ตำนานเขาสามมุข กล่าวถึงกรุงศรีอยุธยาในสมัยตอนปลาย ณ หมู่บ้านชาวประมงแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี มีหญิงสาวสวยนางหนึ่งมีชื่อว่า สาวมุข หรือ สาวมุก หญิงผู้นี้เป็นชาวเมืองบางปลาสร้อย และกำพร้าบิดามารดามาตั้งแต่เกิด หญิงสาวอาศัยอยู่กับยายที่กระท่อมแห่งหนึ่งบริเวณเชิงเขาสามมุข ต่อมาสาวมุขได้พบรักกับชายหนุ่มที่มีชื่อว่า แสน ผู้เป็นบุตรกำนันบ่าย เศรษฐีแห่งบ้านหิน (อ่างศิลา) ที่อยู่ห่างจากเขาสามมุขไปประมาณ ๕ กิโลเมตร ความรักของทั้งคู่เป็นความรักที่บริสุทธ์ และทั้งสองก็ต่างสัญญากันว่าจะรักกันไปชั่วนิจนิรันดร์
ทั้งคู่ใช้สถานที่บริเวณเชิงผาเป็นที่นัดพบกันเสมอ แต่เมื่อกำนันบ่ายทราบเรื่องราวความรักของทั้งคู่ ก็เกิดความรังเกียจในความยากจนของสาวมุข และบังคับให้แสนแต่งงานกับหญิงสาวที่ตนเลือกไว้แทน
ในวันแต่งงาน สาวมุขได้เดินทางมาอวยพรและรดน้ำสังข์ให้แก่คู่บ่าวสาว พร้อมทั้งได้คืนแหวนที่แสนเคยมอบไว้ให้แก่ตน กว่าที่แสนจะรู้ว่าเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นบ้าง สาวมุขก็วิ่งหนีหายไปบนเชิงเขาริมหน้าผาแล้ว สาวมุขตัดสินใจจบชีวิตโดยการกระโดดหน้าผาเพื่อบูชาความรักอันแสนบริสุทธ์ครั้งนี้ เมื่อแสนรู้เรื่องก็เกิดความเสียใจอย่างสุดซึ้งจึงตัดสินใจกระโดดหน้าผาตายตามสาวมุขไป
จากเหตุการณ์ครั้งนี้เองทำให้ภูเขาแห่งนี้กลายเป็นอนุสรณ์แห่งความรักของสาวมุขและหนุ่มแสน และมีชื่อเรียกว่า เขาสามมุข ส่วนชายหาดบริเวณใกล้เคียงก็มีชื่อว่า บางแสน ตามที่ปรากฎเป็นตำนานจวบจนถึงทุกปัจจุบัน
เกร็ด
เขาสามมุข หรือเขาเจ้าแม่สามมุข ตั้งอยู่ระหว่างตำบลอ่างศิลา และชายหาด บางแสน อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี บริเวณเชิงหน้าผาแห่งนี้มีศาลชื่อว่า “ศาลเจ้าแม่สามมุข” อยู่ ๒ หลัง หลังหนึ่งเป็นศาลไทย ส่วนอีกหลังหนึ่งเป็นศาลจีน ศาลทั้งสองล้วนเป็นที่เคารพสักการะของชาวประมงท้องถิ่นในจังหวัดชลบุรี และเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวต้องแวะมาสักการะบูชา เพื่อระลึกถึงอนุสรณ์แห่งความรักของสาวมุขและหนุ่มแสน
ปัจจุบัน เขาสามมุขเป็นบริเวณที่มีลิงป่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และเป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวที่ผ่านไปผ่านมาบนเขาสามมุข นำอาหารอย่างกล้วย อ้อย และถั่ว ฯลฯ ไปให้แก่ฝูงลิงเหล่านี้ เขาสามมุขจึงถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรีที่น่าสนใจ และเป็นตำนานที่เล่าขานกันต่อมาจนถึงทุกวันนี้