ย้อนรอยตำนานหลอน!! นักศึกษาหลงป่าที่ภูกระดึง เจอดีกันทั้งแก๊ง เจ้าที่ลากตัวเข้าป่า!!
หน้าแรกTeeNee เรื่องลึกลับ Xfile ผี วิญญาณ หลอน ย้อนรอยตำนานหลอน!! นักศึกษาหลงป่าที่ภูกระดึง เจอดีกันทั้งแก๊ง เจ้าที่ลากตัวเข้าป่า!!
เว็บไซต์ theshockghost.com ได้โพสต์เล่าเรื่องหลอนในตำนาน ที่โด่งดังมากเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เรื่องจากรายการตีสิบ ประสบการณ์ลี้ลับ ที่กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านรังสิต ได้ไปเจอมาที่ภูกระดึง ระบุว่า เรื่องเกิดขึ้นจากการที่พวกเขานัด กันไป ท่องเที่ยว พักแรม ที่ภูกระดึง ตอนก่อนเดินทางไปเที่ยว คุณยายของรุ่นพี่ในกลุ่มท่านก็ได้เตือนให้ไหว้ เจ้าที่เจ้าทางเจ้าป่า เจ้าเขา ตามประสาผู้ใหญ่ที่เป็นห่วงหลาน
แต่พอมาถึงตอนเช้าที่ภูกระดึงเขาก็ไม่ได้นึกถึงพวกเขาไปกันทั้งหมด 10 คน และไม่เคยมีใครมาเที่ยวภูกระดึงมาก่อนเลย หนึ่งในนั้นชื่อ บอยเป็นคนไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องอาถรรพ์และเป็นคนโผงผาง พูดจาไม่ค่อยดีนัก ตามสไตล์วัยรุ่นห่ามๆ (มาก) ทั่วไป หยาบคายบ้าง ท้าทายบ้าง เพื่อนๆห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เพื่อนๆบอกว่าเขาพูดหยาบมากๆ จนไม่สามารถพูดออกอากาศได้
ระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวบนภูกระดึงวันแรก บอย ก็พูดจาแบบคะนองปากไปเรื่อยๆ แล้วกลุ่มของพวกเขาก็หลงป่า (เข้าใจว่าช่วงเที่ยวกลุ่มน้ำตก) หาทางออกไม่เจอเป็นเวลานาน พี่ใหญ่ของกลุ่มเริ่มไม่สบายใจ(คนเดียวกับที่ยายบอกให้ไหว้เจ้าที่) จึงไปยกมือไหว้ต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณนั้นด้วยความเข้าใจเองว่าจะต้องขอขมาเจ้าที่เจ้าทางและหลังจากที่ขอขมาแล้วเดินต่อซักพักเขาก็เห็นไม้สีแดง (ลักษณะเป็นไม้ปลายงอม้วนเข้าคล้ายไม้เท้า) เขาก็เข้าใจเองอีกว่าปลายไม้ชี้บอกทางออกและตัดสินใจเดินตามทางนั้นโดยเก็บเอาไม้ชิ้นนั้นมาด้วย ซักพักก็เดินพ้นออกมาจากป่าจริงๆ
