30 ปีผีอาฆาต – เรื่องเล่าเขย่าขวัญ
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ 2-3 ปีก่อน คุณตูนทำงานขับรถทัวร์ให้กับบริษัทอู่รถแห่งหนึ่งที่หาดใหญ่ หลังจากที่รับวิ่งงานต่อเนื่องกันมานาน รถที่ขับประจำก็ได้เวลาเข้าศูนย์ตรวจเช็คระยะและซ่อมบำรุง
คุณตูนได้ถูกพี่วิท ลูกพี่ที่รู้จักกันโทรศัพท์มาชวนให้มาช่วยขับรถพาเยาวชนจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ขึ้นมาทัศนศึกษา ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยแต่ด้วยความที่เป็นศิษย์สอนขับรถกันมา คุณตูนจึงตอบรับคำชวนและได้พาเจ้าเบลล์ เด็กรถของตัวเองติดรถมาช่วยด้วยอีกแรง โดยคุณตูนรับหน้าที่ขับรถช่วงกลางคืนที่ต้องวิ่งข้ามจังหวัด ส่วนพี่วิทจะทำทัวร์และขับช่วงกลางวัน
เมื่อคุณตูนขับรถขาขึ้นจากใต้ มาถึงป้อมตำรวจชุมชนช่วง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นเวลากลางดึกก็เกิดปวดฉี่ขึ้นมา แต่ขณะนั้นเกิดฝนตกหนัก คุณตูนจึงได้รีบจอด ณ จุดนั้นเพื่อทำธุระส่วนตัว แต่ก็ได้สังเกตเห็นพระธุดงค์รูปหนึ่งยืนหลบฝนอยู่ คุณตูนจึงได้พูดคุยและนิมนต์เชิญให้ติดรถมาด้วย พระท่านจึงขอติดรถคุณตูนมาลงยังจุดที่พอพ้นฝนก็พอ
ตลอดเส้นทางก็ได้มีการพูดคุยกัน คุณตูนสังเกตว่า หลวงพี่รูปนี้เป็นพระที่น่าเลื่อมใสศรัทธาอย่างมาก ทราบชื่อสั้น ๆ ว่าหลวงพี่จ๊ะ
เมื่อขับมาถึงจุดพักรถที่ จ.ชุมพร ก็ได้จอดแวะพักและหลวงพี่จ๊ะก็ขอลงเพื่อธุดงค์ต่อ แต่ก่อนจากไปท่านได้พูดคุยสั่งสอน พี่วิท ลูกพี่ของคุณตูนอยู่นานเรื่องเวรกรรม และได้ยื่นขวดน้ำให้กับพี่วิทเพื่อให้ล้างหน้า เพื่อชำระล้างสิ่งที่ไม่ดี
คณะของคุณตูนก็ได้เดินทางต่อ เพื่อท่องเที่ยวสุพรรณบุรีและกาญจนบุรี และได้มาหยุดพักค้างคืนที่กรุงเทพ โดยคุณตูนและลูกพี่ได้หยุดพัก 2 คืน เนื่องจากคณะทัวร์ได้เช่ารถตู้ไปเที่ยวกันต่อ
คืนที่สองของการพัก คุณตูนถูกสต๊าฟทัวร์ชักชวนให้ดื่มสุรา เนื่องจากคิดว่าวันรุ่งขึ้นยังพักอยู่ คุณตูนก็ได้ดื่มไปเล็กน้อย สักพักพี่วิทก็ได้เดินมาหาและบอกว่า มีรถของที่อู่เดียวกันหม้อน้ำแตกที่ อ.แกลง จ.ระยอง เลยได้รับคำสั่งให้ต้องไปรับลูกทัวร์เพื่อเข้ากรุงเทพตอนเช้ามืดวันนี้ พี่วิทจึงมาชวนคุณตูนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนกัน คุณตูนตอบตกลงและพาเจ้าเบลล์ไปด้วย
เมื่อขับรถไปได้สักระยะ พี่วิทก็บอกให้คุณตูนไปนอนพัก เพื่อให้สร่างจากฤทธิ์ของสุรา คุณตูนสะดุ้งตื่นขึ้นมา เพราะได้ยินเสียงผู้หญิงแว่วดังขึ้นมาบนรถว่า
ถ้ามึงแน่จริง มึงก็ถอดประคำแล้วลงมาจากรถสิวะ!
