สามแยกสยอง
"สามแยก"
ถ้าท่านมาจากสี่แยกสะพานควายไปทางลาดพร้าว ผ่านวัดไผ่ตันไปหน่อย ก็จะถึงสามแยกที่เลี้ยวซ้ายผ่านอ.ต.ก. ขวามือคือพหลโยธินซอย 18 ขนานกับกรมขนส่งทางบกไปทะลุวิภาวดีซอย 3
เราไม่ต้องเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาให้เสียเวลา เพราะตรงกลางเกาะใต้ทางด่วนรถไฟฟ้าบีทีเอสนั่นมีป้อนตำรวจจราจรโดดเด่นเป็นสง่า ให้บรรดาสิงห์มอเตอร์ไซค์ กับตีนผียำเกรง
เรื่องขนหัวลุกเกิดที่นั่นแหละ!
เมื่อประมาณกลางเดือนธันวาคม พ.ศ.2549 นี่เอง จู่ๆ ก็มีซากรถยนต์พังยับเยินแบบหักกลาง โผล่ขึ้นมาประดิษฐานอยู่ใกล้ๆ ป้อมตำรวจ ไม่ว่าใครๆ มองเห็นเข้าก็ต้องชะงักกึก หันกลับไปมองซ้ำเพราะมันน่ากลัว น่าสยดสยองเต็มที่
ถามว่า อุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นที่ไหน? กับรถพังแทบเป็นเศษเหล็กแบบนี้ไม่ว่าคนขับหรือคนที่นั่งมาด้วยจะรอดชีวิตหรือเปล่าหนอ?
เกิดขึ้นที่ถนนวิภาวดีรังสิต ก.ม.11 ใกล้ๆนี่เอง!
ผลคือ ตายที่ 2 คน บาดเจ็บสาหัสไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 2 คน แล้วตำรวจอุตริลากมาตั้งโดดเด่นอยู่ที่นั่นเพราะอะไร?
คำตอบคือ เพื่อเตือนใจพวกเมาแล้วขับ ชอบซิ่ง ชอบฝ่าฝืนกฎจราจร จะได้ฉุกคิดว่า ถ้าคึกคะนองหรือประมาท อาจจะพบจุดจบแบบรถคันนั้นก็ได้...หรือใครอยากจะไปป่าช้าก่อนถึงอายุขัยที่สมควรก็ตามใจ
เหนือซากรถยังมีเครื่องหมายโดดเด่นบนป้ายสีขาว คิดว่าตำรวจคงจะทำไว้ด้วยความปรารถนาดี
"!!!--???"
ชาวบ้านร้านช่องในละแวกนั้นมองเห็นแล้วมักเกิดอาการครั่นเนื้อครั่นตัว...ว่าจะไม่มองก็อดเผลอหันไปมองไม่ได้ ราวกับมีอะไรมาดึงดูดสายตาโดยไม่ได้ตั้งใจเลย
คนที่อยู่ในซอย 18 ปกติก็ไม่ค่อยอยากกลับบ้านกลางค่ำกลางคืนอยู่แล้ว...ไหนจะหวาดระแวงเจ้าพ่อโพธิ์ที่ยืนทะมึนอยู่กลางซอย เบียดเสียดกับกำแพงรั้วกรมขนส่ง...จะเฮี้ยนแค่ไหนก็ขนาดไม่กล้าโค้นต้นโพธิ์ทิ้งเพื่อสร้างกำแพงก็แล้วกัน
ไหนจะโผล่ออกมาเจอซากรถที่รู้ๆ อยู่ว่า คร่าชีวิตมนุษย์ในนั้นไปถึง 4 คนเมื่อไม่ช้าไม่นานมานี่เอง...ไม่อยากเสียค่ามอเตอร์ไซค์เข้าซอย 10 บาทก็ต้องตัดใจควักเงินแต่โดยดี
ถือคติว่า...เสียเงินดีกว่าโดนผีหลอก!
