คุกขังวิญญาณ ขวัญผวาชายเสื้อแดง ตำนานหลอนกองปราบฯ

คุกเฮี้ยนกองปราบปราม แม้ทุกวันนี้จะถูกทุบทิ้งไปแล้ว แต่เรื่องเล่าการจองจำวิญญาณชายเสื้อแดง ยังถูกกล่าวขาน และเป็นภาพจำหลอน ทำให้ผู้ที่กระทำผิด ขยาดไม่อยากย่างกรายเข้าไปสู่ความหลอน โดยบางคนเล่าลือว่า วิญญาณพยายามร้องขอความช่วยเหลือ ไปจนถึงต้องการพรากชีวิต เพื่อเป็นตัวตายตัวแทน

ชายเสื้อแดงเดินเข้าสู่ห้องขังในกองปราบฯ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีวี่แวววิตกกังวลต่อข้อหา เขาถูกจับในคดีข่มขืนหลานสาววัย 11 ปี จนตั้งท้อง แต่ใครจะรู้ว่าดึกคืนนั้น เสียงตะปูที่ขูดลงกับพื้นห้องขัง มันสะท้านสะเทือนไปถึงความขมขื่น ที่กดทับไว้ในจิตใจ ข้อความบนพื้นเป็นประโยคสั่งลาถึงลูก และการปฏิเสธต่อข้อกล่าวหา ที่ผลักเขามาสู่หลังลูกกรง

เสื้อกล้ามสีแดงกลายเป็นมัจจุราชร้าย เขาถอดออกแล้วร้อยรัดกับลูกกรงห้องขังชั้นบนสุด.... ใบหน้าร้อนผะผ่าวด้วยเลือดสูบฉีด ค่อยๆ ชักกระตุก ดวงตาปูดโปนนั้นยิ่งทำให้หลายคนจมดิ่งไปกับความคิดชั่ววูบที่คาดไม่ถึง

ข่าวการเสียชีวิตของผู้ต้องหาชายในห้องขังกองปราบฯ กลายเป็นข่าวกรอบเล็กๆ เล่าถึงการจบชีวิตท่ามกลางความตกตะลึงของร้อยเวร นึกไม่ถึงว่าผู้ต้องหาที่มีอาชีพขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง จะจบชีวิตลงในวันที่ 12 ก.ค. 2550

แม้ที่ผ่านมาห้องขังแห่งนี้ จะเคยมีผู้ต้องหาพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ช่วยไว้ได้ทัน ซึ่งในรายของชายเสื้อแดงนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่หลายคนขวัญผวา จนต้องนิมนต์พระมาปัดรังควาน เพื่อเรียกขวัญกำลังใจ

หลังจากนั้นอีก 2 วัน... กลางดึกที่ความเหนื่อยล้าค่อยๆ กล่อมให้ผู้ต้องหาที่เพิ่งถูกจับในคดีฉ้อโกงรายใหญ่ พร้อมกับผู้ต้องหาอีกหลายคนนอนเรียงกัน จนห้องลูกกรงดูคับแคบไปถนัดตา

ผู้ต้องหารายหนึ่งรู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังจับจ้องเขา เมื่อรู้สึกตัวก็เห็นชายเสื้อแดงนั่งหลบมุมอยู่ในห้องขัง สายตาเขาเยือกเย็น ว่างเปล่า ไร้ความรู้สึก ด้วยความไม่คิดอะไร จึงเริ่มเคลิ้มหลับ

 

ภาพฝัน... ชายเสื้อแดงค่อยๆ เคลื่อนตัวออกมาจากเงามืด แสงไฟที่ส่องมาจากภายนอก ทำให้เงาลูกกรงเหล็กทาบทับบนร่างชายเสื้อแดง ไม่ทันที่รอยยิ้มของการทักทายจะปรากฏ ร่างนั้นกระโจนเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง ชายผู้ตกอยู่ในความฝันพยายามสาวหมัดโต้ตอบวิญญาณชายเสื้อแดง แต่นั่นเป็นความฝัน... ไม่นานภาพจำก็ถูกตัดไป

