หอพักอาถรรพณ์
"ชาญชัย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากหอพักผีดุ
พูดถึงเรื่องโดนผีหลอกซึ่งๆ หน้า เล่าให้ใครฟังก็ ไม่ค่อยเห็นภาพ หรือนึกรู้ถึงความรู้สึกตอนนั้นหรอก ครับ ยกเว้นแต่จะคุยกับคนที่เคยโดนผีหลอกมาแล้วถึงจะเข้าใจ
มีทั้งอาการตกตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดหายวับจากใบหน้า เย็นซ่าจากต้นคอลงไปถึงกลางหลัง เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวคล้ายจะเป็นไข้ ขากรรไกรแข็งทื่อจนร้องไม่ออก...ในที่สุดก็อยากหายตัววับไป หรือไม่ก็ร้องไห้โฮให้หายอัดอั้นตันใจ!
ผมกลัวผีมาตั้งแต่ยังเด็กๆ อยู่ที่บางบัว ก่อนจะมาเป็น รปภ.อยู่ที่หอพักสตรีในย่านดินแดง! ที่นั่นเอง ผมเจอะเจอภูตผีดุร้ายสุดขีดแทบจะขาดใจตาย แต่เมื่อเหตุการณ์ขนหัวลุกผ่านไป ผมกลับไม่ได้โกรธเคืองภูตผีตนนั้นหรอกครับ กลับรู้สึกเวทนาด้วยซ้ำไป
เรื่องเป็นยังงี้ครับ...
ผมมีญาติชื่อน้าหวิงแกเป็นคนยามเก่าแก่ของหอพักแห่งนั้น พอดีมีคนเก่าลาออก น้าหวิงก็เลยใช้เส้นฝากฝังผมเข้าไปทำงานแทน...ส่วนมากมักจะได้กะดึกคือสี่ทุ่มไปจนถึงหกโมงเช้า บ้านช่องห้องหอหายห่วงอาศัยซุกหัวนอนกับน้าหวิงที่อยู่ละแวกนั้นเอง
คืนนั้นฝนพรำมาแต่หัวค่ำ ผมรับเวรต่อจากน้า หวิงพอดี!
มีห้องพักยามอยู่ข้างประตูหอพัก...แต่น่าสงสัยอยู่ว่าทำไมถึงเปิด 24 ชั่วโมงก็ไม่ทราบ อาจจะเป็นอพาร์ต เมนต์ก็ได้ มีอยู่ 5 ชั้น มีลิฟต์อำนวยความสะดวกพร้อม เมื่อขึ้นไปก็เป็นทางเดินตรงกลางระหว่างห้องพักซ้ายขวาที่เรียงรายกันเป็นตับ ทำให้ระเบียงด้านหลังหันมาทางประตูรั้ว ดูแปลกตาเอาการ
ลุงหวิงเล่าว่าก่อนนั้นน่ะ มีเรื่องฆ่าแกงกันหลายรายแล้ว ส่วนมากเกิดจากความหึงหวง แม้แต่ การฆ่าตัวตายก็มี คือกระโดดมาจากระเบียงชั้นบนบ้าง กินยาตายบ้าง ที่น่าสยองก็คือเชือดเส้นเลือดที่ข้อมือนอนแช่น้ำตายในอ่าง กว่าจะพบศพก็วันรุ่งขึ้น...
ว่ากันว่าผีดุนักหนา!
มีทั้งเข้าไปเคาะห้องข้างๆ กับส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนจนต้องย้ายหนีไปหลายรายแล้ว...คนเช่าส่วน มากเป็นผู้หญิงทำงานบริษัท นักศึกษา คนทำงานกลางคืนก็มี
ขณะที่ผมกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ ก็พอดีแว่วเสียงผู้หญิงกรีดร้องมาจากชั้นบน ครั้นเผ่นออกไปเงยหน้ามองฝ่าละอองฝนบางๆ ขึ้นไปก็เห็นสาวหนึ่งในชุดสีดำบนระเบียงชั้นสามกำลังโบกไม้โบกมือ ส่งเสียงลงมาได้ยินชัดเจน
"ช่วยด้วย! ช่วยด้วย..."
ผมละล้าละลัง เพราะตัวเองไม่มีหน้าที่ขึ้นไปจุ้นจ้านบนนั้น แต่มีพนักงานประจำเคาน์เตอร์กับ รปภ.คอย ดูแลอยู่...คิดอีกที เธอกำลังขอความช่วยเหลือจากผมนี่นา!