เมื่อพ้นออกมาจากป่าได้แล้วก็เดินเที่ยวต่อเพื่อไปที่ผาหล่มสัก เมื่อถึงผาหล่มสัก ยังไม่เย็นมากจึงนั่งๆนอนๆพักผ่อนรอชมพระอาทิตย์ตกดินบริเวณนั้น(กลุ่มพวกเขาไม่ได้เอากล้องถ่ายรูปไปมีเพียงโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายรูปได้) ในตอนนั้นมีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆอีกหลายกลุ่มที่มีจุดประสงค์เดียวกัน บ้างก็ถ่ายรูป บ้างก็พักผ่อน ด้วยความที่เป็นผู้ชายล้วน และด้วยความคึกคะนองของบอย เขาได้ตะโกนเสียงอันดังว่า... ออกไปที่ผาเพื่อฟังเสียงสะท้อนกลับมา ในตอนนั้นบอยก็รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองมาที่เขาอย่างเคืองๆ เขาเข้าใจว่าเป็นวัยรุ่นกลุ่มอื่นๆบริเวณนั้น เขาจึงถามเพื่อนๆว่ามีกลุ่มไหนมองเขามั๊ย เพื่อนๆต่างก็บอกว่าไม่มีใครมอง
เมื่อชมพระอาทิตย์ตกแล้ว พวกเขาก็ใช้เส้นทางเรียบผากลับที่ทำการฯ ด้วยเหตุที่พวกเขาไม่มีใครเตรียมไฟฉายไปด้วยและไม่เคยมาจึงพยายามเดินเป็นกลุ่มตรงกลางเพื่อหวังจะอาศัยแสงไฟ และเดินตามกลุ่มอื่นๆ แต่เมื่อเดินไปเรื่อยๆ แสงไฟจากนักท่องเที่ยวกลุ่มหน้าค่อยๆห่างออกไปทุกที พวกเขาก็เร่งฝีเท้าเพื่อตามให้ทัน ปรากฎว่าตามไม่ทันแสงจากกลุ่มหน้าหายไปแล้ว
เมื่อหันไปด้านหลังก็ไม่เห็นกลุ่มอื่นๆ ที่ตามมาเลย มีเหลือพวกเขาอยู่กลุ่มเดียว จึงรีบเดินให้เร็วขึ้น เดินจนถึงร้านค้าระหว่างทางจึงถามทางกลับ และขอซื้อเทียน ได้เพียงแค่ 2 เล่ม เพราะที่ร้านเหลือแค่นั้นและที่ร้านค้าก็แนะนำให้เดินทางลัดเพราะเห็นว่าดึกแล้ว (เข้าใจว่าเป็นเส้นทาง ผานาน้อย - องค์พุทธเมตตา) เขาก็เดินกันต่อ
ตอนแรกพวกเขาเดินเรียงหน้ากระดาน 4 คน พอเดินๆไปทางก็แคบลงๆ จนพวกเขาต้องเดินเรียงเดี่ยว โดยให้คนแรกถือเทียน 1 เล่ม และคนสุดท้ายถืออีก 1 เล่ม บอยเป็นคนที่อยู่รั้งท้ายสุด ตลอดทางพวกเขาจะนับ 1 ถึง 10 เป็นระยะๆ เพราะมืดมากเผื่อใครหายจะได้รู้ เส้นทางค่อยๆลาดต่ำลงหญ้าสองข้างทางสูงเกือบจะท่วมหัวหมอกก็ลอยต่ำเรียดพื้น มองไปข้างหน้าเห็นเพียงท้องฟ้าที่มืดมิด มองต่ำกว่ายอดไม้เห็นเพียงสีดำสนิท ระยะการมองเห็นเพียงรัศมีแสงเทียน
