รถเมล์คันสุดท้าย....


รถเมล์คันสุดท้าย....

"ภัท" เล่าเรื่องสยองขวัญจากบนรถเมลล์



ผมยืนรอรถเมล์กลับบ้านอยู่แถวๆ สามเสน วันนี้กลับดึกกว่าทุกวันเพราะที่มหา"ลัย

มีงานกลุ่มนิดหน่อย เพื่อนๆ ผมแยกย้ายกลับไปหมดแล้ว เลยต้องกลับคนเดียว

แสงเสาไฟฟ้าสีส้มสลัวๆ ตกเป็นเงาสะท้อนที่ถนน ผมมองดูรถเมล์คันแล้วคันเล่าวิ่งผ่านไป คันที่ต้องการก็ยังไม่โผล่มาซักที



ไม่รู้ว่ารถสายนี้เที่ยวสุดท้ายหมดกี่ทุ่ม หรือตีอะไร



แต่จำได้นี่นาว่าดึกกว่านี้ก็ยังมีรถอยู่เลย ยืนจนขาเป็นเหน็บ รถก็ยังไม่ซักที จนกระทั่งผมควักกระเป๋านับตังค์เตรียมจะโบกแท็กซี่น่ะแหละ

รถเมล์สายนั้นถึงค่อยๆโผล่มาจากความมืดของสุดขอบถนน...

ผมโบกสุดแขน รถเมล์คันสีขาวน้ำเงินค่อยๆ เทียบฟุตปาธ ผมก้าวขึ้นไปทันที...รู้สึกถึงไอเย็นแปลกๆ มีกลิ่นเหม็นอับคลุ้งไปทั่วรถ ไฟบนรถก็เป็นสีส้มสลัว



ผมเดินไปหย่อนก้นลงบนที่นั่งเดี่ยวริมหน้าต่าง



สังเกตรอบๆ ตัว...มีผู้โดยสารแค่ไม่กี่คน

ปกติคนจะเยอะกว่านี้มากถ้าเป็นเที่ยวดึก แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร สักพักพนักงานเก็บสตางค์ก็เดินมาทางผม ผมจ่ายเงินป้าแกไป แต่สังเกตว่ามีอะไรแปลกๆ ก็ไม่รู้

ช่างเถอะ...อย่าไปสนใจมันดีกว่า ปวดหัวเปล่าๆ



รถเมล์แล่นไปตามท้องถนนอันมืดมิด ผมเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย



แต่แป๊บเดียวก็งัวเงียตื่นขึ้นมา วิวข้างทางดูไม่ค่อยคุ้นตาเอาซะเลย มันเหมือนแล่นเข้าไปในป่าลึก มีหมอกหนา ราวกับรถไม่ได้วิ่งไปตามถนนปกติอย่างงั้นแหละ

หัวใจผมเต้นโครมครามด้วยความตื่นเต้นระคนหวั่นกลัว เมื่อมองผ่านหน้าต่างรถไป...แน่ใจว่าภาพวิวทิวทัศน์ข้างนอกที่เห็นน่ะมันไม่ใช่ทางกลับบ้านผมนี่นา



ให้ตายเถอะ! มันเป็นป่าเปลี่ยวชัดๆ มีเงาคนเดินไปมา



ผมชะโงกหน้าออกไปดู...บนถนนไม่มีรถเลยซักคัน มันต้องมีอะไรไม่ดีแน่ ว่าแต่มันคืออะไรล่ะ?

ผมหันซ้ายหันขวาไปดูผู้โดยสาร พวกเค้าก็ยังคงนั่งกันเฉย เหม่อมองออกไปนอกรถตามปกติ ที่หน้ารถคนขับก็ยังคงขับไปเรื่อยๆ



คุณป้ากระเป๋ารถก็นั่งข้างหน้าคู่กับคนขับราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น



แวบนึงผมคิดว่าตัวเองนั่งรถเมล์ผิดสายแน่นอน!

นั่งออกมาต่างจังหวัดหรือเปล่า แต่มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะจากใจกลางเมืองและระยะเวลาเดินทางเท่านี้บวกกับเวลาที่ผมหลับไปไม่ถึง 10 นาที

ไม่มีทางที่รถจะออกนอกกรุงเทพฯ มาเจอวิวทิวทัศน์แบบนี้ได้แน่



ผมลุกขึ้นยืนจะไปถามคนขับว่ามันเกิดอะไรขึ้น และแล้ว...รถก็ค่อยๆ



จอด ผมนั่งอยู่ที่เดิมด้วยความมึนงงสุดขีด

ในที่สุด รถจอดนิ่งสนิท หมอกควันที่มีกลิ่นเหม็นเน่าสุดจะทนลอยเข้ามาตามหน้าต่าง

ทำให้ทั้งรถสยองขวัญคันนั้นมีแต่กลิ่นและบรรยากาศน่าคลื่นเหียน...น่าขนลุกขนพองที่สุด



