คนหรือผี?


คนหรือผี?

"เหยี่ยวชรา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกในอดีตและปัจจุบัน


ผมเคยเป็นนักข่าวสายอาชญากรรมมาก่อน ปัจจุบันนี้ต้องเรียกตามสำนวนเก่าๆ ว่า "อดีตเหยี่ยวข่าว" คู่กับ "กระจอกข่าว"

จนมีคนปากเสียชอบแซวว่าไม่มีใครเป็น "อีแร้งข่าวมั่งเหรอ?"

แน่ใจนะว่าเอาปากพูด? ฮั่นแน่! ผมยังใช้ภาษาวัยรุ่นได้การนะครับ



พูดถึงเรื่องขนหัวลุกมีนับไม่ถ้วน


แต่ถ้าจะเจาะจงเอาเรื่องที่เกี่ยวกับผีๆ สางๆ ประเภท "ผีหลอก-วิญญาณหลอน" นี่ก็มีเป็นกระบุงเหมือนกัน

ทั้งฟังพวกเพื่อนๆ นักข่าวเล่า กับทั้งเคยเจอะเจอมาด้วยตัวเอง

เอาเรื่องที่เพื่อนฝูงเล่าไปขนลุกไปซะก่อน!



น้าหวิงเป็นนักข่าวรุ่นพี่


ประสบการณ์ระดับเหยี่ยวถลาลมเชียวละครับ วันหนึ่งก็ไปทำข่าวที่โรงพยาบาลกลาง เหยื่อที่ถูกยิงปางตายนอนรักษาตัวอยู่ที่นั่น

มีญาติๆ เฝ้าเพียบ ไม่ยอมให้นักข่าวและช่างภาพเข้าไป "เจาะภาพเด็ด" ในห้องกว้างขวางของคนไข้สามัญได้อย่างเด็ดขาด



พวกเราก็ได้แต่ยืนออกันอยู่หน้าห้อง


อยากสัมภาษณ์นิดๆ หน่อยๆ ว่า สงสัยใคร? เห็นหน้ามือปืนชัดหรือเปล่า? ถ้าได้ภาพประกอบด้วยก็ยิ่งดี

เพราะหนังสือพิมพ์ที่มีข่าวเจ๋งๆ แต่ถ้าขาดภาพประกอบข่าวด้วยก็เหมือนต้มยำลืมใส่น้ำปลานั่นแหละครับ



ในที่สุดญาติคนเจ็บก็ยอมให้นักข่าวเข้าไปได้


แต่ห้ามถ่ายรูป ไม่รู้ว่าอายกล้อง หรือกลัวรูปตอนนอนเจ็บหนักน่ะออกมาจะไม่หล่อเหมือนตัวจริงกันแน่

น้าหวิงถือว่ารุ่นใหม่ไฟแรงนี่ครับ ทั้งทำข่าวทั้งเป็นช่างภาพเบ็ดเสร็จ ควักกล้องขึ้นมาก็โดนห้ามทันใด น้าหวิงไม่ว่าอะไร



แต่เดินเร่ออกไปตั้งระยะภาพมุมอื่น


ที่คิดว่าเหมาะเจาะได้การ...หันขวับไปอีกทีก็กดชัตเตอร์เรียบร้อย

เผ่นอ้าวออกจากโรงพยาบาลกลาง มุ่งหน้ากลับโรงพิมพ์

คนเจ็บตายคืนนั้นเอง...ตกดึกก็มาหาน้าหวิงถึงหน้าต่างห้องนอนทันที!



"ถ่ายรูปกูทำไม? กูไม่ชอบให้ใครถ่ายรูปกู..."


เสียงหมาเห่าหอนกับเสียงแหบโหยนั่นปลุกน้าหวิงให้สะดุ้งตื่น มองเห็นภาพที่หน้าต่างหัวนอนแล้วแทบหัวใจล่มสลาย

เพราะจำได้ว่าเป็นใบหน้าคนเจ็บที่ตัวเองถ่ายรูปได้เพียงคนเดียว...ปรากฏแต่ใบหน้าดำมะเมื่อมบิดเบี้ยวเหยเกน่าขนหัวลุก



น้าหวิงต้องคว้าสร้อยคอและพระเครื่องมาจบเหนือหัว


แล้วอาราธนาคุณพระรัตนตรัยให้ช่วยคุ้มครอง ภาพนั้นจึงค่อยๆ เลือนรางจางหายไป

รุ่งขึ้นภาพถ่ายของน้าหวิงลงหน้าหนึ่ง มีแต่ญาติๆ ยืนอยู่ข้างเตียงว่างเปล่าไม่ปรากฏร่างคนเจ็บเลย นอกจากเงาจางๆ เหมือนภาพถ่ายที่ติดวิญญาณเท่านั้นเอง!



