สามเณรกับเมรุเผาศพ | เรื่องเล่าเขย่าขวัญ
วันแรกเหตุการณ์ผ่านไปปกติ เปิดโครงการบรรพชาสามเณรในศาลารับรองหลังหนึ่งในวัด เป็นศาลากระจกทั้งหมด ติดเครื่องปรับอากาศ และข้างๆ มองลอดกระจกออกไปจะเป็นเมรุเผาศพ พระเณรถ้าจะเข้าห้องน้ำต้องเดินผ่านทางหลังเมรุ เพราะห้องน้ำอยู่ทางด้านศาลาสวดศพ ๓-๔
พอดีวันนั้นมีการเผาศพพึ่งเสร็จ โดยจะมีถาดที่เจ้าหน้าที่โกยกระดูกออกมาใส่ถาดไว้ เพื่อรอญาติมารับในตอนเช้า
การต้อนรับน้องเณรและการแนะนำตัวพระพี่เลี้ยงผ่านไปได้ด้วยดี ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในพระพี่เลี้ยงที่ได้มอบหมายให้มาคอยช่วยดูแลเณร
แล้วเหตุการณ์ชวนขนหัวลุกก็ได้เกิดขึ้นในวันที่สาม หลังจากฉันน้ำปานะเสร็จเรียบร้อย จะให้เณรเดินกวาดรอบวัดแบ่งออกเป็นสี่กลุ่ม กลุ่มแรก กวาดทางประตูหลังวัดถึงสะพานวัด กลุ่มที่สอง กวาดทางสะพานวัดไปจนถึงรอบเมรุ กลุ่มที่สาม กวาดจากหลังเมรุไปถึงศาลาห้า และกลุ่มสุดท้ายจากศาลาห้าถึงลานจอดรถตรงโกดังเก็บศพ ที่สร้างไว้เหมือนเป็นคอนโดที่ไว้ใส่โลงศพที่ไม่มีญาติมารับ หรือญาติไม่พร้อมที่จะเผานั่นเอง
เรื่องนี้เกิดกับกลุ่มที่สอง ซึ่งผมเป็นคนคุมกลุ่มนี้มากวาด เณรต่างก็เล่นกันตามประสาเด็กๆ มีเณร ๓-๔ คน นึกพิเรนท์ ให้เด็กคนหนึ่งอายุประมาณ ๑๒-๑๓ ปีน่าจะได้ ก้มมองลอดใต้หว่างขาเพื่อพิสูจน์คำโบราณว่าผีมีจริงไหม เด็กคนนั้นก็ก้ม ก็เจอจริงๆ อย่างที่โบราณว่า!
ผมขออธิบายก่อนว่า หลังเตาเผาจะมีห้องสำหรับเจ้าหน้าที่เผาศพ อยู่ด้านในตัวเมรุ มีประตูกรงเหล็กปิดไว้ ล็อกกุญแจอยู่ และด้านนอกประตูจะเป็นระเบียงปูนไว้สำหรับเป็นที่นั่ง มีบันไดขึ้นไปทางหลังเมรุได้
เด็กคนนั้นมองใต้หว่างขาเสร็จ ก็เงยหน้าขึ้นมาหาเพื่อน จังหวะที่ผมเดินมาพอดี ก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กก็ได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ ผมก็พอจะเดาออกว่าเจออะไรมา ผมจึงคุมตัวเณรกลุ่มสองทั้งหมดมาที่ศาลารับรองในวันแรก เด็กได้สติก็เริ่มเล่าให้ฟังว่า
หลังจากที่มองไปใต้หว่างขานั้น เขาเห็นเด็กสองคน ซึ่งไม่ใช่เพื่อนๆ ของตัวที่บวชแน่นอน เป็นเด็กที่ไม่ใส่เสื้อผ้าอะไรเลย ปะแป้งตัวขาว ทั้งสองคนเป็นผู้ชาย ๑ ผู้หญิง ๑ ซึ่งผมได้ฟังก็ตกใจไม่น้อย
หลังจากเด็กเล่าให้ฟังจนจบ ผมก็ให้ไปห่มผ้าทำวัตรเย็น ให้เดินไปเป็นกลุ่มๆ ซึ่งก่อนเข้าโบสถ์จำเป็นต้องเดินผ่านเมรุ เด็กคนที่เจอเหตุการณ์ก็หันแวบขึ้นไปบนเมรุ สิ่งที่ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครรับรู้ก็เกิดขึ้น! เณรเห็นเด็กสองคนนั้นและวิญญาณตนอื่นๆ กวักมือเรียกขึ้นไปบนเมรุ ซึ่งผมก็พอจะจับท่าทีของเด็กออก ก็เลยพูดลอยๆ ไปว่า
"เป็นวิญญาณก็อยู่ในส่วนของวิญญาณ อย่ามายุ่งเกี่ยวกับคน ถ้าอยากได้บุญก็อยู่เฉยๆ อย่าระรานกัน"
หลังจากส่งเณรเข้าโบสถ์เสร็จ ผมก็เดินขึ้นไปไขกุญแจเมรุ เดินขึ้นไปเช็กประวัติที่ผ่านมาในการเผาศพที่เมรุแห่งนี้ จนกระทั่งไปเจอบันทึกใบมรณะสองแผ่น เป็นชื่อเด็กสองคน เผาไปเมื่อปี ๒๕๕๑ ซึ่งเจ้าหน้าที่คนก่อนเป็นคนเผา และมันก็ตรงกับที่เณรเล่าให้ฟังว่าเห็นเด็กสองคนนี้!
หลังจากทำวัตรเย็นเสร็จเรียบร้อยทุกอย่าง ผมจึงพาตัวเณรเดินขึ้นไปบนเมรุเผาศพด้วยกัน และมีสัปเหร่อซึ่งเป็นผู้ติดตามผมขึ้นไปด้วย ผมจุดธูป ให้เณรยืนสงบนิ่งขอขมา แล้วว่าตามผม
"กรรมใดที่ข้าพเจ้าสามเณร...ได้ล่วงเกิน หรือลบหลู่ดูหมิ่น ขอให้ท่านได้โปรดอโหสิกรรม แล้วจะทำบุญอุทิศไปให้ ขอให้แม่ย่านางแห่งเตาเผานี้ จงปกปักรักษาข้าพเจ้า อย่าได้มีอะไรมารบกวนระหว่างบวชเณรเลย" พูดจบ ผมจึงให้เณรนำธูปไปปักที่หน้าเตาเพื่อเป็นการขอขมา
หลังจากนั้นจะมาเจออีกทีช่วงคืนวันสงกรานต์ เป็นวันพระใหญ่และมีงานวัด ซึ่งทางวัดเปิดให้สรงน้ำพระ เณร และญาติผู้ใหญ่ หลังจากงานเสร็จสิ้นในช่วงเย็น เณรก็เห็นเด็กสองคนนั้นมายืนพนมมือไหว้ในชุดไทยของเด็ก และวิญญาณดวงอื่นๆ ก็เหมือนจะมารอรับส่วนบุญด้วยหลังจากนั้นมาอีกสามวัน เณรก็ลาสิกขากันไป เหตุการณ์ก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงครับ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน สวัสดีครับ