เรื่องเล่าเขย่าขวัญ ผีนางรำ
เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินเรื่องเล่า "ผีนางรำ" ที่เรียกได้ว่าสร้างความเฮี้ยนให้กับสถานที่ต่างๆ ได้ไม่น้อย ซึ่งหากจะกล่าวอย่างติดตลกให้ลดความน่ากลัวสักหน่อย คงจะเรียก "ผีนางรำ" ได้ว่าเป็นผีที่ต้องมีออปชั่นเสริม นั่นก็คือมักจะมาพร้อมกับเสียงดนตรี อีกทั้งต้องเป็นเสียงดนตรีไทยเสียด้วย แล้วทำไมต้องเป็นดนตรีไทยล่ะ ดนตรีสากลไม่ได้หรือ? และอีกหนึ่งออปชั่นที่ทำให้ขนลุกซู่คือเสียง "หมาหอน" ซึ่งอาจจะมาก่อนหรือหลังเสียงดนตรีไทยแล้วแต่เหตุการณ์ แต่เชื่อว่าทุกคนคงจะเผ่นหนีทันทีโดยพร้อมเพียงกัน
นอกจากเสียงล่ำลือว่า "ผีนางรำ" จะมาพร้อมกับเสียงดนตรีแล้วก็ยังมากับชุดนางรำ หรือชุดประจำท้องถิ่นที่แต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศ สร้างความหลอนสิบแปดตลบให้คนต้องขวัญผวากันถ้วนหน้ากับท่าร่ายรำที่อ่อนช้อย แต่แฝงไปด้วยความน่ากลัวสุดขนลุก โดยเรื่องเล่าขานส่วนใหญ่ลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า "ผีนางรำ" อาจจะเป็นบุคคลซึ่งเคยเป็นมนุษย์แต่เสียชีวิตขณะใส่ชุดรำ หรือบุคคลที่ทำอาชีพเป็นนางรำแต่ได้เสียชีวิตลงอย่างปริศนาและต้องการให้ มนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างเราได้ไขความลับเหตุผลที่เขาเสียชีวิต บ้างก็ว่าผีนางรำอาจเป็นผู้ที่ตอนเป็นมนุษย์ได้ทำผิดต่อครูทางด้านศาสตร์ นาฏศิลป์ทำให้ชีวิตต้องจบลงอย่างสุดอนาถและเมื่อเสียชีวิตไปจึงกลายเป็นผี นางรำไปนั่นเอง
เราจะพบ "ผีนางรำ" ได้ที่ไหนหรือไม่อยากพบที่ไหนไม่มีใครทราบแน่ชัด แต่จากคำบอกเล่าของผู้คนมักจะพบเจอที่ห้องนาฏศิลป์ในโรงเรียน ห้องดนตรีไทย บ้านเรือนไทยเก่า สถานทีที่เปลี่ยว หรือแม้กระทั่งบริเวณศาลเจ้าที่ตามต้นไม้ใหญ่ที่มีผ้าสีผูกไว้
เราคงจะต้องยอมรับกันจริงๆว่า เพราะเรื่องผีๆ ทำให้คนไม่กล้าที่จะอยู่ในห้องนาฏศิลป์คนเดียวยิ่งในเวลาโพล้เพล้จนค่ำมืด ต่อให้ท้าเดิมพันกันด้วยวาจาหรือสิ่งของก็คงต้องยอมให้กับห้องนี้จริงๆ เพราะด้วยความเชื่อของหลายคนที่จดจำจากประสบการณ์การอ่าน-การฟัง-การดูหนัง ดูละคร หรือแม้แต่การพบเจอสิ่งลี้ลับด้วยตนเองก็ตาม เพียงแค่เห็นเงามืดๆ พาดผ่านแสงภายในห้องก็ทำให้สติเราเตลิดเปิดเปิงไปแล้ว
เพราะ "นางรำ" มีประวัติมาเนิ่นนาน และเรื่องลึกลับที่เกี่ยวกับนางรำก็มีมานานด้วยเช่นกัน ซึ่งนับว่าในประเทศไทยแทบจะแยกผีออกเป็นสาขาอาชีพ เป็นสถานที่ ทั้งนี้ก็อยากให้ใช้วิจารณญาณในการอ่าน เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ตัวอย่างเรื่องเล่าจากชาวเน็ตที่บรรยายให้เห็นลักษณะของ "ผีนางรำ" ที่คล้ายคลึงกันในหลากหลายเหตุการณ์ที่จะทำให้คุณต้องหันซ้ายหันขวามองหน้า มองหลังอยู่หลายตลบว่า ไม่มีใคร(ที่ไม่ใช่คน)มายืนดูสิ่งที่คุณอ่านในตอนนี้.....