โลกความจริง... ดึกนั้นเพื่อนผู้ต้องขังพยายามจับร่างชายผู้นั้นที่ดิ้นทุรนทุราย ให้ตื่นขึ้น แต่แล้วเขากลับลุกพรวด แล้วตะโกนใส่ทุกคนว่า "กูอยากกลับบ้าน อยากออกไป แต่ออกไปไม่ได้ เพราะโดนอาญาแผ่นดิน" เมื่อสิ้นเสียง ร่างนั้นก็ล้มฟุบหมดสติ

เมื่อได้สติ ชายผู้นั้นก็เล่าถึงวิญญาณชายเสื้อแดง ที่สบตากับเขาก่อนนอน และตามไปหลอกหลอนถึงในฝัน ก่อนเข้าสิง แล้วโหวกเหวกโวยวาย โดยที่ไม่รู้สึกตัว รุ่งขึ้นจึงได้ทำการขอขมา แล้วรีบให้ญาติมาประกันตัว ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน

เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้สื่อมวลชน เริ่มให้ความสนใจถึงความเฮี้ยนของวิญญาณชายเสื้อแดง ที่อาจยังถูกจองจำ และต่อจากนั้นก็มีผู้ต้องหาหลายคนอ้างว่า ถูกหลอกหลอนจนนอนไม่ได้ บางคนถึงขนาดยื่นข้อเสนอให้ร้อยเวร มานอนเฝ้าเป็นเพื่อน หลายคดีผู้ต้องหารีบให้ญาติมาประกันตัว เพราะกลัวจะต้องนอนค้างคืนในคุกกองปราบฯ

ข่าวคราวความเฮี้ยนของวิญญาณในห้องขัง เริ่มจางหายไป แต่กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งปี 2557 เมื่อมีผู้ต้องหารายหนึ่งบวชเรียนมาแรมปี ทำให้ไม่กลัวเรื่องราวลี้ลับ แล้วกลางดึกราวสี่ทุ่ม ร่างเงาชายเสื้อแดงเริ่มปรากฏขึ้นในห้องขัง และได้สื่อสารว่า ตนเองไม่ได้กระทำผิดอย่างที่ถูกกล่าวหา แล้วขอให้ผู้ต้องขังในห้องขังนอนหัวชนกัน เพื่อจะได้ไม่ขวางทางเดินของวิญญาณ การจองจำในโลกหลังความตายยาวนาน ยังรอวันสิ้นสุด เพื่อนำสู่การปลดปล่อย

โดยปีเดียวกันทางกองปราบฯ มีแผนปรับปรุงห้องขัง เปิดการประมูลงาน และมีผู้ที่เข้าร่วมมากมาย แต่ไม่วายที่วิญญาณของชายเสื้อแดงจะปรากฏร่างเงาอีกครั้ง เมื่อคนงานที่ทำการรื้อห้องขัง เห็นชายเสื้อแดงยืนนิ่งด้วยแววตาเรียบเฉย เมื่อลงมาด้านล่าง เงยหน้ามองขึ้นไปชั้นบน ก็เห็นเขายังยืนในลักษณะเดิม

แต่โลกย่อมหมุนไปตามการเปลี่ยนแปลง... กรงเหล็กค่อยๆ ถูกรื้อถอนทีละชิ้น พันธนาการในโลกวิญญาณ ราวกับได้รับการปลดปล่อย ตึกห้องขังมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อก่อสร้างตึกใหม่ เหล็กของกรงขังถูกหลอมจนเป็นเนื้อเดียวกัน และนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น

บัดนี้ไม่มีใครเห็นร่างเงาชายเสื้อแดง ปรากฏให้เห็นอีกต่อไป ตำนานห้องขังกองปราบฯ เฮี้ยนได้ปิดฉากลง ไปพร้อมกับการเริ่มต้นใหม่ของอีกหลายชีวิต.

เครดิตแหล่งข้อมูล :thairath