อาถรรพณ์กระเป๋าผีสิง ฆ่าหั่นศพผัว ป่วยติดเตียง

11 ปีก่อน คดีฆ่าหั่นศพสามีในห้องพักหมายเลข 714 ย่านบางขุนนนท์ กลายเป็นคดีใหญ่ ที่คนไทยหลายคนจดจำ แม้ตำรวจสามารถรวบตัวคนร้ายได้ทันควัน แต่คำรับสารภาพของภรรยา กลับอ้างถึงสิ่งลี้ลับกระซิบให้ลงมือ คดีนี้จบลงอย่างรวดเร็ว แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปี ตำรวจทั้งโรงพักต้องขนหัวลุก เมื่อทุกค่ำคืน มีเสียงโหยหวน แว่วมาจากห้องเก็บหลักฐาน

กลางดึกบนโรงพัก... เสียงร่ำลืออาถรรพณ์กระเป๋าผีสิง ทำให้ร้อยเวรบางนายร้อนๆ หนาวๆ แม้คดีเมียฆ่าหั่นศพสามียัดกระเป๋าเดินทางจะปิดฉากไปแล้ว แต่กระเป๋าใบนั้นยังคงอยู่ มันเหมือนรอเวลาการปลดปล่อย หลังถูกจองจำมาเกือบครึ่งชีวิต

ครืด...ครืด.. เสียงคนลากกระเป๋า ประสานกับเสียงโหยหวนถูกเล่าปากต่อปาก จนมีสื่อนำเรื่องนี้มาตีข่าวถึงอาถรรพณ์กระเป๋าผีสิง ภาพกระเป๋าเดินทางสีดำ ได้รับการเผยแพร่ พร้อมกับเรื่องราวสุดสยอง "รักต้องฆ่า"

7 ต.ค. 2555 หญิงผู้พักอาศัยในห้องหมายเลข 714 อพาร์ตเมนต์ ย่านบางขุนนนท์ แจ้งผู้ดูแลตึกถึงความประสงค์ต้องการย้ายออกทันที เธอเรียกให้พนักงานรักษาความปลอดภัย มาช่วยขนของลงไปด้านล่าง ชุดกระโปรงยาว และใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอาง ดูแปลกตากว่าที่หลายคนพบเจอ

กระเป๋าเดินทางสีดำ ถูกวางไว้หน้าห้อง พนักงานรักษาความปลอดภัยคะเนด้วยตาเปล่าถึงความหนักอึ้งที่ต้องขนลงตั้งแต่ชั้น 7 ไล่ลงมาชั้น 6, 5, 4, 3 และหยุดที่ชั้น 2 เพราะของที่อยู่ในกระเป๋าดูหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนซิปด้านข้างเริ่มปริออก และด้วยความสงสัย ซิปจึงค่อยๆ รูดเปิดออก....

กลิ่นคาวและคราบเลือดในกระเป๋า ทำเอาคนเปิดต้องกระโดดหนี ด้วยความตกใจ หลังแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบชิ้นส่วนมนุษย์สวมเสื้อสีน้ำตาล กางเกงสีดำ ข้อมือและเท้าพันธนาการด้วยเชือกฟาง บนร่างพบรอยถูกทำร้ายด้วยของมีดคมทั่วร่าง แต่ไม่พบส่วนหัว

ตำรวจรวบภรรยาของผู้ตายในห้องพักทันควัน เมื่อตรวจในห้องพักพบคราบเลือดหลายจุด โดยเฉพาะบนกำแพงห้อง มีรอยเลือดพุ่งกระฉูดจากเงื้อมมือเมียโหด ช่วงแรกเธอให้การวกวน และเหมือนมีอาการทางจิต พร่ำพูดเพียงว่า องค์เทพต้องการให้ปลดปล่อยสามี ที่ป่วยติดเตียง

เมื่อเธอเริ่มได้สติ จึงให้ปากคำว่า ได้ทำร้ายสามีจนตายในกลางดึก และคืนนั้นได้นอนกับศพ จนรุ่งเช้าได้ไปซื้อถุงพลาสติก แล้วเริ่มหั่นศพสามีทีละชิ้น แต่ส่วนหัวแยกใส่ถุงไปทิ้งลงน้ำในคลองหลังตึกที่พักอาศัย

การคลี่คลายคดีเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทีมค้นหาใช้เวลาไม่นาน ก่อนเจอส่วนศีรษะของสามี คนร้ายถูกแจ้งข้อกล่าวหา และนำไปรักษาอาการทางจิตที่โรงพยาบาล แม้หลังจากนั้นคนร้ายได้รับการปล่อยตัว แต่กระเป๋ามรณะ ยังถูกเก็บไว้ จนเป็นเรื่องหลอนสนั่นโรงพัก

หลังเสียงร่ำลืออาถรรพณ์กระเป๋าผีสิง กระจายไปทั่วสารทิศ ทางตำรวจได้นำไปเผาที่วัด พร้อมสวดส่งวิญญาณ ปลดเปลื้องข้อผูกมัด คลายปริศนาความหลอนของกระเป๋า ให้เหลือเพียงตำนาน

คดีนี้เป็นอุทาหรณ์ ให้สังคมไทยเริ่มสำรวจคนใกล้ชิด หากมีอาการป่วยควรรีบนำไปรักษา และเตือนใจไม่ให้มีผู้กระทำผิด เดินทางพลาดเหมือนหลายคดีสะเทือนขวัญที่ผ่านมา.

เครดิตแหล่งข้อมูล : thairath