ปรโลก


ปรโลก

"หลานชาย" เล่าประสบการณ์หลังวันลอยอังคาร



ผมเป็นวัยรุ่นที่เหมือนกับวัยรุ่นทั่วๆ ไป นั่นคือไม่ค่อยจะสนใจใครนอกจากตัวเองและเพื่อน

เรามีโลกของเราเอง พวกญาติพี่น้องนั้นเหมือนอยู่คนละโลก ผมจึงไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ เมื่อพ่อมาบอกว่าคุณย่าไม่สบาย



เปล่า...ไม่ใช่เพราะความเย็นชา



แต่เพราะรู้ว่าคุณย่ามีคนดูแลอยู่อย่างดีแล้ว ผมจึงไม่กระตือรือร้นที่จะไปเยี่ยมท่าน กว่าจะรู้ตัวอีกทีว่าเวลาระหว่างเราเหลือน้อยเต็มทน...ทุกอย่างก็สายเกินไป

คุณย่าเป็นผู้สูงอายุที่น่ารักมาก ท่านใจดี ไม่จู้จี้ขี้บ่น ผมรู้ว่าท่านรักหลานๆ มาก ตอนเล็กๆ ผมสนิทกับท่าน เคยไปนอนค้างบ้านคุณย่าเป็นประจำ



อย่าเอ็ดไปนะครับ ผมจะกระซิบบอกคุณว่า



ย่าผมน่ะขี้เหนียวน่าดู แต่สำหรับหลานคนนี้ อยากได้อะไรก็เอ่ยออกมา สิ่งที่อยากได้จะลอยมาหาเหมือนเนรมิต!

แหม...ผมอาจจะพูดเว่อร์ไปหน่อย ขอยกตัวอย่างนะครับ

คุณย่าชอบค่อนขอดคนที่ชอบกินอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ด ว่ามันแพงก็แพงแล้วยังไม่ค่อยมีประโยชน์ สู้น้ำพริกปลาทูก็ไม่ได้ เทียบกันไม่ติดเลย...



แต่วันนั้นน่ะ ตอนผมอายุ 7-8 ขวบ ไปนอนบ้านคุณย่า



ผมไม่ยอมกินน้ำพริกปลาทูกับแกงส้ม เอาแต่ร้องอ้อนจะกินพิซซ่า...เชื่อไหมครับ ผมน่ะถึงจะเป็นเด็กก็แสบน่าดู

ผมรู้ว่าคุณย่าไม่มีวันซื้อพิซซ่าให้ผมกินแน่...แกล้งอ้อนไปงั้น นึกซะว่าลองของ

ที่ไหนได้ ครึ่งชั่วโมงต่อมา เสียงออดดังติ๊งต่องๆ เขามาส่งพิซซ่าครับ!



ผมรักคุณย่า แต่ความที่เป็นเด็กผมไม่รู้ตัวหรอก



ความรักมันซึมลึกไงครับ! แฮ่ะๆ คนใกล้ชิดกันมากๆ ก็แบบนี้แหละ ไม่ถึงเวลาจากกันก็ไม่รู้จริงๆ

ความใกล้ชิดระหว่างผมกับคุณย่าห่างไปเรื่อยๆ ตามจำนวนปีของอายุผม...พอขึ้นมัธยมผมก็ติดเพื่อนเป็นตังเม เราดูหนังสือด้วยกัน



ทำรายงานส่งอาจารย์กัน ซ้อมดนตรีด้วยกัน...



ผมไม่ได้ไปหาคุณย่าเลย บางทีเป็นปีแน่ะ

ผมสนุกกับเพื่อนๆ จนลืมเวลาไงครับ!

และแล้ว วันหนึ่งพ่อก็บอกว่าคุณย่าไม่สบายนะ! แหม...ไม่ตื่นเต้นหรอก คุณย่าผมออกแข็งแรง แม้อายุจะแปดสิบแล้วก็ตาม ไม่เคยเห็นท่านเจ็บป่วยเป็นอะไรมากเลย



ที่ไหนได้ เพียงสามเดือนต่อมา คุณย่าก็เข้าโรงพยาบาลได้ราวสิบวัน



พ่อบอกอย่างน้อยใจให้ผมไปเยี่ยมคุณย่าบ้างเถอะ ท่านแย่แล้ว! คราวนี้ผมใจหาย...เออนะ! เราน่าจะไปหาท่านบ้าง

