วิญญาณ(ในบ้าน)เฮี้ยน


วิญญาณ(ในบ้าน)เฮี้ยน

"นวลปราง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบ้านผีสิง



ดิฉันกับสามีไม่ใช่คนกลัวผี เราไม่เชื่อเรื่องวิญญาณ แต่เชื่อว่าคนเราตายแล้วก็ดับสูญ

ดังนั้น เราจึงไม่รังเกียจที่ซื้อบ้านหลังหนึ่งแถวรังสิต ไว้เป็นสมบัติของเราเองทั้งๆ ที่รู้ว่าบ้านหลังนี้มีประวัติฆ่ากันตาย



เรามีอยู่ด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูก บ้านที่เราซื้อขนาดกำลังเหมาะเชียวค่ะ


เป็นบ้านสองชั้น สามห้องนอน อยู่บนเนื้อที่สามร้อยตารางวา เมื่อเดินดูรอบๆ แล้วเห็นว่าในอนาคตถ้าเรามีลูกอีก

และอยากต่อบ้านก็ย่อมทำได้สบายๆ แต่ตอนนี้ยังไม่จำเป็น เพราะน้องซัน-ลูกชายคนเล็กเพิ่งจะ 3 ขวบเท่านั้น



เราพ่อแม่ลูกนอนในห้องนอนใหญ่ด้วยกัน!



บ้านนี้ยังมีที่ว่างเหลืออีกเยอะ อ้อ! เราไม่มีคนใช้ด้วยนะคะ มีแต่ป้าเนียน-คนเก่าแก่ของคุณแม่ดิฉัน ที่คุณแม่ส่งให้มาช่วยทำงานบ้าน

ป้าเนียนจะมาแต่เช้าและกลับไปตอนห้าโมงเย็น สัปดาห์ละ 4 วัน แกเคยถามว่าดิฉันอยู่ได้อย่างไรในบ้านน่ากลัวแบบนี้?



ก็ตอบไปว่าไม่เห็นน่ากลัวสักหน่อย บ้านก็ยังใหม่ ดูสดสวยและสว่างไสว



แต่ก็อย่างว่าล่ะค่ะ ถ้าคนรู้ประวัติบ้านนี้ก็จะต้องขนหัวลุก ไม่กล้าอยู่ลำพังคนเดียว แม้แต่เป็นกลางวัน...

ตอนย้ายของเข้ามาใหม่ๆ น่ะ ยังมีรอยเลือดกระเซ็น และหยดไปทั่ว ตั้งแต่ห้องครัวไปยันชั้นบนแน่ะ!



ประวัติของบ้านหลังนี้ก็คือ เจ้าของเก่าเป็นสามีภรรยาที่ยังหนุ่มสาว



อายุเพิ่งจะ 25 เท่านั้นเอง ภรรยากำลังตั้งครรภ์ได้ 4 เดือน เขาและเธอน่าจะมีความสุข

แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่สามีขี้หึง ระแวงว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกเขา แต่เป็นลูกแฟนเก่าภรรยา



เรื่องแค่นี้เอง เขาไล่ฆ่ากันทั่วบ้าน ภรรยาวิ่งหนีแล้วไปตายในห้องนอน...



ก็ห้องที่ดิฉันอยู่กับสามีและลูกนี่ล่ะค่ะ ส่วนสามีเธอฆ่าตัวตายตาม...แทงคอตัวเอง!

คราบเลือดจากการฆาตกรรมครั้งนั้น ญาติๆ ของเขาและเธอพยายามเช็ดล้างเท่าไรก็ไม่หมด จริงอยู่ เขาล้างออกไปได้เยอะ

แต่คราบมันก็ยังเหลือให้เห็นเป็นรอยจางๆ ใครๆ ก็กลัวบ้านหลังนี้กันทั้งนั้น มันต้องเป็นบ้านร้างแน่ๆ



ถ้าเราไม่ผ่านมาเห็นป้ายประกาศขายและติดต่อขอซื้อ


คนขายเขาดีมากค่ะ ไม่ปิดบังเลยว่ามีการฆ่ากันตาย

เขาบอกเราว่าดีใจจริงๆ เมื่อเราตกลงซื้ออย่างง่ายดาย...ก็ราคามันถูกมาก บ้านก็สวย มีสวนดอกไม้ สวนครัว สนามหญ้า จะหาอย่างนี้ได้ง่ายๆ ซะเมื่อไหร่ล่ะคะ?