เมื่อตื่นขึ้นมาพบว่ารถจอดอยู่ ไม่เห็นพี่วิทและเจ้าเบลล์ก็หายไปไหนไม่รู้ หาไปหามาก็เจอพี่วิทยืนอยู่ด้านข้างรถ เหงื่อออกเต็มใบหน้า แกได้บอกว่า ถ้าไม่มีคนโทรตาม ตอนเช้าเราค่อยเดินทางกันต่อดีกว่า แต่ขณะนั้นเถ้าแก่ก็ได้โทรตามโทรเร่งอยู่ตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องทำตามหน้าที่ต่อ คุณตูนจึงรับอาสาจะขับรถเอง เพราะระยะทางอีกไม่ไกลก็ใกล้จะถึงจุดหมาย แต่เพราะดื่มสุรามา ถ้าถูกตำรวจจับจะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน พี่วิทจึงตัดสินใจขับเอง แต่ให้คุณตูนและเจ้าเบลล์นั่งเป็นเพื่อน โดยห้ามหลับเด็ดขาด
รถทัวร์ของพี่วิท ขับออกจากมอเตอร์เวย์เบี่ยงลงถนนเส้นบ้านบึง มุ่งหน้าสู่ อ.แกลง ได้สักระยะ 30 กิโลเมตร ถนนช่วงกลางดึกมีรถน้อย พี่วิทจึงเปิดไฟสูงเป็นระยะ ช่วงสุดแสงของไฟ คุณตูนได้เห็นร่าง ๆ หนึ่งอยู่สุดปลายแสง ร่างนั้นวิ่งออกมาจากข้างทาง เมื่อรถขับเข้าไปใกล้ ร่างนั้นก็วิ่งหลบเข้าข้างทาง เป็นแบบนี้อยู่ 3 ครั้ง จนครั้งที่ 4 ก็เห็นชัดว่าเป็นหญิงสาวรูปร่างอวบ ไม่ได้สวมเสื้อผ้า พอรถวิ่งไปจะถึง ร่างนั้นก็วิ่งหลบเข้าข้างทางอีก
คุณตูนไม่รู้ว่ามีคนอื่นเห็นด้วยรึเปล่า แต่ก็ไม่กล้าทักและนึกภาวนาในใจขออย่าให้มีใครทักเลย จนครั้งที่ 5 เจ้าเบลล์ก็ได้ทักขึ้นมา
"เฮ้ยพี่ตูน! ใครมาวิ่งแก้ผ้าอยู่ข้างหน้าน่ะ"
เมื่อพูดจบ ร่าง ๆ นั้นก็เปลี่ยนจากวิ่งเป็นเดินช้า ๆ เหมือนรอ จนเมื่อรถวิ่งเข้าไปใกล้จึงเห็นได้ชัดเจนขึ้น พี่วิทก็ทักขึ้นมาว่า
"นั่นอะไรวะน่ะ!"
ทันทีที่สิ้นเสียงทัก ผู้หญิงคนนั้นก็กระโดดเกาะกระจกหน้ารถทันที! พี่วิทตกใจทำให้เสียการควบคุมรถ จึงทำให้รถเบี่ยงออกทางซ้าย คุณตูนจึงรีบหมุนพวงมาลัยกลับออกขวา จากนั้นรถทัวร์ก็พลิกคว่ำลงข้างทางทันที!