ในระหว่างที่เดินอยู่ ทุกคนรู้สึกมีสิ่งไม่ปกติเกิดขึ้นตลอด บ้างรู้สึกเหมือนมีคนวิ่งเอามือระต้นหญ้าข้างทางผ่านพวกเขาไป แต่ไม่มีใครกล้าทัก พอเดินๆไปเพื่อนที่เดินอยู่หน้าบอย กระซิบว่าเห็นคน บอยก็ตบหัวเพื่อนพร้อมบอกว่า คนที่ไหนไม่เห็นมีเลย (แต่หลายคนเล่าว่าเห็นเหมือนคนตัวดำตัวใหญ่มากๆนั่งยองๆกอดเข่ามองพวกเขาอยู่ข้างทางห่างไปไม่ไกลมาก ระยะเพียงพ้นแสงเทียน จะเห็นจากหางตาเพราะไม่กล้าหันไปมอง) เดินไปได้ซักพักบอยรู้สึกเหมือนมีคนมาหายใจรดต้นคอ และรู้สึกแน่นที่หน้าอกมากๆ พวกเขาเดินไปถึงทาง 3 แพร่ง ปรึกษากันว่าจะเลี้ยวซ้ายหรือขวาดี และเริ่มนับเพื่อให้ตรวจสอบเพื่อนว่าครบหรือเปล่า นับได้ 9 แล้วเงียบไป ไม่มีเสียงขานของบอย
ตอนแรกก็นึกว่าบอยแกล้ง แต่พอมองหาไม่เจอ พวกเขาส่วนหนึ่งจึงรีบวิ่งย้อนกลับไปเส้นทางเดิม และพบบอยนอนอยู่ข้างทางในลักษณะที่ตั้งแต่ส่วนเอวลงไปอยู่ในป่า ส่วนท่อนบนอยู่บนทางเดิน เหมือนมีคนกำลัง ลากโดยดึงขาเขาเข้าไปในป่า เพื่อนๆก็ช่วยกันดึงไว้ และร้องเรียกพวกที่เหลือ พวกที่ตามมาก็วิ่งเตะรากไม้ได้แผลไปคนนึง
ตอนนั้นบอยมีอาการกระตุก ตาเหลือก ตัวแข็ง พวกเพื่อนๆ ก็ตกใจ ช่วยกันบีบนวด แขน-ขา เขาต่างก็รู้สึกว่าตัวบอยแข็งมาก แข็งไปทั้งตัวเลย บีบไม่ลงไม่ยุบเลย พวกเขาจึงพยายามหามบอยโดยคนหนึ่งซ้อนใต้แขนทั้งสอง อีกคนยกขา เดินไป ตอนแรกยกไม่ขึ้นรู้สึกหนักมาก พอยกขึ้นและในระหว่างที่เดิน คนที่อยู่หน้าสุด ร้องว่าเห็นงูอยู่ข้างหน้า ทุกคนเห็นเป็นงูเหมือนกันหมด 9 คนยกเว้น บอย ที่ไม่รู้สึกตัวแล้ว แต่จากงูกลายเป็นกิ่งไม้ไปต่อหน้าพวกเขานั้นแหละ โดยพวกเขายืนยันว่าตอนแรกเป็นงูจริงๆ
คนที่หามบอย 2 คนเริ่มไม่ใหวแล้ว ทั้งที่บอยตัวนิดเดียว คนหามทั้งสองคนตัวใหญ่กว่าเยอะ ต้องให้เพื่อนมาช่วยกันหามอีกคน เขาบอกว่า บอยตัวหนักขึ้น ครับหาม 3 คนก็ไม่ไหวบอยก็หล่นลงมา มีอาการชักอย่างน่ากลัว ตาก็เหลือกด้วย ในขณะนั้นเองเพื่อนอีกคน ก็เห็นแสงไฟ เคลื่อนเข้ามาและปรากฎว่าเป็นแสงไฟจากรถมอร์เตอไซต์ ทั้งๆที่ตอนแรกไม่ได้ยินเสียงรถเลย คนขับเป็น ชายใส่ชุดทหารพราน สวมโม่ง พวกเขาก็บอกว่ามีคนเจ็บให้ช่วยหน่อย