พริบตานั้น สาวชุดดำก็วิ่งหายเข้าไปในห้อง ไม่ถึงอึดใจเธอก็วิ่งแน่วออกจากอาคารที่โดดเด่นขึ้นไปบนผืนฟ้าสีหมึก...เมื่อเข้ามาใกล้ถึงได้เห็นชัดว่าเธออยู่ในชุดนอนสีดำ ผมยาว ผิวขาว หน้าตาสะสวยที่ดูเหมือนจะคุ้นหน้า เธอปราดเข้ามาหาผมที่ถอยหลังเข้ามาในตู้ยาม กระหืดกระหอบแทบฟังไม่รู้เรื่อง
"ช่วยด้วย! ผีค่ะ...มันจะฆ่าฉัน..." เธอโพล่ง หน้าอกหน้าใจสั่นกระเพื่อม น่าใจหาย ก่อนจะเล่าว่า ขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับก็มีรูปเงาเลือนรางคล้ายวุ้นของผู้หญิงวัยเดียวกันกลุ่มหนึ่ง เข้ามาห้อมล้อมหัวเราะต่อกระซิก บ้างก็กระซิบกระซาบยั่วเย้า บอกว่า พวกเธอกินยาตาย โดดตึกตาย ถูกแทงตาย! มาอยู่ด้วยกันเถอะแล้วจะพบแต่ความสุข...
"ฉันไม่อยากตาย" สาวชุดดำกระหืดกระหอบ หันไปมองที่ระเบียงชั้นสามไม่หยุดหย่อน "ช่วยด้วยค่ะ...ช่วยฉันด้วย..."
"อะไรกันครับ ไม่เห็นมีอะไรเลย" ผมพูดเป็นเชิงปลอบใจ แต่เธอส่ายหน้า
"นั่นไง! สาวชุดดำหันขวับไปชี้มือสั่นระริก "พวกมันยืนเกาะระเบียงเต็มไปหมด กำลังมองดูเราด้วย...ดูซี่! มันจ้องเป๋งเชียว"
เสียงยืนยันสั่นเครือทำให้ผมเย็นวูบที่ต้นคอ แข็งใจปลอบโยนพลางหันมอง
"ทำใจให้สบายเถอะครับ ไม่มีอะไรเลยจริงๆ ผมคิดว่า..." เสียงผมขาดหายไปเมื่อพบว่ากำลังพูดอยู่กับความว่างเปล่า ท่ามกลางความเย็นชื้นของฤดูฝน แสนจะเปล่าเปลี่ยวและชวนให้เหน็บหนาวเข้าไปถึงหัวใจ...ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปยังจุดเดิม...
นรกเป็นพยาน! บัดนี้มีร่างของหญิงคนหนึ่งกำลังยืนเกาะลูกกรงระเบียง ก้มหน้าลงมามองเศร้าๆเพียงเดียวดาย...ผู้หญิงในชุดนอนสีดำคนนั้นเอง!
ขอบคุณบทความจากข่าวสด
พูดถึงเรื่องโดนผีหลอกซึ่งๆ หน้า เล่าให้ใครฟังก็ ไม่ค่อยเห็นภาพ หรือนึกรู้ถึงความรู้สึกตอนนั้นหรอก ครับ ยกเว้นแต่จะคุยกับคนที่เคยโดนผีหลอกมาแล้วถึงจะเข้าใจ
มีทั้งอาการตกตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดหายวับจากใบหน้า เย็นซ่าจากต้นคอลงไปถึงกลางหลัง เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวคล้ายจะเป็นไข้ ขากรรไกรแข็งทื่อจนร้องไม่ออก...ในที่สุดก็อยากหายตัววับไป หรือไม่ก็ร้องไห้โฮให้หายอัดอั้นตันใจ!
ผมกลัวผีมาตั้งแต่ยังเด็กๆ อยู่ที่บางบัว ก่อนจะมาเป็น รปภ.อยู่ที่หอพักสตรีในย่านดินแดง! ที่นั่นเอง ผมเจอะเจอภูตผีดุร้ายสุดขีดแทบจะขาดใจตาย แต่เมื่อเหตุการณ์ขนหัวลุกผ่านไป ผมกลับไม่ได้โกรธเคืองภูตผีตนนั้นหรอกครับ กลับรู้สึกเวทนาด้วยซ้ำไป
เรื่องเป็นยังงี้ครับ...
ผมมีญาติชื่อน้าหวิงแกเป็นคนยามเก่าแก่ของหอพักแห่งนั้น พอดีมีคนเก่าลาออก น้าหวิงก็เลยใช้เส้นฝากฝังผมเข้าไปทำงานแทน...ส่วนมากมักจะได้กะดึกคือสี่ทุ่มไปจนถึงหกโมงเช้า บ้านช่องห้องหอหายห่วงอาศัยซุกหัวนอนกับน้าหวิงที่อยู่ละแวกนั้นเอง
คืนนั้นฝนพรำมาแต่หัวค่ำ ผมรับเวรต่อจากน้า หวิงพอดี!