พี่วิท คนขับได้รับบาดเจ็บหนักที่สุด ไหปลาร้าและซี่โครงหักและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เจ้าเบลล์จมูกหัก ส่วนคุณตูนแค่ฟกช้ำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงได้กลับบ้านเร็วสุด
พี่วิทต้องเข้ารักษาตัวในห้องไอซียูนานเกือบเดือน เมื่อแพทย์ให้ย้ายออกมาอยู่ห้องพิเศษ แฟนพี่วิทก็ได้เดินทางมาเฝ้าไข้ โดยคุณตูนเป็นคนไปรับและขับรถพามาจากใต้ มาถึงโรงพยาบาลก็เป็นเวลาเกือบ 3 ทุ่ม
เมื่อเดินหาห้องพักของพี่วิทจนเจอป้ายชื่อหน้าห้อง คุณตูนจึงชะโงกดูทางช่องหน้าห้องพักผู้ป่วย แต่แล้วก็ต้องผงะออกมา เมื่อเห็นว่ามีร่างของผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ใส่เสื้อผ้าและกำลังยืนเหยียบและกระทืบหน้าอกของพี่วิทอยู่! แต่ในตอนนั้นแฟนพี่วิทกลับเห็นว่าพยาบาลกำลังปั๊มหัวใจพี่วิทอยู่ แฟนแกที่กำลังจะเข้าไปหา แต่คุณตูนรีบคว้ามือแกออกมาและบอกให้รีบไปตามพยาบาลมาดู
เมื่อพยาบาลตัวจริงมาถึง แฟนพี่วิทก็หน้าซีด แล้วสงสัยว่าที่แกเห็นว่ามีพยาบาลกำลังปั๊มหัวใจพี่วิทอยู่ก่อนหน้านี้นั้น มันคืออะไรกัน! คุณตูนจึงเปลี่ยนเรื่องและแนะนำให้นิมนต์พระมาทำพิธีปัดเป่าให้ในตอนเช้า
เช้าวันรุ่งขึ้น คุณตูนกับแฟนพี่วิทจึงพากันไปยังวัดใกล้ ๆ และรอจนพระฉันเช้าเสร็จ แต่ก็ต้องประหลาดใจเป็นอย่างมาก เมื่อได้พบกับหลวงพี่จ๊ะ พระธุดงค์ที่เจอกันที่สุราษฎร์ฯ คุณตูนถึงกับขนลุกซู่ ไม่คิดมาก่อนว่าอะไรมันจะประจวบเหมาะเช่นนี้ คุณตูนก็คิดในใจว่า หรือว่าหลวงพี่จ๊ะจะรู้อะไรบางอย่าง ท่านถึงยื่นน้ำให้พี่วิทล้างหน้า ล้างซวย ก่อนหน้านี้
หลังจากหลวงพี่จ๊ะได้มารดน้ำมนต์ให้พี่วิทที่โรงพยาบาล หลวงพี่ท่านสั่งไว้ว่า ถ้าพี่วิทดีขึ้นแล้วให้พาไปหาหลวงพี่เพื่อทำบุญต่อชะตาที่วัด ๆ หนึ่งและท่านได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า
"บุญต่อบุญ ชีวิตต่อชีวิตนะโยม..."
เวลาผ่านไปร่วมเดือนกว่า พี่วิทก็อาการดีขึ้น หมอจึงอนุญาตให้ย้ายกลับไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลใกล้บ้านได้ คุณตูนก็ได้ขับรถมารับพี่วิทและแฟนแกเพื่อจะกลับใต้ ซึ่งต้องผ่านถนนเส้นเดิมที่รถทัวร์คว่ำ พี่วิทได้แวะตลาดและซื้อเตาถ่าน เมื่อขับรถผ่านใกล้จุดที่ประสบอุบัติเหตุรถทัวร์คว่ำ พี่วิทได้สั่งให้คุณตูนจอดรถ และพี่วิทก็ได้ทำในสิ่งที่คุณตูนตกใจกลัวที่สุด นั่นก็คือ พี่วิทแกจุดไฟเผาพริกเผาเกลือ สาปแช่งผีตนนั้นที่ทำให้แกเจ็บปางตาย!
และสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น นั่นคือมีจิ้งจกสองตัวหล่นลงไปตายในเตา ทั้ง ๆ ที่ตรงนั้นเป็นที่โล่งแจ้ง ไม่มีต้นไม้เลย คุณตูนเห็นแบบนั้นจึงรับชวนพี่วิทกลับ เมื่อขึ้นไปบนรถพี่วิทจึงบอกว่า มีนิทานเรื่องหนึ่งจะเล่าให้ฟัง...
