ศาลาที่ 6


ศาลาที่ 6


เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 2 ที่ส่งเข้ามาจากคุณดุ๊กดิ๊ก เพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่ปีนี้เองครับ คุณดุ๊กดิ๊กเล่าว่า.. คืนนั้นญาติๆ ผมจะพากันไปบ้านของน้าชาย แถวๆ คลอง 17 อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา เพราะวันรุ่งขึ้น จะมีงานทำบุญบ้านน้าชายแต่เช้า ผมอาสาเป็นคนขับรถไปส่งญาติๆ.. ก็เดินทางออกจากบ้านผม ที่เขตหนองจอก ประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ ได้ เส้นทางที่ผมผ่าน มันจะเป็นเส้นทางลัด ที่ใช้ผ่านไปออกคลอง 17 ได้ ไวกว่าทางปกติครับ 

เส้นทางนี้ เป็นทางที่ถนนไม่ค่อยจะดี เพราะรถใหญ่ๆ ชอบมาวิ่งเส้นนี้กันเยอะ.. สองข้างทาง ส่วนใหญ่เป็นทุ่งนา สลับกับบ้านคน ขาไปยังพอมีรถวิ่งสวนอยู่บ้าง แต่กว่าจะไปถึงที่หมาย ก็ห้าทุ่มกว่าแล้วครับ พอส่งญาติเสร็จ ผมก็ต้องกลับกับหลานกันแค่ 2 คน เพราะผม กับหลานแค่มาส่งเท่านั้น.. ขากลับ บนถนนเส้นเดิมแทบไม่มีรถสวนมาเลย ไฟทางตามถนน ยังพอมีติดอยู่บ้าง แต่พอถึงทางแยกที่จะเข้าทางลัด ไฟทางหายไปจากถนนละครับ ผมก็ขับรถเข้ามาทางลัดตามปกติ.. บนถนนเส้นนี้ จะมีศาลาเยอะครับ ศาลาเก่าๆ ที่ไว้ให้คนรอขึ้นรถ ตามชนบทนั่นละครับ หลานผมนั่งรถมันก็ไม่มีอะไรทำ มันเลยนับศาลา ตามข้างทางเล่นๆ ก็นับไป ‘ศาลาที่ 1' พอขับไปเรื่อยๆ มันก็นับไปเรื่อย ได้ยินทีแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไร ไฟทางไม่มี มืดมาก แต่หลานผมตาดีมากครับ ศาลาจะมืดขนาดไหน มันก็นับไม่พลาด รวมไปถึง คนที่อยู่บนศาลาข้างทางนั้นด้วย..

ทุกครั้งที่หลานผมมันนับ ผมก็มองนะครับ แล้วจู่ๆ มันก็พูดกับผมว่า ‘ทำไมผู้หญิงคนเดิม ถึงนั่งรถมาลงที่อีกศาลานึงไวจัง?' ผมนี่ตกใจเลยครับ ว่าเห้ย เด็กมันเห็นอะไรแน่ๆ เลย.. ผมเลยถามมันว่า ผู้หญิงเป็นยังไง แบบไหน มันก็บอกว่า ‘ใส่ชุดกระโปรงสีขาวๆ อะ ผมเห็นมา 2 ศาลาแล้ว' ตามประสาเด็ก ผมว่ามันไม่น่าจะโกหกหรอก ผมก็เริ่มใจคอไม่ดีแล้ว.. ฟังจากที่หลานผมนับอยู่ ก็ผ่านมา 4 ศาลาแล้วครับ แต่ผมไม่กล้าถามมันว่า ยังเห็นผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหม? กลัวมันจะตอบว่าเห็น ก็เลยขับรถไปแบบเงียบๆ พอมาถึง ศาลาที่ 5 ผมลองหันมองเข้าไปที่ข้างในศาลา เท่านั้นแหละครับ เห็นเลยเต็มสองตา เป็นผู้หญิงชุดกระโปรงยาวสีขาว ผมยาว แต่ไม่เห็นใบหน้าเพราะมืดมาก ยืนอยู่หน้าศาลา ดูเหมือนจ้องเขม็งมาที่รถผมเลย..

ผมตกใจมาก รีบขับรถเลยไป หลานผมพูดขึ้นมาทันทีว่า ‘เขาโบกรถเราด้วย น้าไม่จอดรับเขาหรอ' ผมยิ่งมั่นใจเลยว่า สิ่งที่หลานผมเห็น น่าจะเป็นอะไรที่ไม่ใช่คนแน่ๆ ผมรีบขับรถเร็วขึ้น ให้พ้นจากถนนเส้นนี้ทันที จนเกือบจะถึงทางแยก ซึ่งเป็นทางออกแล้วครับ ผมมองเห็นอีกศาลานึง นี่คือศาลาสุดท้าย ก่อนจะออกจากถนนเส้นนี้ ศาลาที่ 6.. ผมนี่ ใจไม่อยุ่กับเนื้อกับตัวแล้วครับ กลัวมาก พอจะขับถึงศาลา จู่ๆ ผมก้อเห็นเหมือนเงา วิ่งออกมาจากศาลา! ออกมาอย่างเร็วเลยครับ เหมือนจะวิ่งตัดหน้ารถผม ผมเหยียบเบรคกระทันหัน สุดตัวเลย เพราะผมนึกว่าคนจริงๆ วิ่งตัดหน้ารถ แต่เมื่อรถหยุดสนิทกลางถนน ผมกลับไม่เห็นอะไรเลย.. มองไปซ้ายเห็นศาลาพอดี และมองดูที่หลาน ว่าเป็นอะไรไหม แต่ก็ไม่เป็นอะไร มันมองเข้าไปที่ตัวศาลาครับ ผมกลั้นใจถามมันว่า ‘เห็นอะไร?' มันบอก ‘พี่ผู้หญิง เขาอยากจะไปกับเราด้วย..'

พอฟังจบ ผมรีบออกรถอย่างไวเลย จนขับมาถึงแยกกลับหนองจอก รีบขับกลับบ้านทันที พอมาถึงบ้าน ผมถามหลานว่า รู้ได้ไงว่าเขาจะขอมาด้วย หลานผมตอบ ‘เขายืนอยู่ทุกศาลาเลย มองมาที่รถเรา พอมาถึงศาลาที่ 5 เขาเอามือทาบกระจกเรียก อยู่ข้างๆ ผมตลอดทางเลย จนน้าหยุดรถที่ศาลาสุดท้ายครับ' ฟังอย่างนั้น ผมนี่รีบลงไปดูรถเลยครับ และสิ่งที่เห็นคือ ที่กระจกหน้าต่างฝั่งคนนั่ง มีรอยเหมือนมือคน ปาดไปมาเต็มไปหมด ขนหัวผมนี่ลุกเลยครับ!

เครดิตแหล่งข้อมูล : thehouse.online



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
รวมข่าวในกระแส คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์