ผีห่วงเพื่อน
"หลานต้อง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากหอพักรังสิต
นิชาเป็นผู้หญิงเงียบๆ ใบหน้าเรียบเฉย ไม่ค่อยมองสบตาคน ใครๆ ชอบเรียกเธอลับหลังว่า "กระสือ"
เธอไม่คบกับใคร และก็ไม่มีใครอยากคบกับเธอ ยกเว้นดิฉันซึ่งมาเป็นผู้เช่าหอพักเดียวกัน แถมห้องเราติดกันด้วยค่ะ
ดิฉันยังจำได้ถึงครั้งที่ได้สบตากับนิชาในเช้าวันหนึ่ง
เราเปิดประตูห้องออกมาพร้อมกัน ดังนั้น จึงเป็นธรรมดาที่เราจะเงยหน้ามองกันและกัน
นิชายิ้มให้นิดนึง ดิฉันยิ้มตอบและทักทาย เธออยู่ปีสามมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแถวรังสิต ส่วนดิฉันอยู่ปีสอง
มหาวิทยาลัยที่ไม่ไกลจากที่เรียนของเธอนัก
อาจเป็นอย่างนี้ก็ได้ค่ะที่ทำให้เรารู้สึกสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนโลกนี้จะมีดิฉันคนเดียวเท่านั้นที่เธอเสวนาด้วย!
เรื่องของนิชาน่าสงสารมากค่ะ แม่กับน้องของเธอเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อนด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำ เหลือเพียงนิชากับพ่อที่เศร้าโศกแสนสาหัส...
แต่ภายในปีนั้นเอง พ่อก็แต่งงานใหม่กับเพื่อนร่วมงาน
และมีลูกชายด้วยกันในเวลาอันรวดเร็ว
ดิฉันคิดว่านิชาเริ่มเปลี่ยนจากเด็กสาวผู้ร่าเริง กลายเป็นเศร้าซึมไปในช่วงสองปีนั่นแหละค่ะ เธอรู้สึกว่าตัวเองเดียวดาย เป็นส่วนเกินในบ้าน...
บ้านที่ตัวเองที่บัดนี้กลายเป็นครอบครัวของพ่อไปแล้ว...ไม่ใช่ครอบครัวของเธออีกต่อไป!
หลังจากน้องชายต่างมารดาถือกำเนิดมา
นิชาก็ย้ายมาเช่าหออยู่แถวรังสิตเพียงลำพัง ตั้งหน้าตั้งตาศึกษาหาความรู้ เธอเรียนเก่งเสียด้วยซีคะ เรียนบริหารธุรกิจ
แต่อยู่มาวันหนึ่งเธอบอกดิฉันว่า ไม่รู้จะเรียนไปทำไม? เพื่อใคร? ดิฉันบอกว่าเพื่อตัวเองซิ เพื่อแม่และน้องบนสวรรค์จะได้ภูมิใจ
นิชาตอบว่า...ถ้าสวรรค์มีจริง เธอก็อยากไปอยู่ที่นั่นกับแม่และน้อง!
ชีวิตในหอพักของเราเรียบง่าย ค่อนข้างจำเจ ดิฉันเสียอีกที่ไปเที่ยวกับเพื่อนฝูง กลับหอตอนมืดๆ ค่ำๆ พอถึงเสาร์-อาทิตย์ก็กลับบ้าน
แต่นิชาไม่ไปไหนเลย เธอขลุกอยู่แต่ในห้อง เปิดไฟสว่างจ้าเกือบตลอดคืน เธอบอกว่านอนไม่ค่อยหลับเลยดูหนังสือดีกว่า...
เธอนอนน้อยมากค่ะ ไม่รู้ร่างกายทนไหวได้ยังไง
วันหนึ่งนิชาไม่กลับมาที่หอ จนดึกดื่นห้องเธอก็ยังมืด ดิฉันรู้เพราะมองจากด้านหลังห้องของเราที่เป็นระเบียง
ถ้าเธอมาก็จะเปิดไฟ แสงไฟจะสาดผ่านหน้าต่างบานเกล็ดมาส่องสว่างที่ระเบียงที่ติดๆ กันจนชัดเลยค่ะ
แต่คืนนั้น พอดิฉันดับไฟนอน ระเบียงก็ยังมืดสนิท!