คนที่ขับรถก็บอกให้เอาคนเจ็บขึ้น รถมา และให้คนขึ้นรถมาอีกคนคอยจับคนที่เจ็บไม่ให้ร่วง รุ่นพี่คนเดิมก็เลยขึ้นไปประคองบอย และได้เอาไม้สีแดงที่เก็บมาด้วยให้รุ่นน้องอีกคนถือไว้ ชายขับมอร์เตอไซต์ ได้แนะนำให้พวกที่เหลือเดินเลี้ยวขวาที่ทางแยกข้างหน้าเพื่อกลับที่ทำการฯ จะถึงเร็วกว่า
รุ่นพี่คนที่นั่งซ้อยรถไปด้วยก็เล่าว่าเมื่อถึงทางแยกมอร์เตอไซค์กลับเลี้ยวซ้ายบอกว่าทางสะดวกกว่า และรุ่นพี่ได้เล่าให้คนที่ขับรถไปว่าเขามาเที่ยวกันแล้วเพื่อนก็เป็นอะไรไม่รู้ ทันใดนั้นคนที่ขับรถอยู่ก็หัวเราะขึ้นโดยมีน้ำเสียงเปลี่ยนไป จากเดิมเสียงใหญ่มากและพูดยานๆว่า มันไม่เป็นอะไรหรอก
ตอนนั้นเขากลัวมากๆ แต่ก็ขับมาส่งจนถึงบริเวณสะพานไม้หลังที่ทำการฯ เจ้าหน้าที่ที่ขับรถก็บอกให้ประคองบอยไปห้องพยาบาล ซึ่งตอนนั้นตัวบอยไม่หนักเหมือนก่อนหน้านั้นแล้ว ถึงห้องพยาบาล เจ้าหน้าที่พยาบาลก็ให้กินยาและนอนพักก่อน ส่วนตัวรุ่นพี่ก็เดินไปซื้ออาหารอุ่นๆที่ร้านค้ามาไว้ให้บอยกิน
พอกลับมาถึงบอยก็ฟื้นแล้วแต่ยังงงๆอยู่ มาพูดถึงเพื่อนอีก 8 คนที่เดินกลับ ตอนนั้นเทียนดับไปแล้ว พวกเขาก็ อาศัยแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือ ตลอดเวลาที่พวกเขาเดินไปเหมือนมีคนตามมาตลอด และเพื่อนคนนึงโดนพลักตกหลุม ถึง 2 ครั้ง โดยเพื่อนทุกคนยืนยันว่าไม่มีใครแกล้ง
แล้วพวกเขาก็เห็นแสงไฟข้างหน้า เป็นแสงไฟตามบ้านอะไรประมาณนี้พวกเขาก็รีบเดิน แต่ยิ่งเดินยิ่งไกล และแล้วแสงไฟก็หายไป แต่พวกเขาก็ยังเดินต่อไป แต่ก็วนมาที่เดิมตลอด ทุกคนเริ่มกลัว เริ่มลนกันหมด แล้วก็มีคนยกมืออธิฐานกับไม้ บนบานเจ้าที่ เจ้าป่า เจ้าเขาขอให้ถึงที่พักซักที แล้วไม่นานเพื่อนคนหนึ่งก็แหวกหญ้าที่สูงท่วมหัวข้างทางออกมาเจอแสงไฟจากที่ทำการฯ ทั้งๆที่ไม่ไกลพวกเขาก็หลงอยู่เป็นนาน
พวกเขาพบกับ เจ้าหน้าที่ที่ใส่ชุดทหาร สวมโม่ง 2 คนส่องไฟมาทางเขา แล้วบอกว่า เจอพวกมันแล้ว ตอนแรกเขานึกว่าเพื่อนเขาที่มากับรถ บอกให้คนออกมาตามหาพวกเขา แต่ไม่ใช่และทหาร 2 คนก็เดินหายไปใหนไม่รู้ แล้วพวกเขาก็มาถึงหลังที่ทำการ เขามาถึงที่พักกันแล้ว และพวกเขาก็ได้จุดธูปขอขมาเจ้าที่เจ้าทางพอปักธูป กำลังเดินกลับ