ทันใดนั้น ไม่ทันที่ผมจะตั้งสติคิดหาทางทำอะไรต่อ



เสียงโอดโอยด้วยความเจ็บปวดค่อยๆ ดังขึ้นมาจากเบื้องหลัง มันคือเสียงของผู้คนที่กำลังร้องด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส

เสียงร้องไห้ทั้งผู้หญิงผู้ชาย เด็กเล็กคนแก่ ร้องตะโกนด้วยความทรมานดังระงมไปหมดจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์



"โอ๊ย! เจ็บเหลือเกิน..."



"ช่วยด้วยๆ ตายแล้ว! โอย..."

เสียงร้องร่ำคร่ำครวญน่าสยดสยองดังระงมอยู่รอบตัว กลิ่นเลือดเหม็นคาวคละคลุ้งน่าคลื่นไส้ ผมค่อยๆ

หันหน้าไปข้างหลังด้วยความหวาดกลัวสุดขีด ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าคือผู้โดยสารประมาณ 20 คน นอนระเกะระกะอยู่ตามพื้นรถเมล์!



กลิ่นคาวเลือดฟุ้งไปทั่ว บางคนกำลังนอนเอามือกำไส้



ที่ทะลักออกมาจากช่องท้องตัวเองด้วยความเจ็บปวด บางคนนอนดิ้น มีเศษเหล็กปักอยู่เบ้าตา เลือดสดๆ พุ่งกระฉูด!!!

คนหลายคนคอหัก แขนขาหัก ซี่โครงทิ่มออกมานอกเนื้อจนร่างกายบิดเบี้ยวจนดูไม่เป็นมนุษย์



เด็กคนนึงนอนพิงเก้าอี้เห็นหัวกะโหลกที่แตกร้าว



สมองไหลออกมากองที่พื้น ผู้ชายคนนึงมีสภาพหัวที่บี้แบน ไม่ต่างอะไรจากดินน้ำมันเวลาถูกทุบ พวกเค้าร้องระงมด้วยความทรมานอย่างที่สุด!!

กลิ่นธูปลอยมาเตะจมูกผม เหมือนพวกเค้าจะรู้ว่าผมมองอยู่ เสียงร้องครวญครางและเสียงโอดโอยทั้งหมดหายเงียบไปในพริบตา



คนพวกนั้นหันมามองผม ก่อนจะค่อยๆ จางหายไปกับสายหมอกที่ลอยเข้ามาในรถ!



"เฮ้ยยย...เฮ้ยยยย...ตื่น!"

เสียงผู้ชายแว่วอยู่ในหู รู้สึกร่างกายโดนเขย่าแรงๆ เมื่อผมค่อยๆ งัวเงียลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่หน้าป้ายรถเมล์ มีตำรวจนายนึงประคองผมอยู่ ข้างๆ

มีไทยมุงราว 5-6 คนยืนดูด้วยความสนใจ



ผมยังอยู่ที่เดิม...เมื่อกี้คือความฝันหรือนี่



ผมไม่ได้ขึ้นรถเมล์คันนั้นไปหรอกเหรอ แล้วภาพเมื่อกี้คืออะไรกันแน่?

หลังจากเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้นายตำรวจคนนั้นฟัง ว่าผมขึ้นรถเมล์ไปแล้วก็เห็นคนหลายคนกำลังจะตายไส้ทะลักเลือดไหลนอง...



ตำรวจกับคนที่มุงดูผมมองหน้ากัน เค้าบอกว่าเห็นผมยืนรอรถอยู่แล้ว



จู่ๆ ก็เป็นลมล้มพับไปเฉยๆ...แต่ที่แปลกก็คือ เค้าถามผมว่ารู้ได้ยังไงว่าก่อนที่ผมจะเป็นลมไปน่ะ

มีรถโดยสารคันนึงแล่นผ่านผมไปแล้วไปพลิกคว่ำตรงสี่แยกข้างหน้านี่เอง ผู้โดยสาร และคนขับ กระเป๋าผู้หญิงเสียชีวิตเกือบทั้งหมด...!!!

หลังคืนนั้นวันรุ่งขึ้นผมก็ไปวัดเพื่อทำบุญให้กับดวงวิญญาณทั้งหมดที่เสียชีวิตอย่างทรมานตรงนั้น และสัญญากับตัวเองไว้ว่า จะไม่นั่งรถเมล์เที่ยวดึกอีกเลย




แหล่งที่มา:


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์