ตำนานอสุรกาย(3)

คราวนี้ก็มาถึงนกผีขนานแท้และดั้งเดิม คือ นกแสก!

เคยได้ยินคนแก่คนเฒ่าเล่าให้ฟังถึงสรรพคุณ เอ๊ย! สรรพโทษของนกอุบาทว์นี่มาตั้งแต่เด็กๆ ว่าเป็นนกผี นกปีศาจ มีแต่ความชั่วร้ายสารพัดชนิดก็ว่าได้

คืนไหนได้ยินเสียงนกแสกร้องแซ้กๆ มาแต่ไกล ก็เป็น สัญญาณว่ามันเห็นผีเข้าให้แล้ว และผีนั่นอาจจะกำลังมุ่งหน้ามาหาเราก็เป็นได้ ยิ่งมีเสียงหมาหอนโบ๋วมาด้วย ก่อนจะโก่งคอหอนรับกันเป็นทอดๆ จนใกล้เข้ามา...ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว! จงเตรียมตั้งนะโมสวดอิติปิโสถอยหลังได้เลย

ถ้านกปีศาจนี่บินข้ามหลังคาพร้อมกับร้องแซ้กๆ ไปด้วย รับประกันได้ว่าจะมีคนในบ้านนั้นล้มตายภายใน 3 วัน 7 วัน นี่แหละ ชัวร์!!!

วิธีแก้ก็คือต้องนิมนต์พระมาฉันเช้าฉันเพล สวดมนต์ปัดรังควาน โดยเฉพาะบทพาหุงนี่ถือว่าไล่ผีกับเป็นสิริมงคลแก่คนที่ได้ยินได้ฟังดีนักเชียว ถ้าไม่ถึงฆาตจริงๆ ก็จะรอดตาย หรือผ่อนหนักให้เป็นเบาได้

แต่ถ้านกแสกบินพึ่บๆ ข้ามหลังคาพร้อมกับแหกปากร้องไปด้วย โดยที่บ้านนั้นมีคนเจ็บหนักนอนแซ่วอยู่ ก็เป็นอันปลงใจว่าคนเจ็บไม่มีโอกาสได้เห็นแสงตะวันอีกต่อไปแล้ว...คือต้องด่าวดิ้นสิ้นลมปราณในคืนนั้นเอง!

...ผีคน ผีต้นไม้ ผีสัตว์ ปาเข้าไป 15 ชนิดแล้ว แต่ก็ยังไม่ครบถ้วนกระบวนความ เพราะสัมภเวสีที่แตกดอกออกช่อยังมีอีกหลายชนิดครับ

1.เปรต

ตัวสูงๆ ที่ชอบปรากฏกายสูงปรี๊ดด้วยการเดินโย่งเย่งเหมือนเสาไฟฟ้าตอนดึกๆ ดื่นๆ พร้อมกับส่งเสียงหวีดแหลมร้องกรี๊ดๆๆ ไปด้วยเหมือนผู้หญิงโดนแมงมุมเกาะอกหรือตุ๊กแกเกาะหลังยังไงยังงั้น

เปรตที่มีชื่อเสียงโด่งดังสุดๆ ก็ต้องเปรตวัดสุทัศน์ โดยมีผู้คนหลายรายลงทุนสบถสาบานว่าเคยเห็น หรือถูกหลอกหลอนจนต้องวิ่งอ้าวแทบตับทรุด แต่บางคนก็บอกว่า เปรตวัดนี้ดังกว่าวัดอื่นๆ ก็เพราะหน้าวัดมีเสาชิงช้าสูงๆ ทำให้เห็นเปรตสูงเยี่ยมเทียมเสาที่ว่านั่น นัยว่าเอามาเล่าได้ง่ายๆ โดยเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจนมากที่สุด

ที่เปรตร้องกรี๊ดๆ ไปตลอดเวลาก็เชื่อว่าเปรตอดอยากเหลือกำลัง ต้องมาร้องขอส่วนบุญจากคนใจบุญสุนทาน ถ้าไม่หวาดกลัวจนขาดใจตายไปซะก่อนน่ะ! ทำให้มีการเปรียบเทียบกับคนชอบร้องกรี๊ดๆ ไม่เลือกเวล่ำเวลาว่า "ร้องเหมือนเปรตขอส่วนบุญ"