เมื่อ 30 ปีก่อน พี่วิทยังไม่ได้เป็นคนขับรถทัวร์ แต่แกขับรถสิบล้อฮีโน่หัวยาว วิ่งรถถนนเส้น บ้านบึง-แกลง ถนนเส้นนี้สมัยก่อนยังเป็นถนนสองเลนแคบ ๆ กลางดึกคืนหนึ่ง แกขับรถอยู่ก็เห็นผู้ชายสองคนกำลังวิ่งไล่กวดผู้หญิงคนหนึ่งที่แก้ผ้าวิ่งหนีอยู่ข้างทาง ผู้หญิงคนนั้นก็โบกมือขอความช่วยเหลือ พี่วิทแกเห็นแต่ไม่กล้าจอด เพราะกลัวว่าจะเป็นโจร หรือไม่ก็เป็นเรื่องของผัว ๆ เมีย ๆ แกบอกว่าแกก็มาทำงานเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียเหมือนกัน แกเลยไม่อยากยุ่ง
จนตอนเช้าพี่วิทก็ตีรถกลับทางเส้นเดิมอีก เมื่อขับมาถึงจุดเมื่อคืน แกก็เห็นรถตำรวจจอดและมีรถติดเต็มถนน ด้วยความสงสัยแกจึงลงรถไปดู แล้วแกก็เห็นผู้หญิงคนเมื่อคืนนี้ ผู้หญิงที่ขอความช่วยเหลือจากแก โดนปาดคอนอนตายอยู่ข้างทาง! ซึ่งในตอนนั้นตำรวจกำลังพิมพ์ลายนิ้วมือศพอยู่
หลังจากนั้นต่อมาอีก 3 ปี พี่วิทยังขับรถฮีโน่อยู่และได้ขับผ่านตรงจุดนี้อีกครั้ง แล้วแกก็มาถูกผีผู้หญิงคนนี้หลอก มันเป็นเหมือนการผูกเวรผูกกรรมกัน เพราะผีตนนี้อาฆาตที่พี่วิทไม่ยอมจอดรถช่วย และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพี่วิทแกจึงกลัวมากเมื่อต้องขับผ่านถนนเส้นนี้
วิญญาณของผู้หญิงคนนี้เป็นที่พูดถึงกันมากในหมู่คนขับรถทัวร์ รถสิบล้อ เพราะเมื่อต้องขับผ่านถนนเส้นนี้กลางดึกก็มักจะเจอผู้หญิงผิวขาว ร่างอวบ วิ่งออกมาจากข้างทาง คอยหลอกหลอนผู้คนและรถที่วิ่งสัญจรไปมาอยู่เป็นประจำ หลังจากนั้นคุณตูนจึงได้พาพี่วิทไปหาหลวงพี่จ๊ะ เพื่อทำการรดน้ำมนต์และทำพิธีต่อดวงชะตา และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด
เครดิตแหล่งข้อมูล : klangsayong.com
คุณตูนได้ถูกพี่วิท ลูกพี่ที่รู้จักกันโทรศัพท์มาชวนให้มาช่วยขับรถพาเยาวชนจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ขึ้นมาทัศนศึกษา ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยแต่ด้วยความที่เป็นศิษย์สอนขับรถกันมา คุณตูนจึงตอบรับคำชวนและได้พาเจ้าเบลล์ เด็กรถของตัวเองติดรถมาช่วยด้วยอีกแรง โดยคุณตูนรับหน้าที่ขับรถช่วงกลางคืนที่ต้องวิ่งข้ามจังหวัด ส่วนพี่วิทจะทำทัวร์และขับช่วงกลางวัน
เมื่อคุณตูนขับรถขาขึ้นจากใต้ มาถึงป้อมตำรวจชุมชนช่วง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นเวลากลางดึกก็เกิดปวดฉี่ขึ้นมา แต่ขณะนั้นเกิดฝนตกหนัก คุณตูนจึงได้รีบจอด ณ จุดนั้นเพื่อทำธุระส่วนตัว แต่ก็ได้สังเกตเห็นพระธุดงค์รูปหนึ่งยืนหลบฝนอยู่ คุณตูนจึงได้พูดคุยและนิมนต์เชิญให้ติดรถมาด้วย พระท่านจึงขอติดรถคุณตูนมาลงยังจุดที่พอพ้นฝนก็พอ
ตลอดเส้นทางก็ได้มีการพูดคุยกัน คุณตูนสังเกตว่า หลวงพี่รูปนี้เป็นพระที่น่าเลื่อมใสศรัทธาอย่างมาก ทราบชื่อสั้น ๆ ว่าหลวงพี่จ๊ะ
