
พยานแฉกลางสภา... UFO เท่าสนามฟุตบอลโผล่เหนือฐานทัพลับ!

รายงานการไต่สวน UFO: เมื่อความลับในเงามืดถูกเปิดโปง
การประชุม UFO Hearing หรือการไต่สวนเรื่อง UFO ที่จัดขึ้นโดยสภาคองเกรสเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2025 ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของ UAP Disclosure Movement ที่ผลักดันให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีความโปร่งใสในประเด็นนี้มากขึ้น การไต่สวนครั้งนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญแค่กับคลิปวิดีโอเพียงเล็กน้อย แต่เป็นการเปิดโปงข้อมูลที่ถูกปกปิดมาอย่างยาวนาน ทั้งเรื่องการคุกคามพยาน การครอบครองซากยานต่างดาว และเหตุการณ์ที่เกือบนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3
การไต่สวนครั้งนี้จัดขึ้นโดย "คณะกรรมการตรวจสอบและปฏิรูปรัฐบาลของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ" (House Oversight and Government Reform Committee) ภายใต้ชื่อเต็มว่า "Restoring Public Trust Through UAP Transparency and Whistleblower Protection" (การฟื้นฟูความเชื่อมั่นของสาธารณะชนผ่านความโปร่งใสเกี่ยวกับ UAP และการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส) พยานทุกคนที่มาให้การล้วนผ่านการตรวจสอบประวัติและหลักฐานอย่างละเอียด และต้องสาบานตนว่าข้อมูลที่ให้เป็นความจริงทุกประการ หากตรวจพบว่าให้การเท็จ มีโทษจำคุก 7 ปี และปรับ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 7.9 ล้านบาท)
ในการเปิดการประชุม ส.ส. Anna Paulina Luna ประธานการไต่สวน ได้กล่าวประณาม Dr. Sean Kirkpatrick อดีตผู้อำนวยการสำนักงาน AARO (All-domain Anomaly Resolution Office) ว่าเป็น "นักโกหกที่มีหลักฐานยืนยัน" และระบุว่า AARO เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ Disinformation campaign ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งขึ้นเพื่อบิดเบือนข้อมูลเรื่อง UFO/UAP
พยานที่ 1: การเผชิญหน้าเหนือฐานทัพขีปนาวุธของสหรัฐฯ
Jeffrey Nuccetelli อดีตทหารผ่านศึกกองทัพอากาศสหรัฐฯ ผู้มีประสบการณ์ 16 ปี ได้ให้การถึงเหตุการณ์หลายครั้งที่เขาและเพื่อนร่วมงานเผชิญหน้ากับ UFO เหนือฐานทัพอากาศแวนเดนเบิร์ก (Vandenberg AFB) ซึ่งเป็นที่ตั้งโครงการป้องกันขีปนาวุธแห่งชาติ โดยเฉพาะในช่วงปี 2003-2005 ที่มีการทดลองยิงขีปนาวุธครั้งสำคัญ
หนึ่งในเหตุการณ์ที่น่าตกใจที่สุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2003 เมื่อมีการพบเห็น วัตถุเรืองแสงรูปทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่กว่าสนามฟุตบอล ลอยนิ่งอยู่เหนือฐานป้องกันขีปนาวุธเป็นเวลานานถึง 45 วินาที ก่อนจะพุ่งหายไปอย่างรวดเร็ว พยานหลายร้อยคนในเหตุการณ์ถูกสอบสวนและบันทึกข้อมูล แต่ไม่มีการตอบกลับใดๆ จากผู้บังคับบัญชา นอกจากนี้ ยังมีรายงานการพบเห็นวัตถุบินรูปสามเหลี่ยมขนาดใหญ่กว่าเครื่องบิน C-130 บินอย่างเงียบเชียบในบริเวณใกล้เคียง
Nuccetelli ยังได้เล่าถึงประสบการณ์ส่วนตัวที่เขาและเพื่อนๆ พบกับวัตถุทรงกลมสีน้ำเงินอมขาวที่เคลื่อนที่คล้ายผีเสื้อและปรากฏตัวสลับไปมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะลดระดับมาลอยอยู่เหนือหลังคาบ้านของเขาเพียง 60 เมตร เหตุการณ์เหล่านี้สร้างความตระหนกอย่างลึกซึ้ง และ Nuccetelli ยืนยันว่านี่ไม่ใช่การเข้าใจผิด แต่เป็นการบุกรุกน่านฟ้าเหนือฐานทัพที่สำคัญที่สุดของประเทศ
