บุญชอบ(หยุด) แสงพายัพ เด็กชายผู้ระลึกชาติได้


บุญชอบ(หยุด) แสงพายัพ เด็กชายผู้ระลึกชาติได้

เรื่องราวของผู้ระลึกชาติรายนี้ ได้รับการเปิดเผยขึ้นเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.2506 บุคคลผู้ระลึกชาติได้ชื่อ นายบุญชอบ หรือ หยีด แสงพายัพ เป็นบุตร นายภู และ นางปุก เพชรดำ ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านดอนสมอ ตำบลหมาราง ฝั่งพม่า ตรงข้ามกับจังหวัดระนอง หมู่บ้านนี้ หากนั่งเรือที่ตำบลทับหลีฝั่งไทย ขึ้นไปเหนือน้ำประมาณชั่วโมงเศษ ก็จะถึงบ้านดอนสมอ บ้านเกิดของนายหยีด หรือบุญชอบคนนี้

เมื่อเด็กชายหยีด เกิดมาและเจริญวัยจนมีอายุได้ 3 ขวบ เขาก็เริ่มพูดถึงชาติอดีตของตัวเองบางส่วนเท่าที่จะนึกได้ พ่อกับแม่ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ นึกว่าลูกพูดเพ้อเจ้อ ประกอบกับนายภูและนางปุกไม่มีการศึกษา และไม่มีความรู้ทางด้านคำสอนในพระพุทธศาสนา การนับถือศาสนาพุทธ รู้แต่เพียงต้องใส่บาตรทำบุญ จึงจะเกิดกุศลและผลบุญ หวังว่าจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น เมื่อได้ยินลูกพูดถึงชาติที่แล้วยิ่งไม่เข้าใจ และพาลคิดไปว่า ลูกถูกผีกระทำไปเสียอีก จึงได้พูดจาเลอะเทอะ การที่นายภูกับนางปุก ยังมีความเชื่อเรื่องผีอยู่ เนื่องจากชาวบ้าน ซึ่งอยู่แถบชายแดนมีความเชื่อและนับถือผีพร้อม ๆ กับนับถือพระพุทธศาสนาจนผสมปนเปกันไปหมด

ตอนเด็กชายหยีดอายุได้ 3 ขวบกว่า นายภูพ่อของหยีดก็ถูกคนร้ายฆ่าตายที่ตำบลปกเปี้ยน นางปุกจึงต้องเลี้ยงลูกอีก 5 คนแต่เพียงผู้เดียว ทำให้มีฐานะเข้าขั้นลำบาก อาศัยว่ามีที่ดินทำไร่อยู่บ้าง จึงพอทำมาหากินเลี้ยงลูกให้อยู่รอดมาได้

เด็กชายหยีดเติบโตขึ้นมา ไม่ค่อยกล้าพูดเรื่องการระลึกชาติของตนเท่าไหร่ เพราะจะถูกแม่ด่า และทุบตีเอาแรง ๆ ด้วยคิดว่าลูกพูดจาไร้สาระ กระทั่งเด็กชายหยีดอายุได้ 6 ขวบ แม่ใช้ให้ไปเฝ้าไร่เพื่อคอยไล่นกที่ลงมากินข้าวในไร่ บังเอิญ นายไพ อยู่ที่ตำบลตลิ่งชันซึ่งเป็นหมู่บ้านหนึ่ง ในเขตพม่า และอยู่ตรงข้ามกับตำบลทับหลีฝั่งไทย เดินผ่านไร่ที่เด็กชายหยีดเฝ้าอยู่ เด็กชายหยีดเห็นนายไพ ก็จำได้ว่าเป็นพ่อในอดีตชาติของตน จึงไต่ลงมาจากเพิงใต้ถุนสูงซึ่งปลูกไว้เฝ้าไร่ แล้วเดินตามหลังนายไพไปเรื่อยๆ

วันนั้นนายไพไปหาของป่า จึงได้ผ่านไร่ของ แม่เด็กชายหยีด เมื่อนายไพเห็นเด็กชายหยีดเดินตามมาจึงไล่ให้กลับไป แต่เด็กชายหยีดก็ไม่ยอมกลับ คงดื้อเดินตามไปอีก กระทั่งนายไพเดินมาถึงบ้านของตน ซึ่งเป็นบ้านที่ปลูกสร้างขึ้นมาใหม่ โดยย้ายจากบ้านเก่าที่อยู่ในตำบลตลิ่งชันเหมือนกัน