เมื่อขับมาถึงจุดพักรถที่ จ.ชุมพร ก็ได้จอดแวะพักและหลวงพี่จ๊ะก็ขอลงเพื่อธุดงค์ต่อ แต่ก่อนจากไปท่านได้พูดคุยสั่งสอน พี่วิท ลูกพี่ของคุณตูนอยู่นานเรื่องเวรกรรม และได้ยื่นขวดน้ำให้กับพี่วิทเพื่อให้ล้างหน้า เพื่อชำระล้างสิ่งที่ไม่ดี
คณะของคุณตูนก็ได้เดินทางต่อ เพื่อท่องเที่ยวสุพรรณบุรีและกาญจนบุรี และได้มาหยุดพักค้างคืนที่กรุงเทพ โดยคุณตูนและลูกพี่ได้หยุดพัก 2 คืน เนื่องจากคณะทัวร์ได้เช่ารถตู้ไปเที่ยวกันต่อ
คืนที่สองของการพัก คุณตูนถูกสต๊าฟทัวร์ชักชวนให้ดื่มสุรา เนื่องจากคิดว่าวันรุ่งขึ้นยังพักอยู่ คุณตูนก็ได้ดื่มไปเล็กน้อย สักพักพี่วิทก็ได้เดินมาหาและบอกว่า มีรถของที่อู่เดียวกันหม้อน้ำแตกที่ อ.แกลง จ.ระยอง เลยได้รับคำสั่งให้ต้องไปรับลูกทัวร์เพื่อเข้ากรุงเทพตอนเช้ามืดวันนี้ พี่วิทจึงมาชวนคุณตูนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนกัน คุณตูนตอบตกลงและพาเจ้าเบลล์ไปด้วย
เมื่อขับรถไปได้สักระยะ พี่วิทก็บอกให้คุณตูนไปนอนพัก เพื่อให้สร่างจากฤทธิ์ของสุรา คุณตูนสะดุ้งตื่นขึ้นมา เพราะได้ยินเสียงผู้หญิงแว่วดังขึ้นมาบนรถว่า
ถ้ามึงแน่จริง มึงก็ถอดประคำแล้วลงมาจากรถสิวะ!
เมื่อตื่นขึ้นมาพบว่ารถจอดอยู่ ไม่เห็นพี่วิทและเจ้าเบลล์ก็หายไปไหนไม่รู้ หาไปหามาก็เจอพี่วิทยืนอยู่ด้านข้างรถ เหงื่อออกเต็มใบหน้า แกได้บอกว่า ถ้าไม่มีคนโทรตาม ตอนเช้าเราค่อยเดินทางกันต่อดีกว่า แต่ขณะนั้นเถ้าแก่ก็ได้โทรตามโทรเร่งอยู่ตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องทำตามหน้าที่ต่อ คุณตูนจึงรับอาสาจะขับรถเอง เพราะระยะทางอีกไม่ไกลก็ใกล้จะถึงจุดหมาย แต่เพราะดื่มสุรามา ถ้าถูกตำรวจจับจะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน พี่วิทจึงตัดสินใจขับเอง แต่ให้คุณตูนและเจ้าเบลล์นั่งเป็นเพื่อน โดยห้ามหลับเด็ดขาด
รถทัวร์ของพี่วิท ขับออกจากมอเตอร์เวย์เบี่ยงลงถนนเส้นบ้านบึง มุ่งหน้าสู่ อ.แกลง ได้สักระยะ 30 กิโลเมตร ถนนช่วงกลางดึกมีรถน้อย พี่วิทจึงเปิดไฟสูงเป็นระยะ ช่วงสุดแสงของไฟ คุณตูนได้เห็นร่าง ๆ หนึ่งอยู่สุดปลายแสง ร่างนั้นวิ่งออกมาจากข้างทาง เมื่อรถขับเข้าไปใกล้ ร่างนั้นก็วิ่งหลบเข้าข้างทาง เป็นแบบนี้อยู่ 3 ครั้ง จนครั้งที่ 4 ก็เห็นชัดว่าเป็นหญิงสาวรูปร่างอวบ ไม่ได้สวมเสื้อผ้า พอรถวิ่งไปจะถึง ร่างนั้นก็วิ่งหลบเข้าข้างทางอีก
คุณตูนไม่รู้ว่ามีคนอื่นเห็นด้วยรึเปล่า แต่ก็ไม่กล้าทักและนึกภาวนาในใจขออย่าให้มีใครทักเลย จนครั้งที่ 5 เจ้าเบลล์ก็ได้ทักขึ้นมา
"เฮ้ยพี่ตูน! ใครมาวิ่งแก้ผ้าอยู่ข้างหน้าน่ะ"
เมื่อพูดจบ ร่าง ๆ นั้นก็เปลี่ยนจากวิ่งเป็นเดินช้า ๆ เหมือนรอ จนเมื่อรถวิ่งเข้าไปใกล้จึงเห็นได้ชัดเจนขึ้น พี่วิทก็ทักขึ้นมาว่า
"นั่นอะไรวะน่ะ!"