แม้จะเป็นห่วงแต่ก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก จนกระทั่งวันที่สามผ่านไป คนในหอเริ่มคุยกันว่านิชาหายไหน? นี่แสดงว่าทุกคนสนใจเธออยู่ไม่น้อย
เราได้คำตอบเรื่องการหายตัวไปของนิชาในวันที่สี่ เมื่อคนพบศพเธอในคลองแห่งหนึ่ง เธอแต่งชุดนักศึกษา มีบัตรประจำตัว
และมีจดหมายสั้นๆ เขียนลาตายไปยังพ่อของเธอเอง
ดิฉันใจหาย อยากไปงานศพของเธอก็ไม่รู้อยู่วัดไหน ติดต่อกับพ่อของเธอก็ไม่ได้เพราะไม่รู้จัก ไม่รู้อะไรเลยสักอย่างทั้งเบอร์โทร.และที่อยู่
ที่ร้ายกว่านั้นคือ ไม่มีใครสนใจจะมาเก็บข้าวของเครื่องใช้ของนิชาที่หอพักนี้เลย...เจ้าของหอพักบอกว่าไม่มีใครติดต่อมาแม้แต่คนเดียว
เขาจะเก็บของไว้อย่างนี้ก่อนสักพัก บางทีพ่อหรือญาติๆ
อาจจะยุ่งกับงานศพ เลยไม่มีใครนึกถึงเรื่องนี้ก็ได้
แต่ที่แน่ๆ คือเด็กสาวคนหนึ่งที่อยู่ติดกับห้องพักนิชาด้านโน้น ขอเลิกเช่าย้ายหนีไปแล้ว คงกลัวผี...บอกตรงๆ ว่าดิฉันก็หวาดๆ อยู่เหมือนกัน
ใจหนึ่งคิดว่านิชาเป็นคนดี น่าสงสารมากกว่าน่ากลัว และป่านนี้เธอคงไปอยู่บนสวรรค์กับแม่และน้องสาวสมใจแล้ว
เธอจะมาหลอกหลอนให้บาปกรรมทำไม?
แถมนิชาก็ไม่ได้ฆ่าตัวตายในหอนี้ห้องนี้สักหน่อย เธอไปตายโน่น...ไกลจากที่นี่เป็นกิโลๆ
ดิฉันดำเนินชีวิตตามปกติ กลับมาหอพักก่อนมืด กินข้าวกินปลาเรียบร้อยและพยายามนอนหัวค่ำ ห้ามหูตัวเองไม่ให้ผึ่ง
คอยฟังเสียงแปลกๆ จากห้องข้างๆ ห้องที่ว่างเปล่า...เจ้าของห้องเพิ่งฆ่าตัวตาย!
จะว่าไปแล้วดิฉันก็อยู่ได้ค่ะ ไม่ถึงกับกลัวมากมายอะไร แต่ใจหายพิกลเมื่อคนบนชั้นสามที่มีด้วยกันสิบกว่าห้องค่อยๆ ทยอยออกไปทีละห้องสองห้อง
คืนหนึ่งดิฉันปิดไฟเข้านอน เฮ้อ...เปิดไฟนอนไม่ได้ซะด้วย แสงไฟมันแยงตานอนไม่หลับ ทันใดนั้น ระเบียงหลังห้องก็สว่างจ้าขึ้นมาด้วยแสงนีออน...จากห้องนิชา!
ใจคอหวิวๆ ตัวชาดิกไปหมด ดูนาฬิกาก็ตีสองกว่าแล้ว...ทำไงดีล่ะ?
พักใหญ่ต่อมาไฟก็ดับ ทุกอย่างมืดสนิทแต่ดิฉันนอนไม่หลับ สวดมนต์ผิดๆ ถูกๆ เหงื่อแตกซิก
แต่ก็ฝืนลุกไปปิดหน้าต่าง ขณะปิดก็กลัวแทบขาดใจ...กลัวจะเห็นเธอลอยมาหาน่ะซีคะ!
รุ่งขึ้นดิฉันบอกเจ้าของหอว่าไฟในห้องนิชาเปิด
ใครมาเอาของของเธอหรือคะ? เจ้าของว่าไม่มี ห้องก็ล็อกสนิท ดึกป่านนั้นใครจะมาล่ะ สงสัยสวิตช์จะเสีย
ดิฉันหวาดจนไม่อยากอยู่ แต่ก็ฝืนทน พยายามเชื่อว่าสวิตช์มันไม่ดี แต่คืนต่อมามันก็เป็นอีกจนได้ สองยามกว่าไฟสว่างจ้าซะงั้น!
ห้องข้างๆ เหมือนมีคนอยู่...นิชากลับมาเหรอคะ?
เพียงแค่ผนังบางๆ กั้นไว้ ถ้าเธอเกิดเรียกชื่อดิฉันขึ้นมา...จะเผ่นไปทางไหน?
แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ ดิฉันเพิ่งรู้ว่าชั้นสามทั้งชั้นมีดิฉันอยู่คนเดียวมาสองคืนแล้ว อ้อ! มิน่าล่ะ นิชาถึงกลับมาอยู่เป็นเพื่อน
เป็นอันว่าย้ายค่ะ อยู่ไม่ได้หรอก!
บอกไม่อายเลยว่ากลัวมากที่สุดในชีวิต ดิฉันกลับไปอยู่บ้าน
เดินทางไกลหน่อยก็ช่างเถอะ ตีสี่ต้องตื่นมาขึ้นรถเมล์ก่อนหกโมงเช้าเพื่อทันเรียนแปดโมงก็ยอมดี...ดีกว่าช็อกตายค่ะ!
แหล่งที่มา:
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!