มีห้องพักยามอยู่ข้างประตูหอพัก...แต่น่าสงสัยอยู่ว่าทำไมถึงเปิด 24 ชั่วโมงก็ไม่ทราบ อาจจะเป็นอพาร์ต เมนต์ก็ได้ มีอยู่ 5 ชั้น มีลิฟต์อำนวยความสะดวกพร้อม เมื่อขึ้นไปก็เป็นทางเดินตรงกลางระหว่างห้องพักซ้ายขวาที่เรียงรายกันเป็นตับ ทำให้ระเบียงด้านหลังหันมาทางประตูรั้ว ดูแปลกตาเอาการ
ลุงหวิงเล่าว่าก่อนนั้นน่ะ มีเรื่องฆ่าแกงกันหลายรายแล้ว ส่วนมากเกิดจากความหึงหวง แม้แต่ การฆ่าตัวตายก็มี คือกระโดดมาจากระเบียงชั้นบนบ้าง กินยาตายบ้าง ที่น่าสยองก็คือเชือดเส้นเลือดที่ข้อมือนอนแช่น้ำตายในอ่าง กว่าจะพบศพก็วันรุ่งขึ้น...
ว่ากันว่าผีดุนักหนา!
มีทั้งเข้าไปเคาะห้องข้างๆ กับส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนจนต้องย้ายหนีไปหลายรายแล้ว...คนเช่าส่วน มากเป็นผู้หญิงทำงานบริษัท นักศึกษา คนทำงานกลางคืนก็มี
ขณะที่ผมกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ ก็พอดีแว่วเสียงผู้หญิงกรีดร้องมาจากชั้นบน ครั้นเผ่นออกไปเงยหน้ามองฝ่าละอองฝนบางๆ ขึ้นไปก็เห็นสาวหนึ่งในชุดสีดำบนระเบียงชั้นสามกำลังโบกไม้โบกมือ ส่งเสียงลงมาได้ยินชัดเจน
"ช่วยด้วย! ช่วยด้วย..."
ผมละล้าละลัง เพราะตัวเองไม่มีหน้าที่ขึ้นไปจุ้นจ้านบนนั้น แต่มีพนักงานประจำเคาน์เตอร์กับ รปภ.คอย ดูแลอยู่...คิดอีกที เธอกำลังขอความช่วยเหลือจากผมนี่นา!
พริบตานั้น สาวชุดดำก็วิ่งหายเข้าไปในห้อง ไม่ถึงอึดใจเธอก็วิ่งแน่วออกจากอาคารที่โดดเด่นขึ้นไปบนผืนฟ้าสีหมึก...เมื่อเข้ามาใกล้ถึงได้เห็นชัดว่าเธออยู่ในชุดนอนสีดำ ผมยาว ผิวขาว หน้าตาสะสวยที่ดูเหมือนจะคุ้นหน้า เธอปราดเข้ามาหาผมที่ถอยหลังเข้ามาในตู้ยาม กระหืดกระหอบแทบฟังไม่รู้เรื่อง
"ช่วยด้วย! ผีค่ะ...มันจะฆ่าฉัน..." เธอโพล่ง หน้าอกหน้าใจสั่นกระเพื่อม น่าใจหาย ก่อนจะเล่าว่า ขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับก็มีรูปเงาเลือนรางคล้ายวุ้นของผู้หญิงวัยเดียวกันกลุ่มหนึ่ง เข้ามาห้อมล้อมหัวเราะต่อกระซิก บ้างก็กระซิบกระซาบยั่วเย้า บอกว่า พวกเธอกินยาตาย โดดตึกตาย ถูกแทงตาย! มาอยู่ด้วยกันเถอะแล้วจะพบแต่ความสุข...
"ฉันไม่อยากตาย" สาวชุดดำกระหืดกระหอบ หันไปมองที่ระเบียงชั้นสามไม่หยุดหย่อน "ช่วยด้วยค่ะ...ช่วยฉันด้วย..."
"อะไรกันครับ ไม่เห็นมีอะไรเลย" ผมพูดเป็นเชิงปลอบใจ แต่เธอส่ายหน้า
"นั่นไง! สาวชุดดำหันขวับไปชี้มือสั่นระริก "พวกมันยืนเกาะระเบียงเต็มไปหมด กำลังมองดูเราด้วย...ดูซี่! มันจ้องเป๋งเชียว"
เสียงยืนยันสั่นเครือทำให้ผมเย็นวูบที่ต้นคอ แข็งใจปลอบโยนพลางหันมอง
"ทำใจให้สบายเถอะครับ ไม่มีอะไรเลยจริงๆ ผมคิดว่า..." เสียงผมขาดหายไปเมื่อพบว่ากำลังพูดอยู่กับความว่างเปล่า ท่ามกลางความเย็นชื้นของฤดูฝน แสนจะเปล่าเปลี่ยวและชวนให้เหน็บหนาวเข้าไปถึงหัวใจ...ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปยังจุดเดิม...
นรกเป็นพยาน! บัดนี้มีร่างของหญิงคนหนึ่งกำลังยืนเกาะลูกกรงระเบียง ก้มหน้าลงมามองเศร้าๆเพียงเดียวดาย...ผู้หญิงในชุดนอนสีดำคนนั้นเอง!
ขอบคุณบทความจากข่าวสด
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!