรื่อง แล้วก็ดิ้นพราดๆ ถ้าตอนนั้นมีโปงลางสะออนแล้ว ผมคงนึกว่าน้าแกเป็นโรค โปงลางสะออนฟีเว่อร์ เพราะแกดิ้นคล้ายๆเลย
พวกผู้ชายที่มาพร้อมๆกับแกก็ช่วยกันจับ แต่ชายฉกรรจ์สามคนจับผู้หญิงวัยกลางคนรูปร่างไม่ใหญ่ไม่โตอะไรไม่ไหวครับ กระเด็นกระดอนไปทางโน้นทางนี้แล้วก็คลานหลุนๆกลับเข้ามาจับใหม่ เจ้แกดิ้นพราดๆอยู่พักนึงก็ทำท่าจะพุ่งไปหาหลวงตา ผมกับพวกเด็กวัดอีกสองคนก็พุ่งเข้าไปขว้างหน้าหลวงตาไว้ กะว่าถ้าเจ้แกเข้ามาจริงคงไม่แคล้วต้องใช้กำลัง
แต่พอเข้ามาใกล้ไอ้พวกเด็กวัดที่น่ารัก มันผลักผมไปอยู่ข้างหน้า
แล้วมันเป็นทัพเสริมอยู่ข้างหลัง บอก ไอ้จามึงจัดเลยกรูรู้มรึงเก่ง ผมอยากจะหันไปถีบมันสักที แต่สถานการ์ณไม่อำนวย เลยเข้าไปจับเจ้แกทางข้างหลังแล้วก็พยายามกดแกลงกับพื้น แกใช้ศอกถองทั้งสีข้างทั้งพุงกะทิ ทั้งเจ็บทั้งจุก แต่ผมไม่ปล่อย
พลางตะโกนบอกไอ้พวกทัพเสริม จะยืนรอสหประชาชาติมาช่วยเรอะ มาช่วยกรูสิวะ พวกมันเลยเข้ามาช่วยกดจนลงไปจนได้ หลวงตาเดินเข้ามาแล้วบอก ปล่อยเถอะไอ้จา แต่ผมยังลังเลไม่กล้าปล่อยกลัวเจ้แกจะทำอันตรายท่าน แต่ท่านยืนยันให้ปล่อย ผมเลยต้องปล่อยแต่ยังไปนั่งอยู่ข้างๆหลวงตาอยู่ กะว่า เอ็งพุ่งมาละข้ายันโครมจริงๆผู้หญิงก็ผู้หญิงเหอะเอ้า ท่านก็สวดแผ่เมตตาให้พักนึง
แต่เจ้คนนั้นก็ยังเอามือทึ้งผมตัวเอง แล้วทำตาโตจ้องเขม็งมาที่หลวงตา แล้วพูดภาษาแปลกๆเหมือนของพม่า ไม่ก็เขมร หลวงตาจ้องตากับน้าผู้หญิงคนนั้นพักนึง ท่านก็บอก เป็นเจ้ากรรมนายเวรของโยมผู้หญิง เคยไปทำเขาไว้เมื่อชาติก่อน เขาไม่อยากให้โยมผู้หญิงได้ทำบุญ เขาแค้นน้าผู้หญิงคนนั้นเคยไปเผาบ้านฆ่าลูกกะสามีของผีตนนี้มาก่อน เลยตามรังควาญให้ทำอะไรก็ไม่เจริญ
แต่วันนี้จะเข้าวัดทำบุญ เค้าไม่ยอม ไม่อยากให้ได้บุญจึงตามมาขัดขวาง
แล้วหลวงตาก็เดินเข้ากุฏิ ไปเอาขันน้ำมนต์มาสวดมนต์พึมพัมอยู่สักครู่ก็เทโครมใส่เจ้แกทั้งขันเลย เจ้แกกรี๊ดสนั่นเหมือนไปเชียร์คอนเสริทแล้วก็เป็นลมล้มตึงไปเลยต้องเอายาลมยาดมยาหม่องมานวดมาทาพัดๆวีๆ ครึ่งชั่วโมงกว่าๆเจ้แกก็ตื่น ทำหน้างงๆ แล้วก็บ่นแสบหัว(จิกผมหลุดเป็นกำไม่แสบก็แปลกละ) พวกที่มาด้วยกันก็บอกแกโดนผีเข้า น่ากลัวจริงๆ
หลวงตาท่านเลยบอก หมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เจ้ากรรมนายเวรบ่อยๆ อย่าลืมกรวดน้ำ โยมทำบุญใส่บาตรแล้วไม่ชอบกรวดน้ำใช่ไหม น้าแกก็บอกใช่คะ ท่านก็ว่าจากนี้ถ้ามีเวลาก็ทำบุญไปให้เค้า จะได้ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา เค้าจะได้หลุดพ้น ไปผุดไปเกิดสักที แล้วท่านก็แจกสายสิญจ์ ให้ไปมัดมือทุกคน แล้วก็รดน้ำมนต์ให้ รวมทั้งผมด้วย ท่านว่า เอ็งมันผีมักผีหลง ผูกสายสิญจ์ไว้สักเจ็ดวันค่อยเอาออก เผื่อผีที่สิงเจ้คนนั้นจะมารบกวนผมได้
แล้วท่านก็สอนพวกญาติโยมว่า เวรกรรมที่เราทำจะติดตัวเราไปทุกที่ และทุกชาติ จะหลบจะหนีไปทางไหนก็ไม่พ้น
ดังนั้นจะทำอะไรก็คิดให้รอบคอบ หากทำแล้วผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนก็อย่าไปทำ ให้รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ผมเห็นเหตุการ์ณเป็นปกติแล้ว ผมก็เลยกลับไปทำงานต่อ แต่เจ็บไปทั้งตัวเลยซวยจริงๆ
ขอบคุณเรื่องเล่าจากพลังจิตดอทคอม
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!