ตัวตาย ตัวแทน


ตัวตาย ตัวแทน

"ถ้ายายตายไปแล้วมารับจะไปไหม"


คืนวันนั้น ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต
วัยเพียง 15 ปี ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน
สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน
ยายคว้ำมือผมไว้ มือเหี่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก
สายตายายดุดันแต่เหม่อลอย มองหน้าผมเหมือนไม่ได้มอง
นั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา แล้วฟังเรื่องเล่าจากปาก
ยายเล่าว่า สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว
ฝรั่ง มะม่วงในสวนมาบนเจ้าที่ ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็ก ๆ
ในบ้านไปอยู่ด้วย
ยายถามผมว่าถ้ายายตายไปแล้ว
กลับมารับผมให้ไปอยู่ในโลกอีกโลก
ด้วยผมจะไปกับแกไหม? ผมหัวเราะในความงมงาย คนแก่ก็อย่างนี้
พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ
แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน
ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...



"ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย"


อีก 7 วันต่อมาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด กลางดึกคืนสุดท้าย
ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน ปากตะโกนเสียงแหบว่า ไม่เอา
ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป แล้วหวีดร้องเหมือนปีศาจ
ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่
บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ
และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง
ห่มผ้าให้ยายแล้วผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ ตัวแกสั่นกุกกัก
ลองหันไปดูตาแกลืมโพลง น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน ตัวเย็นชืด
ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว
หลังคืนสวดศพ 3 วัน ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน
ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้านเย็นสบาย
กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ
แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน
น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย
เสียงแหบแห้งของยายถามผมช้า ๆ
"ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."
ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก
"ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."
เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง



"ขอเล่นสนุกกับเพื่อนก่อนแล้วค่อยมารับนะ"


น้ำตาไหลอาบแก้ม ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ
กระท่อนกระแท่นเต็มที เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง
น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ
น้ำหนักยายคงไม่เกิน 45 กิโล แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้
ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว
กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว
ผมขอร้องยายว่าอย่าเอาผมไปเลย
ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ
เสียงยายหัวเราะข้ำงหู ผมขนลุกซู่ทั่วตัว
กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจน
เสียวสันหลัง
แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย
ยายหัวเราะหมายถึงว่าตกลง...
เวลาผ่านไปสองปี การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง
หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน
ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท มาเมื่อคืนวานผมปิดไฟนอน



"น้ำเลือดน้ำเหลืองไหลย้อย"


หลับตาสวดมนต์สามคาบ แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ
พอลืมตามองเพดาน
ในห้องมืด หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้าง ๆ
"ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."
เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต
ผมแทบเป็นบ้า ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง
ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง
น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง คราวนี้ยายเอาจริงแน่
"ผมไม่ไปกับยายหรอก" ผมส่ายหัว
มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์
ยายนั่งนิ่ง ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ
ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก



"ผมสู้แรงแกไม่ไหว"


เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง
มือเหี่ยวงุ้มบีบคอและพยายามล้วงเข้ำไปในปากผม
เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง
ผมแทบสู้แกไม่ไหว

"ยาย เอาคนอื่นไปแทนได้ไหม? เอาเพื่อนผมไปแทนได้ไหม?"
ผมเอ่ยถามทางดวงจิต
"....................." แกนิ่งเงียบ
ตอนกลางคืน เค้านอนหลับ ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน
กินวิญญาณเค้าเลยนะยาย..."
เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...
ยาวและนานเหมือนกับว่าสะใจ
ในข้อเสนอก่อนจะหายตัวไป...



แหล่งข้อมูล : บอร์ดรวมเรื่องสยองขวัญ


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์