ประสบการณ์ของผมก็ไม่น้อยหน้ากว่าน้าหวิงเท่าไรนัก


ตอนนั้นผมเพิ่งเป็นกระจอกข่าว ติดตามรุ่นพี่เขาไปทำข่าวฆาตกรรมหมกศพไว้ในสวนร้างแถวบางชัน

เป็นศพผู้หญิงนิรนามที่ถูกฆ่าหมกในร่องสวนฝรั่งไว้ราวหนึ่งเดือนแล้ว ผมสยายอยู่ในน้ำปนกับจอกแหน



เนื้อหนังหลุดล่อนแทบจะเหลือแต่ซาก


ขนาดพวกป่อเต็กตึ๊งที่ว่าเคยเจอศพมาสารพัดรูปแบบยังเบือนหน้าหนีก็แล้วกัน

นักข่าวเข้ารุมล้อมตำรวจ บ้างก็สอบถามชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงที่มามุงดู เจ้าของสวนบอกปลงๆ

ว่าคงกินฝรั่งสวนนี้ไม่ได้แล้วเพราะมันดูดกลิ่นศพไว้ ผมถอยออกมาเหยียบอะไรลื่นๆ จนเสียหลักหวิดหงายหลัง ดีแต่มีเพื่อนนักข่าวช่วยคว้าไว้ทัน



นาฬิกาเรือนเหล็กของผู้ตายครับ!


และนั่นคือหลักฐานสำคัญที่ทำให้รู้ว่าผู้ตายเป็นใคร?

คืนนั้นเอง...ผมกำลังเคลิ้มๆ ก็พอดีได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นคร่ำครวญมาจากหน้าบ้านที่มีต้นมะม่วงร่มครึ้ม

ต่อมาก็กลายเป็นเสียงร้องไห้กระซิกๆ จนผมอดรนทนไม่ไหว ต้องลุกออกไปเปิดหน้าต่างดู



คุณพระช่วย! ท่ามกลางแสงจันทร์ขาวนวล


มีร่างของผู้หญิงสาวคนหนึ่งกำลังเงยหน้าขึ้นมองผม ตาต่อตาสบกัน...แน่ใจว่ามีน้ำตาไหลรินลงมา

ตามร่องแก้มเป็นทางยาวขณะแว่วเสียงพึมพำ...ขอบคุณที่ช่วยฉัน...ขอบคุณจริงๆ ค่ะ...



และแล้วร่างนั้นก็ค่อยๆ เลือนรางจางหายไปในแสงจันทร์!


เพราะนาฬิกาเรือนนั้นเองที่ทำให้ตำรวจรู้ตัวผู้ตาย และสืบสวนจนได้ความว่าฆาตกรคือคนรักที่ลวงมาฆ่าเพราะความหึงหวง คิดว่าผู้ตายจะปันใจให้ชายอื่น

โธ่! ไม่ต้องมาขอบอกขอบใจก็ได้ เดี๋ยวผมก็พลอยหัวใจวายไปอีกคน!

ปีนั้นเอง จตุพล ภูอภิรมย์ พระเอกหนังสุดหล่อก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ พวกเราไปคอยทำข่าวเป็นโขยง...



เมื่อเคลื่อนศพมาถึงคุณแม่


ของผู้ตายที่นั่งรออยู่ก็น้ำตาไหลพราก ทำท่าคล้ายจะเป็นลม...เพื่อนนักข่าวหญิง สมมติว่าชื่อจ๋า ก็เข้าไปถามว่า

"ที่คุณจตุพลเสียชีวิตอย่างกะทันหันแบบนี้คุณแม่รู้สึกยังไงมั่งคะ?"

ไม่มีคำตอบจากสวรรค์! ผมดึงแขนจ๋าออกมา...จะบ้าเรอะ ถามงั้นได้ไง?



จนผมอำลาอาชีพนักข่าวมาประกอบธุรกิจส่วนตัว


เวลาดูข่าวก็มักเจอะเจอคำถามมหกรรมทำนองนี้บ่อยๆ คราวคนชั่ววางระเบิดที่สนามบินหาดใหญ่ก็เช่นกัน...

นักข่าวถามสุภาพสตรีผู้สามีเพิ่งตายหยกๆ ลูกชายบาดเจ็บอาการสาหัสว่า..รู้สึกอย่างไรคะ?



คิดว่าทำใจได้แล้วนะครับ


แต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคมนี้เอง ผมดูข่าวเที่ยงทางทีวีช่อง 5 มีนักข่าวสาวจีบปากถามด.ช.ดับดุลเลาะห์

ผู้พิการมือเท้าด้วนมาแต่กำเนิดโดนกลุ่มคนชั่วที่ 3 จังหวัดภาคใต้เผาโรงเรียน รวมทั้งเก้าอี้รถเข็นที่สมเด็จพระเทพฯ พระราชทานให้ พลอยโดนเผาวอดวายไปด้วย



"ไม่ทราบว่าที่โดนเผาโรงเรียน


และรถเข็นวอดวายหมดแบบนี้ น้องอับดุลเลาะห์รู้สึกอย่างไรบ้างคะ?"

ผมรีบกดรีโมตเปลี่ยนช่อง ขนหัวลุกยิ่งกว่าโดนผีหลอกอีกครับ!



แหล่งที่มา:


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์