ตอนซื้อน่ะตลกจะตาย ใครๆ ก็ทำหน้าตาตื่น เขากลัวกันทุกคน ทั้งคุณแม่ดิฉัน คุณแม่สามี เพื่อนบ้านแถวๆ นี้และเพื่อนฝูงของเรา



ต่างก็พยายามให้เราเปลี่ยนใจ เมื่อไม่สำเร็จก็ช่วยกัน


นิมนต์พระมาทำบุญ ทำสังฆทานสารพัด

วันที่เราเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่น่ะ ดิฉันขำจะแย่ บรรยากาศมันเหมือนเราเปิดบ้านผีสิงให้คนมาเที่ยวชมกันเลยค่ะ

ดิฉันไม่กลัวผีเพราะไม่เชื่อว่าผีมีจริง สามีก็เช่นกัน แต่เขาก็เป็นห่วงเพราะอาชีพการงานของเขานั้น บางทีต้องไปต่างจังหวัดครั้งละหลายๆ วัน



จำเป็นต้องทิ้งให้ดิฉันอยู่กับลูกซัน คุณแม่จะให้ป้าเนียนมาอยู่เป็นเพื่อน


แกก็กลัว ดิฉันสงสารแกด้วยค่ะ

และแล้ว คืนหนึ่งก็เกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้นจนได้!

คืนนั้น ดิฉันเข้านอนตอนห้าทุ่ม หลังจากปิดร้าน ล็อกกุญแจประตูเรียบร้อยรวมทั้งตั้งสัญญาณกันขโมยไว้ด้วยเพื่อความปลอดภัย



บ้านทั้งหลังเงียบสงัด ห้องนอนเรามีแอร์ที่เครื่องเดินเงียบมาก


ดิฉันกอดลูกอยู่ใต้ผ้าห่มหนานุ่มและหลับสบาย...เสียงคนทุ่มเถียงกันทำให้ดิฉันรู้สึกตัวตื่นขึ้น

เสียงนั้นดังอยู่ในบ้านนี้เอง! ผู้หญิงร้องไห้ไปพูดไป แต่ฝ่ายชายไม่ค่อยจะยอมฟังเธอ เขาดุดัน กระชากกระชั้น เกรี้ยวกราดน่ากลัว

ดิฉันมึนงงไปหมด ใครมาทะเลาะกันในบ้านเรา?



นั่น! เสียงขว้างของแตกเปรื่องปร่าง ผู้ชายคำราม ผู้หญิงหวีดร้อง



แล้วเธอก็กรีดเสียงอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส ดิฉันตกใจจนจับต้นชนปลายไม่ถูก คว้ามือถือข้างเตียงมาจะโทร.หาตำรวจ

แต่วินาทีนั้นก็มีเสียงวิ่งตึงตังโครมครามไปรอบบ้าน!

คุณพระช่วย! เสียงดังเกินกว่ามนุษย์จะทำได้ มันดังมากจริงๆ นะคะ ดังราวโลกสะเทือน ก้องไปมาในหัวดิฉัน!



เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ดิฉันกลัวจับขั้วหัวใจ พวกเขาวิ่งไล่กันอยู่ข้างนอกนั่น



ฉับพลันก็นึกได้ว่าเขามาตายกันในห้องนี้! ดิฉันคว้าตัวลูกซันเข้ามากอด แกหลับไม่รู้เรื่องเลย...

เป็นไปได้ยังไง เสียงดังปานโลกถล่มขนาดนี้...หรือว่าดิฉันได้ยินคนเดียว?

ดิฉันกอดลูกไว้แนบอก ซักผ้าห่มคลุมปิดหัวหู วินาทีนั้นเอง เสียงประตูห้องนอนก็ถูกกระชากเปิด...เธอวิ่งร้องกรี๊ดๆ



เข้ามาที่เตียง เขาคำรามลั่น ดิฉันรู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่ถาโถมลงข้างๆ



ตัวจนที่นอนยุบยวบ เขาและเธอต่อสู้กัน มีเสียงดังปั้กๆ...เขาแทงเธอไม่ยั้ง แล้วเสียงของเธอก็เปลี่ยนเป็นคร่อกๆ

ก่อนจะถอนใจหนักๆ ยาวนานเป็นลมหายใจสุดท้าย...จากนั้นก็มีเสียงดังสวบ!

แล้วน้ำหนักของชายคนนั้นก็ทรุดฮวบลงมาเช่นกัน เขาดิ้นรน เอามือยันตะกายที่นอนอยู่อึดใจใหญ่ แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็เงียบสนิท



ดิฉันค่อยๆ ลืมตา สั่นสะท้านไปทั้งตัว แข็งใจเอื้อมไปกดสวิตช์ไฟ



ข้างเตียง...ภาพที่เห็นก็คือห้องนอนสะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบ ทุกอย่างเป็นปกติ...นี่ดิฉันฝันไปเองเหรอ...ไม่ใช่แน่!

เมื่อเราย้ายออกจากบ้านนั้น แล้วกลับไปอยู่กับพ่อแม่ ไม่มีใครว่าอะไร ไม่มีใครสมน้ำหน้า...พวกเขาพาเราไปทำบุญ รดน้ำมนต์ ทุกคนเข้าใจเพราะกลัวผี ตอนนี้ดิฉันก็กลัวค่ะ กลัวจนขึ้นสมองเลย จะบอกให้!




แหล่งที่มา:


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์