เมื่อนายไพเดินมาถึงบ้าน โดยมีเด็กชายหยีดตามมาด้วย นายไพก็ลงนั่งด้วยความเหน็ดเหนื่อย เด็กชายหยีดได้เข้าไปหา และกอดรัดอย่างรักใคร่สนิทสนม แล้วเอามือลูบคางซึ่งมีหนวดเครา พลางพูดว่า "แหม แก่ไปมากเลยนะ" นายไพก็แปลกใจสงสัยว่า "เอ๊ะ! อ้ายเด็กคนนี้มันยังไงกัน"

เด็กชายหยีด จึงได้บอกว่านายไพเป็นพ่อของเขาในชาติที่แล้ว คราวนี้โกลาหลกันทั้งบ้าน สอบถามซักไซ้เป็นการใหญ่ เด็กชายหยีดจึงเล่าให้ฟังว่า เขาระลึกชาติได้ และ บอกว่าบ้านซึ่งกำลังอยู่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่บ้านเก่าที่เขาเคยอยู่ เพราะบ้านเก่ามีครกตำข้าวอยู่ใต้ถุนบ้าน ข้างบ้านมีบ่อน้ำ และเขาเคยตกลงไปในบ่อเมื่ออายุ 5 ขวบ และนายไพผู้เป็นพ่อช่วยเอาขึ้นมาจากบ่อ ซึ่งเรื่องที่เด็กชายหยีดพูดเป็นเรื่องจริง นายไพกับนางหนูผู้เป็นแม่ จึงพาเด็กชายไปที่บ้านเก่า ปรากฏว่าเด็กจำได้หมดทุกอย่าง

เด็กชายหยีดจำได้ว่าเขาตายตอนอายุ 7 ขวบ เนื่องจากเป็นไข้ เมื่อตายไปแล้ว ได้ประสบพบเห็นหลายสิ่งหลายอย่าง โดยเล่าเป็นเรื่องเป็นราวว่า เมื่อเขาสิ้นใจตายไป มีชายร่างอ้วนใหญ่เป็นผู้นำเขาไป สถานที่ไปนั้นรู้ขึ้นมาเองว่าเป็นแดนนรก ได้พบกับยมบาล ยมบาลถามว่าเคยทำบาปอะไรมาบ้าง เด็กชายหยีดตอบว่าเคยใช้หนังสติกยิงนกตายครั้งเดียว และ นกตัวนั้นเพื่อนเป็นคนเอาไป จากนั้นยมบาลก็พาไปเที่ยวดูนรก เห็นแต่ภาพน่ากลัว น่าสยดสยองเต็มไปหมด หลังจากไปดูนรกนานพอสมควร ก็มีคนพามาส่งบ้าน

มาถึงบ้านแล้ว เห็นมีผู้คนชุลมุนวุ่นวายไปหมด และมีพระภิกษุมาที่บ้านด้วย แต่ไม่รู้มาทำไม เด็กชายหยีดอยากจะเข้าไปในบ้าน ไปหาพ่อแม่แต่ผู้พามาห้ามไม่ให้เข้าไป บอกว่ามาช้าเกินไป จากนั้นจึงได้พาเด็กชายหยีดไปยังภพสวรรค์ ซี่งมีความสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจอย่างบอกไม่ถูก ผู้คนแต่งกายวิจิตรงดงาม อาคารบ้านเรือนสว่างไสว มีเพชรพลอยหลากสี ประดับแพรวพราว ทุกสิ่งทุกอย่างร่มรื่นน่าอยู่น่าอาศัยอย่างยิ่ง

เด็กชายหยีดเล่าว่า ที่ภพสวรรค์แห่งนี้ เขาถูกพาไปให้กินลูกลืมชาติ แต่เขาไม่ได้กิน จากนั้นก็ไปพบชาวสวรรค์ในบ้านหลังใหญ่เป็นบ้านสวยงามมาก ชาวสวรรค์คนหนึ่งนั่งบนแท่นใหญ่ ลักษณะท่าทางมีอำนาจชาวสวรรค์ผู้นั้น สั่งให้พาไปเกิดใหม่ และให้นุ่งขาวห่มขาวทั้งชุด พร้อมกันนั้น ได้สั่งกำชับคนที่จะพาไปเกิด ให้ไปเกิดในท้องเดิม แต่ถ้ามีเด็กอยู่ในท้องก็อย่าเข้าไป เกิดซ้อนกันจะเป็นบาป ให้ไปเกิดในท้องคนอื่น

เมื่อมีคำสั่งให้ไปเกิดใหม่ เด็กชายหยีดเล่าว่าเขาเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย ที่จะอยู่ในภพสวรรค์อย่างบอกไม่ถูก อยากออกไปจากสถานที่สวยงามแห่งนี้ให้พ้นไปเร็วๆ ทั้งที่เพิ่งมาถึง ความรู้สึกเวลานั้นคล้ายกับมีพลังอย่างหนึ่งกดดันให้เขาอยากมาเกิดใหม่ ยิ่งกว่าอยู่ในภพสวรรค์

จากนั้นเด็กชายหยีดก็ถูกนำตัวมาเกิดใหม่ ตอนแรกหวังจะได้เกิดในท้อง นางหนู แม่คนเดิม แต่นางหนูเกิดตั้งครรภ์เสียก่อน (นางหนูตั้งครรภ์น้องสาวของเด็กชายหยีด ชื่อจำรูญ คลอดออกมาแล้วมีอายุแค่ 4 ขวบก็เสียชีวิต) เมื่อเกิดท้องเดิมไม่ได้ จึงไปเกิดในท้องนางปุก แม่ชาติปัจจุบัน ซึ่งอยู่คนละตำบลกัน

นายไพกับนางหนูพ่อแม่ในชาติอดีต รับฟังเด็กชายหยีดเล่าถึงชาติก่อน ซึ่งเคยเป็นลูกชายของคนทั้งสอง มีหลายสิ่งหลายอย่างถูกต้องไม่ผิดเพี้ยน ทำให้สองสามีภรรยาเชื่ออย่างสนิทใจว่า เด็กชายหยีด คือ ลูกชายของตนที่ตายแล้วมาเกิดใหม่จริง

ในชาติก่อน เมื่อครั้งที่เด็กชายหยีดเป็นลูกของนายไพและนางหนู ซึ่งเป็นไข้ตายเมื่ออายุได้ 7 ขวบ มีเหตุการณ์ตอนตายซึ่งแปลกกว่าปกติ กล่าวคือ เมื่อตายแล้วเนื้อตัวยังอ่อนนิ่มไม่แข็งทื่อเช่นคนตายทั่วไป และเนื้อตัวยังอุ่นอยู่ พระภิกษุที่มาสวดเห็นสภาพศพของเด็กถึงกับเลิกสวด และ แนะนำว่า ให้รอไปก่อนอย่าเพิ่งเอาศพไปทำอะไร เพราะอาจฟื้นขึ้นมาได้อีก แต่รอเท่าไหร่ก็ไม่ฟื้น เสียที นายไพจึงได้ไปเชิญหมอผีมาทำพิธีไสยศาสตร์แล้วกรอกน้ำมนต์ใส่ปาก ตอนกรอกน้ำมนต์มีเรื่องประหลาด นั่นคือ น้ำมนต์ไหลลงคอเด็กอย่างง่ายดาย เหมือนกับกลืนลงไป พอน้ำมนต์ตกถึงท้อง ศพก็แข็งและเนื้อตัวก็เย็นทันที แสดงว่าตายอย่างแน่นอน จากนั้นจึงนิมนต์พระมาสวดใหม่อีกครั้ง ก่อนนำศพไปเผาตามประเพณี

การที่ศพเด็กยังอุ่นและไม่แข็งเมื่อตายไปแล้ว คงเป็นช่วงที่เด็กชายหยีดบอกว่าเขาถูกนำตัวไปที่แดนนรก ซึ่งหมายความว่าเขายังไม่ตายจริง เพียงแต่วิญญาณออกไปจากร่างชั่วขณะหนึ่ง เมื่อหมอผีทำพิธีไสยศาสตร์และกรอกน้ำมนต์ให้กิน จึงเท่ากับตัดขาดความเชื่อมต่อของวิญญาณกับร่างให้หมดสิ้นไป เมื่อวิญญาณถูกนำกลับมาให้เข้าร่างเดิม จึงเข้าร่างเดิมไม่ได้ เนื่องจากร่างกายตายไปแล้วจริง ๆ(เหมือนการฉีดฟอร์มาลีนเข้าไปในศพ หรือ ทำการดองศพ หากกระทำเมื่อไร วิญญาณใดๆจะเข้าร่างกาย หรือ มาใช้ร่างกายนั้นอีกไม่ได้

