ดิฉันอาจจะเคราะห์ร้ายสุดๆ ก็เป็นได้ เพราะจะโดนผีหลอกที่ไหนไม่โดน แต่กลับมาโดนในห้องนอนที่เคยอยู่มาสิบกว่าปี ทำให้นึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นแน่ในคืนนั้น?
ถึงแม้ว่าเหตุการณ์น่าขนหัวลุกนี้จะเกิดขึ้นมานานมากแล้ว แต่ก็ยังฝังแน่นอยู่ในความทรงจำไม่มีวันลืมเลือน!
พ่อแม่ดิฉันปลูกบ้านอยู่ในซอยนางลิ้นจี่ แถวช่องนนทรี มีบ้านเรือนคับคั่ง ยิ่งมีทางด่วนตัดผ่านก็ยิ่งเจริญขึ้นผิดหูผิดตา ถนนหน้าซอยมีทั้งธนาคาร ร้าน อาหารดังๆ มาเปิดสาขาเรียงรายกันอยู่คึกคัก รถราที่แล่นเข้าออกในซอยก็แทบไม่ขาดสายทั้งกลางวันและกลางคืน
บ้านดิฉันยังไม่เคยมีใครล้มตายแม้แต่คนเดียว!
เมื่อดิฉันแต่งงานและมีลูกชายเล็กๆ อายุได้สองขวบก็เกิดเรื่องสยองขวัญขึ้นมา
คืนเกิดเหตุ สามีไปทำธุรกิจภาคเหนือมีกำหนดสามคืน ดิฉันนอนกับลูกในห้องด้านหน้า มีห้องน้ำคั่นระหว่างห้องนอนของพ่อแม่ที่อยู่ด้านข้าง ประตูห้องน้ำตรงกับหัวบันไดพอดี!
คืนนั้น เราดูละครทีวีเรื่องเงา เกี่ยวกับพญามัจจุราชที่แปลงตัวมาเป็นมนุษย์เพื่อลงโทษคนบาป...เราดูทั้งบ้านเลยค่ะ เมื่อละครจบก็ขึ้นนอน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของป้าแจ่มแม่บ้านเก่าแก่เป็นคนดูแลเรื่องประตูหน้าต่างและฟืนไฟ...ทุกสิ่งทุกอย่างดูเป็นปกติเหมือนกับทุกๆ คืนที่ผ่านมา
ดิฉันดับไฟพาลูกเข้านอนไล่ๆ กับพ่อแม่ จนกระทั่งเคลิ้มหลับไป...
มารู้สึกตัวตื่นขึ้นอีกครั้งกลางดึก สรรพสิ่งเงียบสงัด เสียงรถยนต์แล่นผ่านหน้าบ้านไปมานานๆ ครั้ง...ดิฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าตัวเองตื่นขึ้นมาทำไม?
เสียงแอร์แบบวินโดวครางเบาๆ แสงไฟจากภายนอกถูกม่านหน้าต่างปิดกั้นจนในห้องมืดสลัว เหลือบดูลูกชายก็เห็นหลับสนิท ดิฉันขยับผ้าห่มคลุมทรวงอกให้อย่างมิดชิด...ขณะนั้นเองที่แว่วเสียงแปลกประหลาดดังมาจากหน้าประตู!
ความรู้สึกงัวเงียในตอนแรกเปลี่ยนเป็นตื่นตัวอย่างเต็มที่...
เสียงคนกำลังซักผ้าค่ะ!!
เสียงน้ำกระฉอก เสียงขยี้ผ้า ตามด้วยเสียงบ่นพึมพำ...คล้ายๆ กับป้าแจ่มยกกะละมังมาซักผ้าอยู่ที่หน้าห้องนอน ตรงหัวบันไดพอดี!
ดิฉันลุกพรวดขึ้นนั่ง เกือบจะหลุดปากออกไปแล้วว่าป้าแจ่มซักผ้าทำไมตอนดึกดื่นขนาดนี้ แถมอุตริขึ้นมาซักชั้นบนอีกต่างหาก...แต่ก็ยกมืออุดปากตัวเองไว้ได้ทัน เมื่อสมองแล่นวาบว่า...นั่นไม่ใช่ป้าแจ่มแน่นอน
เกิดอะไรขึ้น! ใครมาซักผ้าอยู่หน้าห้องนอน?
หัวใจคล้ายจะหยุดเต้นไปชั่วขณะ หน้าร้อนผ่าวก่อนจะเย็นวูบ เลือดลดตัวจนเย็นเฉียบไปทั้งร่าง รู้สึกเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวสลับกันไม่หยุดหย่อน อากาศในห้องยิ่งเย็นยะเยือกจนขนลุกซ่า...อยากจะร้องไห้โฮออกมาดังๆ เท่าๆ กับอยากตะโกนออกไปเหลือเกินว่า...ใคร? ต้องการอะไร?
ฉับพลันนั้นเอง เสียงน่าสยองในกลางดึกก็เงียบหายไปกะทันหัน!
เกือบจะถอนใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก เมื่อนึกว่าเราคงหูแว่วไปเอง ประสาทหลอนเพราะเพิ่งตื่นขึ้นมาหยกๆ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยง เกือบจะกรีดร้องออกมาบัดดล เมื่อเสียงสยองดังขึ้น...ชัดเจนไม่มีอะไรน่าสงสัยแม้แต่นิดเดียว
เสียงคล้ายใครยกกะละมังสาดน้ำโครมลงไปที่บันได?
ดิฉันยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดปาก กรีดร้องอยู่ในอกด้วยความหวาดกลัวสุดขีด รู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็น สมองพองโตราวกับจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ น้ำตาไหลพราก ทรุดลงกอดลูกน้อยที่ยังหลับสนิทด้วยท่อนแขนสั่นเทา...ไปเถอะ! ไปเสียที...ไม่ว่าจะเป็นใครหรืออะไรที่อยู่หน้าห้องนอนก็จงเป็นสุขๆ เถิด อย่ามารบกวนเราอีกเลย...
คล้ายจะมีเสียงใครทอดถอนใจยืดยาวดังแว่วมา แล้วสรรพสิ่งก็ตกอยู่ในความเงียบสงัดตามเดิม ดิฉันนอนกอดลูกใจเต้นกระหน่ำ น้ำตาไหลรินแทบไม่ขาดสาย..จนกระทั่งรุ่งเช้ารีบเปิดประตูออกไปก็ไม่เห็นมีสิ่งใดผิดปกติแม้แต่น้อยนิด
พ่อแม่ไม่ได้ยินเสียงอุบาทว์นั่นเลย หน้าห้องและ บันไดทุกขั้นก็แห้งผาก...แม้ว่าเหตุการณ์น่าขน หัวลุก จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่ดิฉันก็เชื่อสนิทค่ะว่า ผีมีจริง!