ทันทีที่สิ้นเสียงทัก ผู้หญิงคนนั้นก็กระโดดเกาะกระจกหน้ารถทันที! พี่วิทตกใจทำให้เสียการควบคุมรถ จึงทำให้รถเบี่ยงออกทางซ้าย คุณตูนจึงรีบหมุนพวงมาลัยกลับออกขวา จากนั้นรถทัวร์ก็พลิกคว่ำลงข้างทางทันที!
พี่วิท คนขับได้รับบาดเจ็บหนักที่สุด ไหปลาร้าและซี่โครงหักและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เจ้าเบลล์จมูกหัก ส่วนคุณตูนแค่ฟกช้ำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงได้กลับบ้านเร็วสุด
พี่วิทต้องเข้ารักษาตัวในห้องไอซียูนานเกือบเดือน เมื่อแพทย์ให้ย้ายออกมาอยู่ห้องพิเศษ แฟนพี่วิทก็ได้เดินทางมาเฝ้าไข้ โดยคุณตูนเป็นคนไปรับและขับรถพามาจากใต้ มาถึงโรงพยาบาลก็เป็นเวลาเกือบ 3 ทุ่ม
เมื่อเดินหาห้องพักของพี่วิทจนเจอป้ายชื่อหน้าห้อง คุณตูนจึงชะโงกดูทางช่องหน้าห้องพักผู้ป่วย แต่แล้วก็ต้องผงะออกมา เมื่อเห็นว่ามีร่างของผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ใส่เสื้อผ้าและกำลังยืนเหยียบและกระทืบหน้าอกของพี่วิทอยู่! แต่ในตอนนั้นแฟนพี่วิทกลับเห็นว่าพยาบาลกำลังปั๊มหัวใจพี่วิทอยู่ แฟนแกที่กำลังจะเข้าไปหา แต่คุณตูนรีบคว้ามือแกออกมาและบอกให้รีบไปตามพยาบาลมาดู
เมื่อพยาบาลตัวจริงมาถึง แฟนพี่วิทก็หน้าซีด แล้วสงสัยว่าที่แกเห็นว่ามีพยาบาลกำลังปั๊มหัวใจพี่วิทอยู่ก่อนหน้านี้นั้น มันคืออะไรกัน! คุณตูนจึงเปลี่ยนเรื่องและแนะนำให้นิมนต์พระมาทำพิธีปัดเป่าให้ในตอนเช้า
เช้าวันรุ่งขึ้น คุณตูนกับแฟนพี่วิทจึงพากันไปยังวัดใกล้ ๆ และรอจนพระฉันเช้าเสร็จ แต่ก็ต้องประหลาดใจเป็นอย่างมาก เมื่อได้พบกับหลวงพี่จ๊ะ พระธุดงค์ที่เจอกันที่สุราษฎร์ฯ คุณตูนถึงกับขนลุกซู่ ไม่คิดมาก่อนว่าอะไรมันจะประจวบเหมาะเช่นนี้ คุณตูนก็คิดในใจว่า หรือว่าหลวงพี่จ๊ะจะรู้อะไรบางอย่าง ท่านถึงยื่นน้ำให้พี่วิทล้างหน้า ล้างซวย ก่อนหน้านี้
หลังจากหลวงพี่จ๊ะได้มารดน้ำมนต์ให้พี่วิทที่โรงพยาบาล หลวงพี่ท่านสั่งไว้ว่า ถ้าพี่วิทดีขึ้นแล้วให้พาไปหาหลวงพี่เพื่อทำบุญต่อชะตาที่วัด ๆ หนึ่งและท่านได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า
"บุญต่อบุญ ชีวิตต่อชีวิตนะโยม..."
