ดิฉันเป็นคน อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี หนึ่งในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากผู้ก่อการร้าย ทำให้คนบริสุทธิ์ต้องบาดเจ็บล้มตายนับพันคนตามที่ทราบกันดี
วันนี้มีเรื่องขนหัวลุกมาเล่าให้ฟังค่ะ
เมื่อเอ่ยถึงต้นตะเคียนเป็นอันรู้จักกันดีแล้วนะคะ ว่ามีนางตะเคียนสิงสู่ เรียกว่า "ผีตะเคียน" เชื่อกันว่าเกิดขึ้นเอง ไม่มีใครอุตริไปปลูกหรอกค่ะ บางแห่งก็เชื่อว่าต้นตะเคียนในป่าช้าจะเฮี้ยนที่สุด มีหน้าที่คอยกำราบผีต่างๆ ไม่ให้ออกมาอาละวาด ทำให้ผู้คนเดือดร้อน
บางแห่งเชื่อว่าตะเคียนคู่จะมีฤทธิ์เดชมากขึ้นไปอีก ถ้าฝังศพผีตายทั้งกลมต้องฝังไว้ระหว่างตะเคียนคู่นะคะ ไม่งั้นมีหวังป่าช้าแตกแน่ๆ
เป็นที่รู้กันว่าไม้ตะเคียนเนื้อแข็ง ใช้ปลูกบ้านหรือทำเรือขุด แต่สมัยก่อนคนยังกลัวผีกันมาก คนตัดไม้ต้องให้หมอไสยศาสตร์มาทำพิธีเสียก่อน ไม่งั้นไม่ยอมตัดไม้เด็ดขาด เพราะเคยมีคนตกต้นตะเคียนตาย บ้างชักดิ้นชักงอก่อนจะขึ้นก็มี เชื่อว่าเป็นฤทธิ์เดชของนางตะเคียน
แต่ตะเคียนที่ยะหริ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเคารพบูชา จัดพิธีใหญ่ให้ทุกปี!
ก่อนจะเล่าเรื่อง "ตะเคียนโต๊ะปียา" ขอเล่าเรื่องพิธีฉลองชายหาดก่อนนะคะ
ทุกๆ สามปี ชาวบ้านอำเภอยะหริ่งจะได้สนุก สนานครึกครื้นกันอย่างเต็มที่จากพิธีฉลองชายหาด เรียกว่า "ปูยอปาตา"
"ปูยอ" เป็นภาษายาวี แปลว่า "บูชา" ส่วน "ปาตา" แปลว่า "ชายหาด"
ปูยอปาตา คือการประกอบพิธีเพื่อบูชาภูตผีปีศาจ หรือเทพเจ้าแห่งทะเลให้ช่วยดลบันดาลให้ปูปลามาติดอวนมากๆ จะได้เลี้ยงดูครอบครัวให้มีความสุขตามอัตภาพต่อไป
พิธีนี้มีกำหนดว่าต้องทำในวันข้างขึ้นเดือนเก้า ในราว 7-8 ค่ำ จนถึง 15 ค่ำ มีงาน 3 วัน 3 คืนเป็นอย่างน้อย หรืออย่างมากก็ไม่เกิน 7 วัน 7 คืน
ตอนเช้าของวันเปิดงานจะต้องทำพิธีบวงสรวงเจ้าทะเล โดยปลูกศาลเพียงตาขึ้นใกล้ๆ ชายหาด บนศาลจะมีข้าวตอกดอกไม้ ขนมนมเนยต่างๆ และธูปเทียนบูชา ส่วนรอบๆ ศาลใช้สายสิญจน์กั้นเป็นเขตสำคัญ ป้องกันคนภายนอกรุกล้ำเข้ามา
หัวหน้า หรือ "หมอ" จะประกอบธูปเทียนบูชา พนมมือท่องคาถาอัญเชิญเทวดา และเจ้าทะเลมารับเครื่องสังเวย เมื่อเสร็จพิธีจะมีการประโคมมหรสพ เสียงฆ้องกลองดังกระหึ่มทั้งวันและคืนตลอดงาน ชาวบ้านทั้งหนุ่มสาวกับพวกเด็กๆ จะสนุกสนานกันเต็มที่
เมื่อถึงวันสุดท้าย ผู้คนต่างก็นำเรือของตนมาจอดเกยหาดในบริเวณงานพิธี ล้วนประดับประดาด้วยธงทิวหลากสีสัน ผูกขึ้นยอดเสาปักไว้ที่หน้าเรือกอและ เรือมาด ฯลฯ
เจ้าของเรือจะเตรียมหม้อไหไปวางไว้ในเขตบริเวณศาลพิธี เพื่อรับน้ำมนต์มาเป็นสิริมงคลต่อไป
คราวนี้ก็มาถึง "ตะเคียนโต๊ะปียา" ล่ะค่ะ!
พิธีนี้เป็นสิ่งแสดงให้เห็นว่า พี่น้องทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิมมีความรักใคร่สมานฉันท์กันเหมือนญาติสนิทมานานแล้ว ไม่มีการถือเขาถือเรา ต่างคิดว่าเป็น "คนไทย" เหมือนกันจึงอยู่ร่วมกันอย่างสงบสันติ และผาสุกมานับร้อยปีแล้ว เพิ่งเกิดเรื่องเคืองเข็ญขนาดหนักก็คราวนี้เอง
ชาวบ้านถือว่า "โต๊ะปียา" มีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพนับถือสืบเนื่องกันมาหลายชั่วคน จึงมีการสร้างที่บูชาและพิธีฉลองทุกปี
มีตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่า โต๊ะปียาเป็นหญิงสาวผู้หนึ่ง มีความงดงามเป็นที่เลื่องลือไปไกล วันหนึ่งจะเกิดสาเหตุใดไม่มีใครทราบแน่ชัด โต๊ะปียาได้เดินเข้าไปในต้นตะเคียน ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้ที่ได้พบเห็น
นอกจากความน่าอัศจรรย์ที่เดินเข้าไปในต้นไม้อาถรรพณ์ ชาวบ้านก็เฝ้ารอดูว่า เมื่อไรเธอจะกลับออกมา แต่โต๊ะปียาก็สาบสูญเข้าไปโดยไม่ยอมกลับออกมาจากต้นตะเคียนอีกเลย...ชาวบ้านเชื่อว่าโต๊ะปียาเป็นผู้มีบุญ ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องมาเคารพเธอทั้งนั้น
สาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่ง ที่ทำให้ผู้คนเลื่อมใสกันมากก็คือ ไม่ว่าใครเดือดเนื้อร้อนใจเรื่องอะไรก็ตาม เมื่อไปบนบานศาลกล่าว หรือขอพรจากโต๊ะปียาแล้ว ส่วนมากจะได้ผลตามที่ตนประสงค์ทุกคนไป
ทุกวันนี้ชาวใต้อย่างพวกเรา ยะละ ปัตตานี นราธิวาส และสตูล เดือดเนื้อร้อนใจกันมากๆ นึกถึงท่านผู้มีหน้าที่รับผิดชอบทั้งหลายแล้วบอกตรงๆ ว่า..ขนหัวลุกค่ะ!