นอกจากนั้น ยังมีคลองเล็กคลองน้อยต่างๆ เป็นที่ตั้งบ้านเรือนของผู้คนอีกหลายแห่ง บ้านดิฉันอยู่ริมคลองนายบาง ชาวบ้านมีทั้งทำไร่ทำสวนและหากุ้งหาปลา พวกเราอยู่กันได้สบายๆ เพราะผู้คนยังไม่มากมายเหมือนทุกวันนี้
พวกผู้ใหญ่เล่ากันว่าในคลองลึกๆ ผีดุนักหนา มีคนเคยโดนหลอกมาสารพัดรูปแบบ โดยเฉพาะพวกหากุ้งหาปลา แต่ไม่ว่าจะกลัวผีมากน้อยแค่ไหน ถึงเวลาก็ต้องออกไปทำมาหากินเป็นนิจศีล
นอกจากผีดุแล้วยังมีจระเข้ชุกชุมด้วยค่ะ!
ตอนแรกๆ ดิฉันก็คิดว่าผู้ใหญ่เล่าเรื่องนี้เพื่อให้เด็กกลัว จะได้ไม่ไปเล่นน้ำกันบ่อยๆ แต่แล้วก็เกิดเรื่องสยองขวัญเหลือเชื่อขึ้นมา จนทำให้พวกเรายอมรับว่าจระเข้ที่ว่าดุนั้น มันดุร้ายขนาดไหน นึกถึงแล้วยังขนลุกอยู่ไม่หาย
"ตาฮก" คนในหมู่บ้านมีอาชีพหาปลาด้วยวิธีทอดแห แกมักออกเรือไปกับลูกชายวัยรุ่นชื่อพี่นุ้ย ไม่ถึงกับออกแม่น้ำหรอกค่ะ เฉพาะในคลองนายบางก็มีกุ้งปลาชุกชุมอยู่แล้ว
วันนั้น ตาฮกกับลูกชายก็ออกเรือไปหาปลาตามเคย
ดูเหมือนว่าจะโชคดีที่เหวี่ยงแหลงไปเป็นได้ปลามาครั้งละไม่น้อย จนกระทั่งถึงครั้งสุดท้าย ตาฮกบอกลูกว่าอีกโครมเดียวก็กลับบ้านได้เลย
ว่าแล้วก็ยืนขึ้นหว่านแหลงน้ำ...แหของตาฮกไม่ใช่แบบแหงมนะคะ เขาเรียกว่าแหลาก เสร็จสรรพก็ค่อยๆ ลากแหขึ้นมาช้าๆ มองเห็นปลาหลายตัวดิ้นกระแด่วๆ จนเกือบจะพ้นจากน้ำอยู่แล้ว เหตุการณ์สยดสยองก็อุบัติขึ้นมาทันใด!
นั่นคือ จระเข้ขนาดมหึมาตัวหนึ่งโผล่พรวดขึ้นจากน้ำเหมือนภาพในคืนฝันร้าย พี่นุ้ยผงะหน้า ร้องเสียงลั่น เมื่อเห็นจระเข้ตัวใหญ่ยาวเป็นวา พุ่งลิ่วขึ้นมาอ้าปากงับพ่อขาดกลางลำตัวพอดี ก่อนจะหล่นลงน้ำเสียงโครมสนั่น
ร่างที่เหลือแต่ท่อนล่างของตาฮกยังดิ้นรน ท่าม กลางเลือดสาดกระจายเต็มเรืออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแน่นิ่งไป!
พี่นุ้ยพายเรือกลับบ้านพร้อมด้วยศพครึ่งท่อนของพ่อได้ยังไง ตัวเองก็บอกว่ายังงงๆ อยู่เหมือนกัน...แต่เสร็จจากงานศพพ่อก็ประกาศว่าสาปส่งการหากุ้งหาปลา ไม่ว่าคลองนี้หรือคลองไหนไปชั่วชีวิต ก่อนจะเก็บข้าวของไปอยู่กับญาติในจังหวัด ไม่มีใครได้ทราบข่าวคราวจากแกอีกเลยจนถึงทุกวันนี้
แล้วผีตาฮกล่ะคะ จะดุร้ายหรือสาบสูญไปเหมือนกับลูกชายของแก?
ตรงกันข้ามค่ะ ผีตาฮกที่ประสบกับชะตากรรมน่าสยดสยองพองขน กลับเฮี้ยนสุดขีดจนเป็นที่เล่าลือกันมานับสิบปี!
พวกหากุ้งหาปลาต้องคอยเหลียวหน้าเหลียวหลัง ไหนจะกลัวทั้งจระเข้ ไหนจะกลัวผีตาฮก บางคนอ่อนอกอ่อนใจถึงกับหยุดออกเรือไปหลายวันก็มีค่ะ
ตอนแรกๆ พวกพ่อแม่ที่มีลูกซุกซน ก็มีทั้งห่วงใยลูกเต้า กับโล่งอกโล่งใจที่พวกเด็กๆ ไม่กล้าลงไปเล่นน้ำกันอยู่หลายวัน จะอาบน้ำก็ต้องลงกันเป็นโขยง รีบอาบรีบขึ้นเพราะกลัวไอ้เข้กับกลัวผียิ่งกว่าผู้ใหญ่ด้วยซ้ำไป
หลังจากเผาศพไปได้ราว 6-7 วัน วิญญาณตาฮกก็เริ่มแผลงฤทธิ์ขึ้นมา!
นั่นคือ เรือหาปลาที่ลูกชายทิ้งไว้ให้ญาติๆ ก็จอดอยู่เฉยๆ เพราะยังไม่มีใครใจถึง กล้านั่งกล้าพายไปไหน ตอนกลางวันก็ดูสงบนิ่งเหมือนไม่มีอะไร แต่พอตกกลางคืนได้ไม่นานก็เกิดเรื่องน่าขนหัวลุก
บ้านดิฉันอยู่ใกล้ๆ บ้านตาฮกพอดี...
จู่ๆ เสียงคล้ายกระดานลั่นเกรียวกราวก็ดังแว่วมาจากริมน้ำ ทั้งๆ ที่ไม่มีลมพัดแรงอะไรเลย พวกเราได้ยินกันหลายบ้าน รุ่งขึ้นต่างก็ถามไถ่กันว่าเสียงอะไร ก็ไม่มีใครตอบได้เลย...จนกระทั่งคืนต่อมา
เสียงกระดานลั่นดังขึ้นในความเงียบเชียบของราตรีอีกแล้ว!
พ่อแม่ดิฉันเงี่ยหูฟังอยู่พักหนึ่ง เสียงนั้นค่อยๆ จางหายไป...พ่อบอกว่านั่นคือเสียงกระดานเรือที่มีคนลงไปเหยียบย่ำ เล่นเอาดิฉันต้องกอดแม่แน่น ส่วนแม่ก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ครางเบาๆ ว่า...ผีตาฮก...
ชาวบ้านร้านช่องที่ได้ยินเสียงสยองทุกคืน แทบจะนอนไม่หลับไปตามๆ กัน
คิดดูซีคะว่าเรือที่กลายเป็นเรือนตายอย่างน่าสยอง จะเกิดเสียงโครมครามได้ยังไง...นอกจากวิญญาณตาฮกจะเฮี้ยนจัดอยู่หลายคืน จนต้องเอาไปถวายวัดเลยค่ะ!