เรื่องเล่าจากคุณ "Armenhotep" สมาชิกเว็บไซต์พันทิป
เคยแต่แว้บๆน่ะครับ แต่จำทุกช็อตได้ขึ้นใจเลย
สมัยมัธยม ผมอยู่ในชมรมศิลปการแสดง คืนนั้นจะมีงานเลี้ยงมุทิตาจิตอาจารย์น่ะครับมีการแสดงกลางคืน พวกผมและเพื่อนต้องรำเปิดงาน ก็แต่งตัวกันในห้องนาฏศิลป์ซึ่งอยู่ชั้นสองของตึก คือทั้งโรงเรียนก็มีแสงไฟนะครับ แต่จะสว่างเฉพาะตรงหอประชุมที่จัดงานกับตรงห้องนาฏศิลป์ที่พวกผมอยู่
แต่อยู่คนละตึกน่ะครับ พอแต่งตัวเสร็จระหว่างรอเรียก มีคนเอาข้าวมาให้น่ะครับก็นั่งล้อมวงกินกันในห้อง สักพักเพื่อนผู้หญิงที่รำคู่ผมแกทิ้งช้อน ผมก็หันไปถามว่าเป็นอะไรเหรอ มีอะไร
"ต้นเราได้ยินเสียงหมาหอนอ่ะ" แต่ผมกับเพื่อนคนอื่นไม่ได้ยินนะครับ แป๊บเดียวคนอื่นๆในวงก็พูดว่าเออได้ยินแล้วๆ แต่ผมไม่ได้ยินคนเดียว ผมก็เหลียวไปรอบๆสิครับ แล้วกระจกหน้าต่างห้องนาฏศิลป์จะเป็นฝ้าแบบถ้ามองออกไปข้างนอกจะเห็นคนเป็น เงามืดๆกลมๆน่ะครับ ผมกวาดสายตาไล่ไปทั่งจนถึงหน้าต่างด้านบนที่ติดกับระเบียงชั้นบน ผมว่าผมเห็นเงาดำๆเหมือนหัวคนก้มลงมามองน่ะครับ ประมาณว่ามีคนอยู่บนระเบียงชั้นสามแล้วห้อยหัวลงมองเข้ามาในห้องนาฏศิลป์ที่ อยู่ชั้นสองน่ะครับ เห็นเป็นหัวกลมๆดำๆยื่นเข้ามาชิดกระจกแล้วหดกลับขึ้นไป ซึ่งเวลานั้นตอนกลางคืนครับ โรงเรียนปิดแล้ว และบันไดที่เชื่อมต่อจากชั้นสองไปชั้นสามล็อคแล้วครับ คือจะมีเหล็กดัดล็อคบันไดระหว่างชั้น
ร้องไม่ออกครับตอนนั้น แล้วผมเห็นคนเดียวด้วย แต่ก็ทำเฉยๆ ในใจก็นึกถึงพ่อแก่กับพระพิคเณศวรเลยครับ คนอื่นเห็นผมเงียบไปก็พูดว่าแกเห็นอะไรใช่มั๊ยแล้วพวกผมก็ได้กลิ่นธูปครับ ทุกคนมองหน้ากันแล้วมองไปที่หิ้งพ่อแก่ ไม่มีใครจุดธูปเลย แต่ก็ใจชื้นขึ้นน่ะครับว่าพ่อแก่คงคุ้มครองเราอยู่ในห้องนี้ ไม่ต้องกลัวว่าอะไรจะเข้ามา ทีนี้อาจารย์โทรมาเรียกให้ไปสแตนด์บาย ถือชฎาวิ่งกันสี่คูณร้อยเลยครับผ้าน่งผ้านุ่งไม่กลัวหลุดกันละ แต่ที่ตลกก็คือพอไปถึงหน้างาน อาจารย์บอกว่าแกลืมกล้องไว้ที่ห้องนาฏศิลป์ ให้ผมไปเอาให้หน่อย เต่าเอือม กับอีกเรื่องที่เพื่อนผมเจอแล้วมาเล่าให้ฟัง คือเพื่อนผมไปรำในงานไหว้ครูน่ะครับ รำมโนราห์บูชายัญ คืองานจะจัดวันรุ่งขึ้น เพื่อนผมเลยขนของ ชุดรำฯลฯ มานอนค้างที่บ้านที่จะจัดงานตอนเช้ามืดเค้าก็ตื่นมาแต่งหน้าก่อนแต่กลัวจะทำให้คนอื่นตื่นกันหมด เลยเอากระจกบานตั้งออกมานั่งแต่งหน้าตรงนอกชาน ไฟที่เปิดก็เป็นหลอดกลมสีส้มๆริบหรี่ๆเพื่อนผมบอกว่า ตอนนั้นแต่งหน้าจะเสร็จแล้ว กำลังก้มหน้าควานหาลิปสติกในกล่องแต่งหน้า พอเงยขึ้นมามองตัวเองในกระจกเห็นเป็นหน้าตัวเองนี่แหละ ยิ้มให้ พอผมฟังผมก็งงๆ ว่าก็เป็นหน้าตัวเองไม่ใช่เหรอแล้วจะกลัวทำไม ลืมตัวยิ้มให้ตัวเองรึเปล่า
เพื่อนผมบอก ตอนแรกก็งงๆ ว่าคืออะไร เพราะก็เป็นหน้าตัวเอง ถ้าเป็นหน้าคนอื่นก็คงคิดว่าผีหลอก หรือว่าแสงไฟมันมัวๆ เพื่อนบอกตอนนั้นนั่งคิดอยู่แป๊บนึง ก็คิดว่าคงใช่แล้วหละ เพราะในกระจกที่เพื่อนผมเห็น เป็นหน้าเค้าแต่งชุดใส่ยอดมโนราห์เต็มยศ แต่พอเค้าหันมาดู ยอดมโนราห์เค้ายังตั้งอยู่ข้างๆตัว ฉันยังไม่ได้ใส่นี่หว่า ไม่รู้ว่าเคสไหนหลอนกว่ากันนะฮะ ตอนนั้นก็ต่างคนต่างเล่าของตัวเองให้ฟัง เลยขนลุกทั้งคู่เลย
ที่มา: deepantown
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!