วันแรกๆ ที่มีซากรถน่าสะพรึงกลัวมาประดิษฐานอยู่ที่นั่น มีคนเห็นแสงไฟกะพริบวูบวาบ พอจ้องมองอีกทีก็หายไปแล้ว
คนแถววัดไผ่ตันเล่าว่าขับรถกลับบ้านตอนดึกๆ หันไปมองก็เห็นร่างๆ ดำรุมล้อมอยู่รอบรถ ตำรวจจราจรอุบเงียบอยู่ในป้อม...ร่างเหล่านั้นหันมามองพลางโบกไม้โบกมือ เล่นเอาขนหัวตั้ง มือไม้สั่นจนแทบจะขับรถกลับบ้านไม่ไหว
สบถสาบานว่าต่อไปจะไม่ยอมขับผ่านทางนั้นตอนกลางคืนอีกแล้ว ถึงจะต้องอ้อมไปทางวิภาวดีฯ มาเลี้ยวเข้าสุทธิสารก็ยอมล่ะ ไม่อยากหัวใจล่มสลายไปดื้อๆ เพราะถูกผีหลอกน่ะสิ!
คนแถวข้างโรงแรม 24 ก็บอกว่าเคยผ่านมาตอนดึกๆ ได้ยินเสียงแตรกดถี่เร็ว นึกว่าโดนคันหลังบีบแตรไล่ มองทางกระจกหลงก็ไม่มี พอเสียงแตรดังขึ้นอีกทีก็นึกขึ้นได้...สะดุ้งโหยง เย็นวาบไปทั้งตัวในบัดดล
มันดังมาจากรถผีสิงคันนั้นน่ะสิ....เขาบีบแตรทักทายหรือเตือนสติด้วยความหวังดี....อย่ารีบร้อนไปตายเหมือนพวกเขาเลย
ยกมือไหว้ แตะเบรก...เล่าไม่อายว่าเกือบจะร้องไห้โฮ!
ทำไมวิญญาณทั้ง 4 ถึงเฮี้ยนจัดขนาดนั้นล่ะ?
เมื่อนำซากรถมาไว้ที่นั่นได้ไม่นาน มีตำรวจจราจรประจำป้อมนายหนึ่งนึกขลังอะไรขึ้นมาก็ไม่ทราบ ได้จุดธูป 1 ดอกปักไว้ที่หน้าซากรถ พลางบอกกล่าวด้วยเสียงดังฟังชัดว่า "ถ้าหิวก็ไปหาอะไรกินที่วัดไผ่ตันนะ! กินอิ่มแล้วก็ขอให้กลับมาอยู่ที่นี่ตามเดิม...ไอ้พวกตีนผีตีนปีศาจมันจะยำเกรงเสียที"
เท่านั้นแหละได้เรื่อง
เชื่อว่าวิญญาณทั้ง 4 ถูกจุดธูปเรียกร้อง ไม่อาจจะบ่ายเบี่ยงได้เพราะควันธูปที่อวลกรุ่นสะกดไว้ จึงสิงสู่อยู่ที่ซากรถน่าสยดสยองตั้งแต่นั้นมา!
เวลากลางวันไม่มีอะไรน่ากลัว เพราะรถราสารพัดชนิดสัญจรไปมาคึ่กๆ แถมมีรถไฟฟ้าวิ่งโครมๆ อยู่เหนือหัว ผู้คนขวั่กไขว่สันสนตลอดวัน...ตอนเช้าๆ เย็นๆ รถติดแพด้วยซ้ำไป
แต่เพื่อถึงยามค่ำคืน รถนานาชนิดค่อยบางตาลง...ซากรถยับเยินดูโดดเด่นอยู่ในแสงไฟเยือกเย็น...ตำรวจประจำป้อม 2 นายเริ่มได้กลิ่นแปลกประหลาดล่องลอยมากระทบจมูก
"กลิ่นเหม็นเน่า"
นั่นคือ กลิ่นอับๆ สาบสางน่าอึดอัด ต่างคนต่างมองสบตากัน...หันไปมองซากรถมฤตยูแล้วก็กลืนน้ำลาย...
คืนหนึ่ง มีตำรวจประจำป้อมอยู่คนเดียว ตกดึกกลิ่นสยองก็ลอยตามลมเข้ามาอีก...คราวนี้เหม็นเน่าราวกับซากศพที่ขึ้นอืดเต็มที่
มีคนเห็นตำรวจเคราะห์ร้ายเผ่นพรวดออกจากป้อมไปยืนปักหลักอยู่ที่ปากซอยกรมขนส่ง...หน้าตาซีดเซียวเหงื่อกาฬแตกพลัดเต็มหน้าผาก
ใครอยากขนหัวลุก ขอเชิญไปพิสูจน์ได้ทุกคืน
แหล่งข้อมูล : สามแยก อตก.
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!