เขายังได้กล่าวถึงเป้าหมายสำคัญสามประการที่ต้องดำเนินการคือ
-จัดหาทุน สำหรับการวิจัยอิสระเกี่ยวกับ UAP
-ยุติการปกปิดข้อมูล และความลับที่มากเกินไป
-ปกป้องพยาน ที่ต้องการเปิดเผยความจริง แต่กลัวการคุกคามและทำลายอาชีพ
พยานที่ 2: การเผชิญหน้าในมหาสมุทรของกองทัพเรือ
จ่าเอก Alexandro Wiggins นายทหารอาวุโสจากกองทัพเรือสหรัฐฯ ได้ให้การถึงเหตุการณ์ UFO ทรง Tic-Tac ที่เกิดขึ้นในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2023 ขณะปฏิบัติหน้าที่บนเรือรบ USS Jackson นอกชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย Wiggins ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบเรดาร์และเซ็นเซอร์ได้เห็นวัตถุรูปทรง Tic-Tac เปล่งแสงโผล่ขึ้นมาจากมหาสมุทรแปซิฟิก และไปรวมตัวกับวัตถุอีกสามลำที่ลอยอยู่กลางอากาศ ก่อนจะเร่งความเร็วและหายไปในพริบตา
เขาระบุว่าวัตถุเหล่านี้สามารถเคลื่อนที่โดยไม่เกิดโซนิคบูม ไร้ปีกและระบบขับเคลื่อนที่มนุษย์รู้จัก และมีลักษณะคล้ายคลึงกับ UFO ทรง Tic-Tac จากเหตุการณ์ USS Nimitz ในปี 2004 ข้อมูลทั้งหมด ทั้งจากเรดาร์และเซ็นเซอร์ ได้รับการบันทึกไว้ และยืนยันว่าวัตถุเหล่านี้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเหลือเชื่อ แต่สิ่งที่น่าผิดหวังคือ หลังจากที่เขาได้รายงานเหตุการณ์นี้แล้ว ไม่เคยมีการสอบสวนหรือสอบปากคำจากหน่วยงานรัฐบาลใดๆ เลย
Wiggins เรียกร้องให้กองทัพเรือมีมาตรการใหม่เพื่อคุ้มครองลูกเรือที่ต้องการรายงานการพบเห็น UAP โดยไม่ต้องกังวลว่าหน้าที่การงานจะถูกทำลาย
พยานที่ 3: เปิดโปง "เอกสารลับ" และการคุกคามพยาน
George Knapp นักข่าวสืบสวนชื่อดังผู้เปิดโปงเรื่องราวของ Area 51 และ Bob Lazar ได้ให้การในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้าน UAP ที่ทำงานมานานกว่า 30 ปี โดยเขาเน้นย้ำเรื่อง "คดีเอกสาร" (The Paper Trail) ที่เขาได้รวบรวมผ่านการใช้กฎหมาย FOIA (Freedom of Information Act)
Knapp กล่าวว่าเอกสารลับนับพันหน้าจากกองทัพอากาศ, CIA, FBI และ NASA ได้ยืนยันว่าสิ่งที่องค์กรเหล่านี้พูดลับหลังนั้น ตรงกันข้ามกับสิ่งที่พวกเขาพูดกับสาธารณะชนอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่ารัฐบาลได้โกหกทั้งประชาชนและสภาคองเกรสมาโดยตลอดว่า UFO ไม่มีอยู่จริง ทั้งๆ ที่เอกสารชี้ให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงยอมรับการมีอยู่ของ UFO และเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำเหนือกว่ามนุษย์
ในประเด็นการเก็บกู้และวิศวกรรมย้อนกลับ UFO Knapp ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้หลายราย เช่น
การคุกคามพยาน: Knapp ได้รับการติดต่อจากคน 6 คนที่เคยทำงานให้กับรัฐบาลและต้องการเปิดเผยข้อมูลลับเรื่อง UFO แต่ในคืนต่อมาคนกลุ่มนี้ก็ถูก "ชายชุดดำ" จากรัฐบาลตามไปข่มขู่ถึงบ้าน มีพยานหญิงคนหนึ่งถูกขู่ฆ่าและนำศพไปทิ้งในทะเลทราย หากไม่ยอมปิดปากเงียบ
โครงการเก็บกู้ซากยาน: มีการยืนยันจากแหล่งข่าวระดับสูง เช่น วุฒิสมาชิก Harry Reid และ วุฒิสมาชิก Howard Cannon ว่าสหรัฐฯ รัสเซีย และจีน มีโครงการเก็บกู้และวิศวกรรมย้อนกลับ UFO ที่ตกจริง โดยเฉพาะซากยานที่ Roswell ซึ่งไม่ใช่บอลลูนของโครงการ Mogul ตามที่กองทัพอากาศอ้าง