บอยก็ออกมาพอดี โดยที่ไม่มีอาการใดๆเลย มาตอนเช้าบอยเล่าหลังจากได้สติว่าตอนที่ล้มลงนั้นยังรู้สึกตัว เห็นว่ามีคนตัวใหญ่หน้าตาโกรธมากมาทำให้ล้มและกดหน้าอกเอาไว้ตอนที่เพื่อนๆพยายามแบกตัวเขาขึ้นมา พวกเขาได้ตามถามหาเจ้าหน้าที่ที่มาส่งบอย เพื่อจะขอบคุณ ปรากฏว่าไม่มี และ พวกเจ้าหน้าที่บอกว่า ไม่มีใครใส่ชุดเต็มยศขนาดนั้นหรอก
ส่วนแม่ค้าเมื่อได้ยินเรื่องก็ให้ความเห็นว่าเป็นผู้ช่วยองค์พุทธเมตตา ที่ออกมาให้ความช่วยเหลือผู้คนบ่อยๆ เมื่อพวกเขาได้เดินกลับไปดูเส้นทางที่เดินมาเมื่อคืน พบว่าต้นไม้ใหญ่ๆที่เห็นเมื่อคืนไม่มีเลย มีเพียงหญ้าเตี้ยๆสูงไม่ถึงเข่า
มีหลักฐานว่าเป็นเส้นทางเดิมคือร่องรอยพลาสเตอร์ ที่เขาใช้กันหล่นอยู่ข้างทางอยู่เลย ทิศที่รถมอเตอร์ไซค์วิ่งมาก็ไม่มีทาง เป็นทุ่งหญ้าและทางสามแยกก็ใช้ได้เพียงด้านขวา เพราะด้านซ้ายที่รถมอเตอร์ไซค์เลี้ยวมาเมื่อคืนที่ผ่านมา เส้นทางขาด น้ำ เซาะทางเป็นร่องลึกใช้ไม่ได้ จึงเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่รวมๆกันหลายอย่าง
ก่อนลงจากภูกระดึงพี่ใหญ่รู้สึกขอบคุณไม้เท้า และได้เอาไปพิงไว้หลังต้นสนใหญ่ที่สุดบริเวณกางเต้นท์ เมื่อพวกเขากลับลงมาถึงตีนภูฯ ก็แวะไปไหว้ศาลเจ้าพ่อภูกระดึง ปรากฎว่าในศาล มีไม้เท้าสีแดงอยู่ ลักษณะไม้เท้า เหมือนกับไม้ที่พวกเขาใช้เมื่ออยู่บนภูฯ พวกเขาจึงคิดว่าเจ้าพ่อฯ ได้ไปช่วยพวกเขา
(รายการตีสิบไปถ่ายภาพมาเปรียบเทียบกับภาพในโทรศัพท์มือถือมีลักษณะคล้ายกันอย่างมาก) พอกลับมาถึงบ้านแม่ ของบอยออกมาเปิดประตูหน้าบ้านให้และทักว่าเอาใครมาด้วยอยู่หน้าบ้าน ตัวใหญ่ตาแดงเชียว
บอยไม่ได้เล่าให้แม่ฟัง เพราะกลัวโดนดุ แต่ได้เล่าให้พี่สาวฟัง แล้วพี่สาวก็เล่าให้แม่ฟังในที่สุดหลังจากได้ยินแม่เล่าถึงความฝันช่วงที่บอยไปเที่ยวภูกระดึง ว่าได้ฝันเห็นต้นไม้ใหญ่แผ่ กิ่งมาเหมือนมือกำลังไล่ต้อนเด็กตัวเล็กๆอยู่ แม่บอยก็ร้องบอกว่าอย่าไปทำเลยสงสารเด็กมันในฝันก็ไม่ได้เห็นเป็นบอยนะเห็นเป็นเด็กตัวเล็กๆเท่านั้นเอง
"ในขณะที่แม่บอยนั่งคุยกับพี่สาวอยู่เกิดได้ยินเสียงแว่วขึ้นมาว่าให้พวกมันไปขอขมากู แล้วพวกเขาก็เล่าให้แม่ฟัง จึงได้พาบอยไปทำสังฆทาน และอาบน้ำมนต์"
ที่มา : ข่าวสด
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น