วันที่ผมไปเยี่ยมเป็นสามวันสุดท้ายที่ท่านมีชีวิตอยู่ คุณย่าจำใครไม่ได้ สติท่านเลือนหาย เดี๋ยวๆ ก็กลับมาใหม่



ทั้งสามวันนั้นผมไปเยี่ยมท่าน ใจหายอย่างบอกไม่ถูก



วันสุดท้าย ท่านจำผมแทบไม่ได้ คุณย่าดูเหมือนเด็กมากๆ ในความรู้สึกของผม ท่านนอนลืมตา

มองหน้าผมอย่างไม่รู้จัก แต่พอผมพูดด้วยท่านก็ยิ้ม...เป็นยิ้มที่แสนบริสุทธิ์นัก!

ผมบอกว่า "ย่าหายเร็วๆ นะ แล้วเราไปเที่ยวด้วยกัน" ท่านยิ้ม พยักหน้าเหมือนเด็กที่ดีใจเมื่อมีคนชวนไปเที่ยว



งานศพคุณย่าผ่านไปอย่างเรียบร้อย สมเกียรติ...



วันรุ่งขึ้นจากวันเผา ผมกับพ่อแม่และน้องไปสมทบกับคุณป้าและญาติๆ เพื่อแปรอัฐิ

จากนั้นเราก็นำเถ้ากระดูกท่านไปลอยอังคารในคุ้งน้ำเจ้าพระยา บริเวณที่สวยงามและดูสงบเย็นที่สุด



ผมไม่เคยมาที่นี่ พอมาเห็นก็ชื่นใจและดีใจมาก



ที่คุณย่าได้มาอยู่ในที่สงบงาม ผมพูดกับอัฐิของท่านว่า...นี่ไง เรามาเที่ยวกันแล้ว!

ผมอุ้มกล่องอัฐิลงเรือ มันค่อนข้างทุลักทุเลหน่อย แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี

สามวันต่อมา ผมเข้านอนราวๆ ตีสอง ขณะใกล้จะเคลิ้มหลับ อยู่ดีๆ ผมก็เห็นภาพวันที่เราไปลอยอังคารอย่างชัดเจนราวกับดูหนัง...



มันเหมือนฝัน แต่ผมยังไม่ได้หลับสนิท ผมไม่ฝืน...



แต่ปล่อยให้ภาพนั้นฉายชัดหลังเปลือกตา

เอ...เราไปกับใครบ้างนะ? อ้อ...ผม พ่อ แม่ น้อง คุณป้าสองท่าน คนรับใช้คนสนิทของคุณป้าอีกสองคน

ในภาพแห่งความทรงจำ ผมกำลังก้าวออกจากท่าและวางเท้าลงบนกราบเรือเพื่อลงเรือ แล้วผมก็เห็นตัวเองหันไปส่งมือให้...คุณย่า!



ท่านอยู่ในชุดกระโปรงสีน้ำตาล ถือกระเป๋าย่านลิเภาใบโปรด



ท่าทางสดชื่นแข็งแรง ผมพยุงท่านลงเรือ แล้วเราก็ลอยลำไปกลางแม่น้ำที่สงบและงดงาม

รุ่งเช้า ผมไม่ได้คิดอะไรมากถึงสิ่งที่เห็นก่อนหลับ แต่แล้วก็มีโทรศัพท์เข้ามา ผมเป็นคนรับสายเอง...พี่อมรนั่นเอง คนสนิทของคุณย่าครับ



พี่อมรเล่าอย่างตื่นเต้นว่า เมื่อคืนฝันเห็นพวกเราวันที่ไปลอยอังคาร



แต่มีคุณย่าไปกับเราด้วย ท่านนุ่งกระโปรงสีน้ำตาล ถือกระเป๋าย่านลิเภา...ผมเป็นคนพยุงท่านลงเรือ

อะไรกันนี่! พี่อมรกับผมเห็นภาพตรงกันได้อย่างไร

ตอนแรกผมคิดว่าผมนึกไปเอง จินตนาการไปตามอารมณ์ แต่นี่มันไม่ใช่

แล้ว...ผมเชื่อว่าวิญญาณมีจริง คุณย่ามาแสดงให้เห็นว่าท่านไปสู่สุคติอย่างสงบ

สุข...และความรักของท่านไม่มีวันตายครับ!




แหล่งที่มา:


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์