ลูกสาวนายสิบ!?


ลูกสาวนายสิบ!?

"โรงรถ"


เมื่อไม่นาน เมื่อเดือน สิงหาคม 2549 นี้ มีผู้อาศัยที่ทาวเฮ้าท์ห้องข้างได้ย้ายออกไป จึงทำให้โรงจอดรถของเขาว่างลง ผมเลยทำเรื่องขอโรงจอดรถนั้น ซึ่งที่จอดนั้นปิดทึบด้วยสังกะสีเก่าผุ

มองด้านหลังไม่เห็น และเจ้าของเก่าเก็บของรกรุงรัง ซึ่งทำการสะสางทำความสะอาดและเอาสังกะสีออกเปิดให้โล่งแล้วจะเทพื้นซีเมนต์ ด้านหลังของโรงรถจะเป็นคลองน้ำเล็กๆ


"ผู้หญิงที่หน้าต่าง"


และต่อไปก็เป็นด้านหลังแฟลตนายสิบ 4 ชั้น ห่างจากที่ จอดประมาณ 30 เมตร ตอนที่ผมกำลังซ่อมคานไม้หลังคาอยู่นั้น ผมก็มองไปเห็นผู้หญิงคนนึง หน้าตาสวยน่ารัก

ซึ่งยืนมองผมอยู่หลังกระจกหน้าต่างห้องพัก ชั้นที่ 2 ข้างในห้องปิดไฟมืด แต่ด้วยแสงจากข้างนอกทำให้มองเห็นเธอ ผมก็มองเธออยู่นานแล้วก็ทำงานต่อ พอหันมามองทีไรก็เห็นเธอทุกครั้ง


"งานเลี้ยง"


ด้วยนิสัยเจ้าชู้ของผู้ชายก็แอบยิ้มให้เธอ เธอก็ยิ้มตอบ เลยคิดว่าคงเป็นญาติของนายสิบที่นั้นซึ่งคงมาอยู่ใหม่ เพราะไม่เคยเห็นหน้าเลย พอผมมาจอดรถทีไร มองขึ้นไปมักจะเจอทุกครั้ง

และเธอก็ยิ้มให้ผมตลอด เป็นอยู่อย่างนี้มา 3 เดือน จนมาถึงตอนสิ้นเดือน พ.ย.2549 นี้ ผมได้มีโอกาสไปงานเลี้ยงวันเกิดจ่าคนนึงที่รู้จักกัน เป็นรุ่นพี่ ซึ่งอยู่ติดกับห้องของผู้หญิงคนนั้น


"ไม่มี"


งานเลี้ยงผ่านไปประมาณ 5 ทุ่มจึงนึกขึ้นได้ผมจึงถามจ่าคนนั้นถึงผู้หญิงสวยห้องข้างว่าเป็นใคร จ่ารุ่นพี่ได้รับฟังก็ตกใจบอกว่าไม่มีผู้หญิงสวยน่ารักอะไรทั้งนั้น ผมก็ยังยืนยันว่ามีผู้หญิงคนนี้จริง

เมื่อไม่นานเธอยังยิ่มให้ผมแทบทุกวันเลย จ่ารุ่นพี่ก็บอกเป็นไปไม่ได้ ห้องที่ว่าเป็นห้องพักของจ่าคนนึงที่ใกล้เกษียณแล้วอยู่กับแฟนสองคนเท่านั้น ไม่มีหญิงสวยน่ารักหรอก


"รูปที่ฝาห้อง"


ไม่เชื่อจะพาไปหาเจ้าของห้องเดี๋ยวนี้เลย เพื่อความกระจ่างผมก็ตกลงไปและเพื่อนๆ ที่นั่งวงด้วยไปกัน 3-4 คน พอเคาะประตูก็เจอแฟนของจ่าคนนั้น บอกว่าแฟนเขาไม่อยู่มีธุระอะไรหรือเปล่า

จ่ารุ่นพี่ก็เล่าให้ฟังถึงหญิงหน้าตาสวยที่เคยอยู่ในห้องนี้ได้ยิ้มให้ผม พอได้ยินอย่างนั้นแฟนจ่าเจ้าของห้องก็เงียบตะลึง แล้วก็ร้องไห้น้ำตาครอนิดๆ บอกให้ผมและจ่ารุ่นพี่ดูรูปที่ติดฝาผนังว่าใช่คนนี้ไหม


"ตายแล้ว"


รูปที่เห็นก็คือผู้หญิงคนนั้นจริงๆ ผมก็บอกว่าใช้ เขาก็บอกว่าฟังให้ดีๆ ผู้หญิงคนนี้คือลูกสาวของแกซึ่งตายไปเมื่อปี 2543 ก่อนผมมาอยู่ได้ปีนึงแล้ว ตายเพราะท้องได้ 2 เดือน

แล้วแฟนทิ้งจึงผูกคอตายในห้องนั้นแหละผมได้ยินดังนั้นแทบช๊อค ความรู้สึกก็คืออาการช๊อกขนลุกตั้งแต่เท้าไล่มาจนเส้นผม ขาผมอ่อนไม่มีแรงนั่งพับลงไปไม่รู้ตัว


"ไม่กล้ามองอีกเลย"


ส่วนแม่ของหญิงคนนั้นถึงร้องไห้ขึ้นมา ร้องให้ลูกไปสู่สุคติไม่ต้องห่วงพ่อและแม่ แล้วผมก็ถูกพยุงกลับบ้าน หลังจากนั้นผมก็ป่วยเป็นไข้ 2 - 3 วัน เวลาเดินไปขับรถออกจากโรงจอดทีไร

ผมไม่กล้าเลยซักนิดที่จะหันขึ้นไปมองห้องนั้นที่ชั้นสอง ได้แต่รีบขึ้นรถแล้วขับออกไป ทุกวันนี้อาการกลัวนั้นผมก็ยังคงอยู่



ลูกสาวนายสิบ!?

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์