หลังจากเด็กตายไปแล้ว 7 วัน นายไพ พ่อเด็กฝันว่า ลูกมาหา แต่ไม่ได้นุ่งเสื้อผ้า โดยหอบเสื้อผ้ามาด้วย ในฝันนั้นนานไพถามลูกว่า มาทำไม เด็กบอกว่าเขาปล่อยให้มา และบอกว่าร้อนเหลือ เกินจนนุ่งผ้าไม่ได้
พลางหันหลังให้ดูแผ่นหลัง ซึ่งมีรอยพุพองคล้ายกับถูกไฟไหม้เต็มไปหมด เมื่อนายไพพบกับเด็กชายหยีด ซึ่งเป็นลูกชายของตนเมื่อชาติก่อน และเด็กชายหยีดขออยู่ด้วย นายไพก็ไม่กล้าให้เด็กอยู่เพราะกลัวจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต คือ เขาอาจมีความผิดในข้อหาหลอกลวงเด็กมาอยู่ด้วย นายไพจึงได้นำเด็กชายหยีด กลับไปคืนให้นางปุกแม่ในชาติปัจจุบัน และเล่าเรื่องการระลึกชาติได้ของเด็กให้ฟัง ซึ่งนางปุกก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

เมื่อกลับมาอยู่กับนางปุก เด็กชายหยีดมักจะเรียกร้องขอไปอยู่กับนายไพพ่อในชาติก่อน และเรียกนายไพว่า พ่อ ตลอดเวลา นางปุกผู้เป็นแม่ ไม่พอใจให้เรียกเช่นนั้น จึงได้เฆี่ยนตีเอาบ่อย ๆ แต่ก็ยอมให้ลูกเรียกนายไพว่า "พ่อใหญ่" แทน ส่วนนายไพกับนางหนูจะหาเวลามาเยี่ยมเด็กชายหยีดบ่อยๆ

ในที่สุดนางปุกก็ยินยอมให้เด็กชายหยีดไปอยู่กับนายไพผู้เป็นพ่อในชาติอดีต นายไพก็ส่งให้เข้าเรียนหนังสือ และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บุญชอบ นามสกุลให้ใช้ แสงพายัพ ซึ่งเป็นนามสกุลของตน เด็กชายหยีด หรือ บุญชอบเข้าเรียนชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนประชาบาลตำบลปากจั่น จังหวัดระนอง

ต่อมานายไพกับนางหนู มาซื้อที่ดินทำสวนผลไม้ที่ตำบลวังไผ่ จังหวัดชุมพร ติดกับทางหลวงสายชุมพร - ระนอง ใกล้ กม.28 เมื่อเด็กชายหยีด หรือ บุญชอบเรียนจบชั้นประถม 4 แล้ว ก็ไม่ได้เรียนต่อ นายไพจึงให้มาเฝ้าสวนแห่งใหม่กับนายน้อยพี่ชาย

เป็นที่น่าสังเกตว่า นายหยีด หรือ บุญชอบ ซึ่งกำลังหนุ่มรุ่นแล้ว มีอุปนิสัยเป็นที่รักใคร่ของคนในครอบครัว และ คนข้างเคียง เนื่องจากมีความสุภาพเรียบร้อย รักความสะอาด มีสัมมาคารวะโดยไม่มีใครสั่งสอน และไม่ยอมทำบาปฆ่าสัตว์ตัดชีวิตอย่างเด็ดขาด ชอบอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับธรรมะเป็นประจำ ทั้งยังบอกกับพ่อแม่ในชาติก่อน ซึ่งมาเป็นพ่อแม่ในชาติปัจจุบันอีกว่า อยากบวชเป็นพระภิกษุ

นี่คือผู้ระลึกชาติได้อีกคนหนึ่ง การระลึกชาติได้คือการพิสูจน์ให้เห็นว่าการเวียนว่ายตายเกิดมีจริง........ตายแล้วต้องมาเกิดใหม่อีก.....เกิดใหม่อีกครั้งจะมีสุขมีทุกข์เพียงใด ขึ้นอยู่ที่ชาติปัจจุบันสร้างกรรมดีกรรมชั่วไว้มากน้อยเพียงใด

ท่านสาธุชนทั้งหลายโปรดระมัดระวัง การดำเนินชีวิตในปัจจุบันเอาไว้ให้ดี อย่าพึงประมาทในการดำเนินชีวิตเป็นอันขาด เพราะการเกิดอีกในชาติใหม่ จะพบแต่ความสุขสบาย หรือลำบากทุกข์เข็ญแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่ที่การกระทำในปัจจุบัน จะเป็นตัวบ่งชี้......

ที่มาจาก : หนังสือ "ตายแล้วเกิดใหม่ คนระลึกชาติ" เล่ม 1

รวบรวมและเรียบเรียงโดย : นที ลานโพธิ์

เครดิตแหล่งข้อมูล : sites.google.com


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
รวมข่าวในกระแส คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์