เวลาผ่านไปร่วมเดือนกว่า พี่วิทก็อาการดีขึ้น หมอจึงอนุญาตให้ย้ายกลับไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลใกล้บ้านได้ คุณตูนก็ได้ขับรถมารับพี่วิทและแฟนแกเพื่อจะกลับใต้ ซึ่งต้องผ่านถนนเส้นเดิมที่รถทัวร์คว่ำ พี่วิทได้แวะตลาดและซื้อเตาถ่าน เมื่อขับรถผ่านใกล้จุดที่ประสบอุบัติเหตุรถทัวร์คว่ำ พี่วิทได้สั่งให้คุณตูนจอดรถ และพี่วิทก็ได้ทำในสิ่งที่คุณตูนตกใจกลัวที่สุด นั่นก็คือ พี่วิทแกจุดไฟเผาพริกเผาเกลือ สาปแช่งผีตนนั้นที่ทำให้แกเจ็บปางตาย!
และสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น นั่นคือมีจิ้งจกสองตัวหล่นลงไปตายในเตา ทั้ง ๆ ที่ตรงนั้นเป็นที่โล่งแจ้ง ไม่มีต้นไม้เลย คุณตูนเห็นแบบนั้นจึงรับชวนพี่วิทกลับ เมื่อขึ้นไปบนรถพี่วิทจึงบอกว่า มีนิทานเรื่องหนึ่งจะเล่าให้ฟัง...
เมื่อ 30 ปีก่อน พี่วิทยังไม่ได้เป็นคนขับรถทัวร์ แต่แกขับรถสิบล้อฮีโน่หัวยาว วิ่งรถถนนเส้น บ้านบึง-แกลง ถนนเส้นนี้สมัยก่อนยังเป็นถนนสองเลนแคบ ๆ กลางดึกคืนหนึ่ง แกขับรถอยู่ก็เห็นผู้ชายสองคนกำลังวิ่งไล่กวดผู้หญิงคนหนึ่งที่แก้ผ้าวิ่งหนีอยู่ข้างทาง ผู้หญิงคนนั้นก็โบกมือขอความช่วยเหลือ พี่วิทแกเห็นแต่ไม่กล้าจอด เพราะกลัวว่าจะเป็นโจร หรือไม่ก็เป็นเรื่องของผัว ๆ เมีย ๆ แกบอกว่าแกก็มาทำงานเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียเหมือนกัน แกเลยไม่อยากยุ่ง
จนตอนเช้าพี่วิทก็ตีรถกลับทางเส้นเดิมอีก เมื่อขับมาถึงจุดเมื่อคืน แกก็เห็นรถตำรวจจอดและมีรถติดเต็มถนน ด้วยความสงสัยแกจึงลงรถไปดู แล้วแกก็เห็นผู้หญิงคนเมื่อคืนนี้ ผู้หญิงที่ขอความช่วยเหลือจากแก โดนปาดคอนอนตายอยู่ข้างทาง! ซึ่งในตอนนั้นตำรวจกำลังพิมพ์ลายนิ้วมือศพอยู่
หลังจากนั้นต่อมาอีก 3 ปี พี่วิทยังขับรถฮีโน่อยู่และได้ขับผ่านตรงจุดนี้อีกครั้ง แล้วแกก็มาถูกผีผู้หญิงคนนี้หลอก มันเป็นเหมือนการผูกเวรผูกกรรมกัน เพราะผีตนนี้อาฆาตที่พี่วิทไม่ยอมจอดรถช่วย และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพี่วิทแกจึงกลัวมากเมื่อต้องขับผ่านถนนเส้นนี้
วิญญาณของผู้หญิงคนนี้เป็นที่พูดถึงกันมากในหมู่คนขับรถทัวร์ รถสิบล้อ เพราะเมื่อต้องขับผ่านถนนเส้นนี้กลางดึกก็มักจะเจอผู้หญิงผิวขาว ร่างอวบ วิ่งออกมาจากข้างทาง คอยหลอกหลอนผู้คนและรถที่วิ่งสัญจรไปมาอยู่เป็นประจำ หลังจากนั้นคุณตูนจึงได้พาพี่วิทไปหาหลวงพี่จ๊ะ เพื่อทำการรดน้ำมนต์และทำพิธีต่อดวงชะตา และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด
เครดิตแหล่งข้อมูล : klangsayong.com
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น