สาเหตุที่เปรตร้องเสียงแหลมเหมือนเป่านกหวีด ก็เพราะปากเล็กเท่ารูเข็ม เนื่องจากบาปกรรมที่ชาติก่อนเคยด่าพ่อแม่ แถมมือยังใหญ่เท่าใบลาน อันเกิดจากบาปเวรที่ทุบตีบุพการี ชาตินี้ถึงได้ปากเล็กแต่มือใหญ่ กินอะไรไม่ได้ ต้องทนทุกข์ทรมานจนกว่าจะสิ้นเวร

2.ลูกกรอก

คือทารกที่คลอดออกมาตัวเล็กราวหัวแม่มือ ยังไงๆ ก็ไม่มีทางรอดแน่ ด้วยความที่มีขนาดเท่าไส้กรอกก็เลยเรียกว่า "ผีลูกกรอก" ผู้คนชาติอื่นๆ จะมีหรือเปล่าก็ไม่ทราบ แต่ถ้าเล่าให้ฝรั่งฟังว่าเมืองไทยมีผีชนิดหนึ่งชื่อ "ซอสเซสโกสต์" ฝรั่งผู้มีกรรมที่ได้ยินได้ฟังอาจจะเสียสติยิ่งกว่าถูกผีหลอกก็เป็นได้

ผีลูกกรอกนี่เชื่อว่าให้คุณแก่ผู้ให้กำเนิด เช่น พ่อแม่ยากจนก็จะกลับร่ำรวย หรือถ้าร่ำรวยอยู่แล้วก็ยิ่งเงินทองไหลมาเทมา เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีไปเลย อย่าทำล้อเล่นไปเชียว

ตัวอย่างที่ยังปรากฏอยู่ทุกวันนี้ก็คือเจ้าของโรงแรมมหึมาที่ริมถนนสุรวงศ์ แต่เดิมมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง เมื่อภรรยาคลอดลูกกรอกออกมาเป็นเพศชาย ก็ทะนุถนอมฟูมฟักเหมือนว่าลูกกรอกนั้นยังมีชีวิตอยู่ อาบน้ำทาแป้งขมิ้น ใส่เสื้อกางเกงสวยๆ นอนเบาะในพานอย่างดี หาขนมนมเนยกับของเล่นชิ้นเล็กๆ มาปรนเปรอ กลางคืนก็เอามากอดจูบเชยชม ให้นอนร่วมมุ้งด้วยเป็นประจำ

รับเหมางานได้กำไรงามก็ซื้อสร้อยทองมาให้ลูกกรอกสม่ำเสมอ!

ช่วงนั้นเพิ่งจะผ่านพ้นกึ่งพุทธกาลมาได้ไม่นาน บ้านเมืองเจริญขึ้นรวดเร็ว นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มหนาตา มีการคาดหมายว่าริมถนนสุรวงศ์น่าจะสร้างโรงแรมชั้นดี ต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ แต่ติดขัดตรงที่ดินว่างๆ นั้นเป็นของทางการ ไม่ยอมให้ใครเช่า

มีคนยุให้สองผัวเมียลองขอร้องลูกกรอกให้ช่วยพ่อแม่ด้วยเถิด ถ้าสำเร็จจะซื้อทองหยองกับของเล่นดีๆ มาปรนเปรอให้สาสมใจเลยเชียว

พูดแล้วก็ขนลุก เพราะได้รับอนุมัติให้เช่าที่สร้างโรงแรมตั้งเด่นเป็นสง่ามาถึงทุกวันนี้...พ่อแม่ต้องซื้อพานใหม่ใหญ่กว่าเดิมมาให้ลูกกรอก ไม่งั้นไม่พอใส่ทองคำ!

เมื่อถึงเวลาสมควร ลูกก็มาเข้าฝันพ่อว่าไปติดเนื้อต้องใจลูกกรอกสาวสวยที่ย่านสะพานวันชาติ ขอให้พ่อแม่ไปสู่ขอตกแต่งตามประเพณีให้ด้วยเถิด...มีหรือที่ใครจะขัดใจลูกรักระดับอภิชาตบุตรได้ลงคอ

มีการหมั้นและพิธีแต่งงานเอิกเกริก ถือว่าเป็นงานแต่งงานระหว่างลูกกรอกกับลูกกรอกงานเดียวในโลกก็ว่าได้! เชื่อหรือไม่?



ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด