ผมเป็นคนหนองเสือ ธัญบุรีนี่เองครับ เคยเล่าเรื่องสยองขวัญตอนน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีกลาย แม้ว่าไม่โดนหนักเหมือนอีกหลายๆ แห่ง แต่ก็เล่นเอามะม่วงน้ำดอกไม้ทนไม่ไหว ถึงกับล้มตายไปสิบกว่าต้น
พวกคนงานชาวลาวที่มารับจ้างทำไร่หญ้าหลายสิบคน ล้วนแต่คุ้นเคยและสนิทสนมกับผมทั้งนั้น ตกเย็นเลิกงานมักมาชวนให้ไปล้อมวงซดเหล้าเป็นประจำ
อ้อ! คำว่า'ทำไร่หญ้า' อาจจะฟังแปลกๆ สำหรับบางท่าน แต่ถ้าบอกว่า'ทำไร่หญ้าเพื่อแซะเอาไปขายเพื่อปูสนามต่างๆ โดยเฉพาะสนามบ้านจัดสรร' คงจะชัดแจ้งเป็นอันดี ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน
มาว่ากันถึงการดื่มดวดน้ำเมาของบรรดาคนงาน ส่วนใหญ่ก็คือพี่น้องชาวลาวของผม มีพม่าปะปน 3-4 คน ถือว่าเป็นกระสายยาแล้วกัน
คนสูงอายุชอบเหล้าขาว แต่หนุ่มๆ นิยมดวดเบียร์ตามแฟชั่น กับแกล้มหากินกันเองไม่ว่าปู ปลา หอย แม้แต่ตัวตะกวดหรือวรนุชทั้งย่างและยำ พวกโปรดปรานเป็นพิเศษขนาดหายากขึ้นทุกที ไอ้ที่จะวิ่งไล่เอาไม้ฟาดให้มันดิ้นกระแด่วๆ เหมือนสมัยก่อนน่ะไม่มีแล้วครับ
ต้องลงทุนลงแรงซื้อข่ายซื้อลอบมาดักปลา สำหรับเอาไปให้แม่ไอ้หนูช่วยทำกับแกล้มแซบๆ มาทำให้วงเหล้าครึกครื้น มีสีสันขึ้นมา...ขืนล่อเหล้าไร้แกล้มมีหวังเมาตายห่...จริงมั้ยคุณ?
ตอนน้ำท่วมนึกว่าตะกวดมาติดข่าย เฮโลมาช่วยกันยกด้วยความดีอกดีใจ ที่ไหนได้ล่ะกลายเป็นจระเข้ปีศาจ ดิ้นโผงผางจนผงะหน้า ร้องเอะอะโวยวาย บ้างถึงกับก้นจ้ำเบ้า บ้างก็วิ่งตะโพงเหมือนจะเผ่นกลับเวียงจันทน์ท่าเดียว
เลยต้นปีมาหลายเดือน พรรคพวกชักจะลืมเลือนเรื่องผีหลอกกลางวันแสกๆ คราวนั้นไปแล้ว เริ่มวางลอบ (นอน) ตามชายน้ำ หวังว่าจะได้ปลาใหญ่ๆ หรือวรนุชเคราะห์ร้ายมาติดจนกลายเป็นเนื้อย่างจิ้มแจ่ว แกล้มเหล้ากันให้อร่อยปากลิ้น...แหม! นึกถึงแล้วหลายคนบอกว่าน้ำลายข้อยสิไหลแหล่วเด้อ...
ระหว่างนั้นก็หาปู งมหอย แทงปลา สุ่มปลามาแกล้มเหล้า จะได้ไม่ต้องเปลืองเงินไปซื้อเนื้อมาย่างมายำ หรือเข้าร้านสะดวกซื้อ ได้ข้าวเกรียบกุ้งกับถั่วอบเกลือมาแก้ขัดไปพลางๆ
ทำไปทำมาก็เลยพานลืมลอบที่วางไว้ราวสิบวันโดยสิ้นเชิง!
เย็นนั้น บุญจัน-หนุ่มวัยสามสิบนึกขึ้นได้ หมอนี่มาจากท่าเดื่อ เป็นนักเสาะหาของแกล้มตัวยง ร้องว่าป่านนี้คงมีเหยื่อมาติดลอบแน่ๆ เผลอๆ อาจจะอดตายอยู่ในลอบก็เป็นได้...ว่าแล้วก็จ้ำอ้าวออกหน้า พรรคพวกตามหลังกันเป็นพรวน
เมื่อถึงจุดหมาย บุญจันแหวกกอหญ้าบุกสวบๆ ลงไปดูก็ถึงกับยืนตะลึงพรึงเพริด ผมกับพวกที่ตามมา 5-6 คนก็อ้าปากค้างไปตามๆ กัน
ตะกวดหรือวรนุชติดอยู่ในนั้นจริงๆ แต่มันเหลือแต่ซากแล้วครับ ส่งกลิ่นเหม็นสาบสางอวลซ่านอยู่รอบๆ ตัวเรา คิดว่าคงจะตายปุ๊บก็โดนพวกเดียวกันตัวอื่นๆ มารุมทึ้งจนเหลือแต่ซากแบบนี้...พวกเรานึกได้ตอนที่ช้าเกินไปเสียแล้ว
ทันใดนั้นเอง...เหมือนคำสาปนรกจกเปรตบันดาลให้เป็นไป!
ตะกวดที่เหลือแต่ซากกลับโดดดิ้นโผงผางอยู่ในลอบ ท่ามกลางเสียงร้องเฮ้ยๆ กับโฮ้ย...ฮ้าย! ดังระงมไปหมด แดดเหลืองๆ หายลับเข้าไปในกลุ่มเมฆหนาทึบ พวกเรายืนตะลึงพรึงเพริดแข้งขาหนักอึ้งเหมือนถูกถ่วงด้วยท่อนเหล็กจนขยับไม่ขึ้น
อยากจะวิ่งอ้าวไม่คิดชีวิตจากภาพอุบาทว์ แสนจะน่าสยดสยองสุดขีดที่อุบัติขึ้นต่อหน้าต่อตา แต่ก็ก้าวขาไม่ไหวจริงๆ ครับ
โครม! โครม!
เสียงลอบหักกระเจิง ดังบาดลึกเข้าไปถึงหัวอกหัวใจ ตะกวดจากอเวจีใช้สี่ตีนของมันทั้งกระชากและสะบัดเศษไม้ไผ่กระเด็นไปคนละทิศละทาง ยืดร่างสูงตระหง่านโดยปักหลักด้วยท่อนหาง นัยน์ตาแดงจ้า ลุกโพลงคล้ายเปลวไฟจ้องมองพวกเราเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
'แฮ่! จะกินซากผีของกูเรอะ? แฮ่...'
สิ้นเสียงคำรามจากปากอ้ากว้าง กลิ่นเหม็นเน่าพวยพุ่งมาปะทะหน้า ทำให้ผมแผดร้องสุดเสียง หันกลับได้ก็เผ่นกระเจิง ล้มลุกคลุกคลานโดยมีคนอื่นๆ ตามหลังมาเป็นพรวน สองหูอื้ออึงแต่ยังได้ยินเสียงร้องร่ำคร่ำครวญ...รอด้วย! รอข้อยด้วย...
อย่าหวังเลยครับ ผมโกยอ้าวไม่คิดชีวิต คิดว่าจะเร็วกว่านักวิ่งเหรียญทอง 100 เมตรที่โอลิมปิกคราวนี้ซะด้วยซ้ำ...ผีมากินศพตะกวดแล้วยังสิงสู่อยู่ที่ซากนั้นเฉยเลย! บรื๋อออ....