ภูตชนิดนี้มีชื่อว่า "เกรมลิน" ซึ่งถ้าใครเป็นคอภาพยนตร์อาจจะพอคุ้นๆ กับเกรมลินในยุค 80's แต่ความเป็นจริงที่เชื่อกันนั้น เกรมลินจะมีลักษณะคล้ายมนุษย์ทุกประการแต่จะมีขนาดที่เล็กเท่านั้นเอง ชาวยุโรปนั้นเชื่อว่าเกรมลินจะสิงสู่อยู่ในเครื่องมือช่าง ประเภท เลื่อย ค้อน ขวาน เป็นต้น คอยช่วยให้มนุษย์ทำงานช่างได้อย่างสำเร็จลุล่วง จนในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม พวกเขาก็ยังเชื่อว่าที่เบนจามิน แฟรงกลิน สามารถค้นพบกระแสไฟฟ้าก็เป็นเพราะความช่วยเหลือของเกรมลิน ชาวยุโรปจึงค่อนข้างให้ความสำคัญและความเคารพต่อเกรมลินในฐานะเทวดาตัวน้อยที่บันดาลความสำเร็จให้เวลาที่สร้างบ้าน หรือประดิษฐ์อะไรใหม่ๆ
แต่เมื่อเวลาผ่านไปเข้าสู่ยุคที่มนุษย์นั้นมีเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทุ่นแรง มากขึ้น อย่างไขควงไฟฟ้า เลื่อยไฟฟ้า การขอบคุณเกรมลินนั้นจึงค่อยๆ หายไป จนทำให้พวกมันนั้นกลายเป็นสิ่งที่ถูกลืม จากความช่วยเหลือก็เปลี่ยนมาเป็นความแค้นเพื่อเรียกร้องความสนใจ พวกมันจะคอยกลั่นแกล้งมนุษย์ให้เวลาใช้เครื่องมือช่างต้องพบกับความเสียหาย
ผู้คนจึงเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า "เกรมลินเอฟเฟกต์" แน่นอนว่าทุกคนต้องเคยเจอแน่ ไม่ว่าจะเป็นการตอกตะปู ที่เมื่อเหวี่ยงค้อนลงไปที่หัวตะปู แทนที่ค้อนจะสัมผัสกับหัวตะปูกลับกลายเป็นนิ้วของเราซะงั้น หรือการใช้เลื่อยเพื่อเลื่อยสิ่งต่างๆ เกรมลินจะมาแกล้งด้วยการทำให้ใบเลื่อยส่ายไปมาจนรอยที่เราเลื่อยนั้นมันเบี้ยวมันเอียง หรือจะเป็นการทาสีที่จู่ๆ น้ำสีนั้นกระเด็นมาใส่จนเลอะเทอะ
ปรากฎการณ์เกรมลินเอฟเฟกต์นั้นไม่ได้มีแต่เพียงแค่ในเครื่องมือช่างเท่านั้น หากแต่ยังลามมาถึงเครื่องยนต์ หากคุณเจอเรื่องแปลกๆ อย่างเช่น ในยามที่คุณนั้นรีบร้อนแบบสุดๆ แล้วรถดันสตาร์ทไม่ติด ทำการหาสาเหตุอยู่นานก็พบว่าปลั๊กหัวเทียนหลุด หรือจะใช้ไมโครเวฟแต่ทำอย่างไรมันก็ไม่ทำงานและสุดท้ายก็พบว่าไม่ได้เสียบปลั๊ก แต่เรื่องของปรากฏการณ์เกรมลินเอฟเฟกต์ที่โด่งดังที่สุดนั้นเห็นจะเป็นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
นักบินแห่งกองทัพอากาศอังกฤษ ต้องการที่จะนำเครื่องบินขึ้นเพื่ออกกไปทำหน้าที่ แต่ทว่าเครื่องยนต์นั้นดันขัดข้อง จึงไม่สามารถออกบินได้ มีการตรวจเช็คดูภายนอก สภาพเครื่องยนต์ก็ปกติจนต้องทำการรื้อทั้งเครื่องออกมากันยกใหญ่แล้วพบว่าสาเหตุนั่นก็คือน็อตที่ยึดข้อเหวี่ยงเครื่องยนต์นั้นหลวมเพียงตัวเดียวเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นความเดือดร้อนที่มาจากจุดเล็กๆ เพียงจุดเดียว
ซึ่งเรื่องเหล่านี้ถ้ามองในมุมมองของวิทยาศาสตร์อาจจะเห็นว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ฝรั่งที่เชื่อเรื่องนี้ก็จะใช้คำว่า "เกรมลินเอฟเฟกต์" นี่แหละเป็นตัวอธิบายถึงเรื่องซวยๆ ที่เกิดขึ้น พอจะเรียกได้ว่าโทษอะไรไม่ได้ก็โทษภูตมันซะเลย