การเคลื่อนย้ายซาก: Al O'Donnell อดีตผู้จัดการทั่วไปของบริษัท EG&G และผู้มี Security Clearance ระดับสูงสุด ได้ยืนยันว่าเขาเคยมีส่วนร่วมโดยตรงกับการเคลื่อนย้ายซาก UFO ที่ตกในปี 1953 รวมถึงสิ่งมีชีวิตที่เป็นนักบินที่ยังคงมีชีวิตอยู่ไปยัง Area 51
เปิดโปงโครงการลับของโซเวียต: เกือบเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3
George Knapp ยังได้เปิดเผยข้อมูลที่เขาได้รับจากการเดินทางไปยังรัสเซียในปี 1993 และลักลอบนำเอกสารลับของสหภาพโซเวียตมาได้ ซึ่งเอกสารเหล่านี้ได้รับการยืนยันว่าเป็นของจริง
โครงการศึกษา UFO ที่ใหญ่ที่สุดในโลกของสหภาพโซเวียต
จากเอกสารหลายร้อยหน้าและบทสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอดีตสหภาพโซเวียต Knapp พบว่ารัสเซียก็มีโครงการเก็บกู้และวิศวกรรมย้อนกลับ UFO เช่นเดียวกับสหรัฐฯ และได้ริเริ่มโครงการสืบสวน UFO ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก โดยให้ทหารทุกภาคส่วนรวบรวมรายงานการพบเห็น UFO และผลกระทบต่อร่างกายของพยาน เพื่อส่งไปยังสำนักงานเดียวในกระทรวงกลาโหม
หนึ่งในข้อมูลที่น่าตกใจที่สุดคือเหตุการณ์ในเดือนตุลาคม 1982 ที่ฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ ICBM ของโซเวียตในยูเครน UFO ได้ปรากฏตัวเหนือฐานทัพเป็นเวลานานกว่า 4 ชั่วโมง ก่อนที่ระบบขีปนาวุธทั้งหมดจะเกิดขัดข้องและ เริ่มนับถอยหลังเพื่อยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ไปยังสหรัฐอเมริกาโดยไม่มีการสั่งการ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถปิดระบบได้ แต่ทันทีที่ UFO หายไป ระบบก็หยุดทำงานลงพร้อมกันในทันที
ภายหลังการสอบสวน กระทรวงกลาโหมโซเวียตสรุปว่า นี่คือการที่ UFO พยายาม "เตือน" ให้กองทัพโซเวียตรับรู้ว่า ตนเองเหนือกว่าอย่างมาก และสามารถเข้าควบคุมระบบ ICBM จากระยะไกลได้ทุกเมื่อโดยไม่ต้องใช้รหัสหรือเครื่องมือใดๆ
บทสรุป
การไต่สวนครั้งนี้ได้นำเสนอข้อมูลที่หนักแน่นและน่าเชื่อถือจากพยานและแหล่งข่าวที่ผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ทำให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่ารัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ได้ร่วมกันปกปิดข้อมูลเรื่อง UAP มาอย่างยาวนาน และยังมีการคุกคามพยานเพื่อรักษาความลับเหล่านี้ไว้
ประเด็นสำคัญที่ถูกเปิดเผยในครั้งนี้คือ:
-การมีอยู่ของ UAP ที่มีขนาดใหญ่และสามารถเคลื่อนที่
ได้เหนือกว่าเทคโนโลยีของมนุษย์อย่างมหาศาล
-การคุกคามและทำลายชีวิตของพยาน โดยผู้มีอำนาจ
-โครงการเก็บกู้และวิศวกรรมย้อนกลับ UFO ที่ดำเนินการทั้งในสหรัฐฯ และรัสเซีย
-การพบสิ่งมีชีวิตต่างดาว ที่เป็นนักบินของยานที่ตกลงมา
-การล่มสลายของโครงการวิจัย เพราะข้อมูลรั่วไหล และการขัดขวางการศึกษาโดย CIA
-ความสามารถของ UFO ในการควบคุมและแฮกระบบอาวุธนิวเคลียร์
ซึ่งเกือบนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3
ข้อมูลเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า UAP ไม่ใช่แค่ปรากฏการณ์ทางอากาศที่ไม่สามารถอธิบายได้ แต่เป็นประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ และการรับรู้ถึงความเป็นจริงของมนุษย์ การประชุมครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การไต่สวนธรรมดา แต่เป็นการเริ่มต้นของการเปิดเผยความจริงที่ถูกเก็บงำมานานนับทศวรรษ
