บ้านผีสิง


บ้านผีสิง

"ปริศนา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบ้านสยองขวัญ



สามีดิฉันเป็นข้าราชการ บ้านของเราจริงๆ แล้วอยู่ต่างจังหวัด แต่เมื่อสามีต้องมารับตำแหน่งในกรุงเทพฯ

ดิฉันก็ต้องย้ายตามเขามาอยู่ที่นี่...ดีเหมือนกันค่ะ ลูกๆของเราได้มาด้วย ไม่ได้ทิ้งให้คุณปู่คุณย่าเลี้ยงทางโน้น



ลูกสาวอยู่ ป.1 ลูกชายเพิ่งเข้าอนุบาล หาโรงเรียนไม่ยากหรอกค่ะ



บ้านเช่าก็หาง่าย ราคาถูก...เข้าสูตรบ้านผีสิงมั้ยล่ะคะ?

ดิฉันไม่ค่อยเชื่อเรื่องผี เลยไม่ได้คิดวิตกกังวลอะไร เมื่อเราได้เช่าบ้านอยู่แถวงามวงศ์วาน

ใกล้ที่ทำงานสามี เป็นบ้านสีฟ้าสองชั้นไม่ใหญ่นัก มีสนามหญ้าเล็กๆ ข้างหลังก็ปลูกผักสวนครัว



ตอนเข้ามาใหม่ๆ เพื่อนบ้านมองเราแปลกๆ



รวมทั้งคนขายของชำกลางซอยด้วย เขาถามว่าอยู่สบายมั้ยครับ? ดิฉันสงสัยตงิดๆ

บอกแล้วไงคะว่าเข้าสูตรบ้านผีสิงทุกประการ ถึงอย่างไรดิฉันก็ตอบว่าสบายดีมากๆ แล้วถามแบบไม่ให้เขาตั้งตัวคิดติดว่า...ผีดุหรือคะ?



เล่นเอาได้เห็นยิ้มเจื่อนๆ เป็นคำตอบ จนดิฉันรู้สึกผิด



คิดว่าหยอกเขาแรงไปหน่อยจนทำให้เขาไม่สบายใจ พลอยหลบหูหลบตา ไม่พูดเล่นกับดิฉันไปตั้งหลายวัน

มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนบ่ายๆ ดิฉันกำลังหิว ตอนนั้นเพิ่งเป็นวันที่สองที่ย้ายเข้ามา...พอดีได้ยินเสียงรถเข็นขายเกี๊ยวบะหมี่


เลยรีบวิ่งออกมาที่ระเบียงชั้นสอง ตะโกนเรียกเขาดังๆ



ปรากฏว่าสองคนผัวเมียคนขายเกี๊ยวบะหมี่สะดุ้งโหยง ทำท่าจะวิ่งหนี จนดิฉันต้องเรียกซ้ำ พวกเขาถึงถอยกลับมาพลางหัวเราะเสียงพิกลๆ

ดิฉันได้ยินเขาพูดกันว่า...ตกใจหมดเลย!!

ที่จริงก็ไม่แปลก บ้านนี้คงปล่อยว่างอยู่นาน จู่ๆ มีผู้หญิงโผล่พรวดออกมาที่ชั้นสอง พวกเขาก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา



....แต่สิ่งที่ไม่ธรรมดาเริ่มเกิดขึ้นเมื่อดิฉันมาอยู่ได้ราวสัปดาห์เดียว!



คืนนั้น เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ เรา...พ่อ แม่ ลูกก็ดูทีวีด้วยกันในห้องชั้นล่าง ส่วนชั้นบน เพื่อเป็นการประหยัดไฟมันก็ดูมืดสนิท

ขณะกำลังเพลินๆ ลูกตั้มของดิฉันก็เงยหน้าขึ้นจากกระดาษที่กำลังวาดรูปเล่น แล้วจ้องเขม็งไปที่บันไดที่ทอดขึ้นสู่ความมืด



แกจ้องนานผิดปกติของเด็กวัยสี่ขวบ...



ดิฉันถามว่า...มีอะไรเหรอลูก?

ตั้มบอกว่า...มีเด็กสองคนอยู่ที่นั่นละแม่!

ดิฉันไม่ได้ตกใจแม้แต่น้อย คิดว่านั่นเป็นเงาของตัวแกเอง อาจจะสะท้อนจากแสงทีวีขึ้นไปก็ได้...เด็กตัวแค่นี้จินตนาการเก่งออกจะตายไป



เมื่อคิดเช่นนั้นดิฉันจึงพูดออกไปว่า ไม่มีใครหรอก!



แต่น้องเตย - ลูกสาวอายุ 6 ขวบกลับพูดสวนขึ้นทันทีว่า...แม่คะ มีเด็กอยู่ข้างบนนั่นจริงๆ นะ เขาอยู่ก่อนเราจะมาเสียอีก!

สามีมองหน้าดิฉัน...เล่นเอาขนลุกซ่าอยู่เหมือนกัน

บ้านนี้มีสามห้องนอน แต่เราสี่คนพ่อแม่ลูกนอนรวมกันอยู่ในห้องเดียว เตียงใหญ่ของเราชิดฝาผนังด้านใน


น้องตั้มชอบนอนชิดผนัง ดิฉันนอนใกล้แก แล้วก็เป็นน้อยเตย



ส่วนสามีนอนริมนอกสุด หน้าต่างสองบานอยู่ตรงข้ามกับเตียง และอีกสองบานอยู่ทางด้านปลายเตียง

เราเปิดพัดลมนอน หน้าต่างทั้งหมดก็เลยเปิดกว้างไว้ แต่มีมุ้งลวดเรียบร้อยนะคะ ไม่งั้นยุงเล่นงานตายแน่



ดิฉันพยายามไม่คิดจริงจังกับเด็กสองคนที่ลูกๆ บอก



แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายามดึกสงัดบางคืน เคยได้ยินเสียงเหมือนเด็กเล็กๆ วิ่งเล่นกันอยู่นอกห้องนอน เล่นเอาใจไม่ดีไปเหมือนกัน

คืนหนึ่งราวสองยาม ดิฉันรู้สึกตัวตื่น มันเป็นเพราะตั้มขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ดิฉันงัวเงียลืมตาดูแก ก็เห็นว่าตั้มจ้องไปที่หน้าต่าง อ้าปากนิดๆ คล้ายจะงุนงงต่อภาพที่เห็น



"แม่ๆ เด็กนั่นอยู่นอกหน้าต่าง แม่ดูซิ!"



ดิฉันเอามือปิดปากลูก ไม่กล้าหันไปดู แต่ดึงตัวแกลงนอนแล้วกอดไว้แนบอก...ช่างเขาเถอะลูก หลับซะ!

นั่นเป็นครั้งแรกที่ดิฉันกลัวจนจับจิตจับใจ พอรุ่งขึ้นก็บอกสามีว่าย้ายบ้านเถอะ ขืนอยู่ต่อประสาทกินตาย ลูกๆ พากันมองเห็นอะไรน่าขนหัวลุกก็ไม่รู้...เห็นสิ่งที่ดิฉันมองไม่เห็นเลย



สามีดิฉันก็ดีใจหาย เขารีบหาบ้านหลังใหม่ทันที แต่มันหาไม่ได้ง่ายๆ หรอกค่ะ



ระหว่างรอย้ายบ้านใหม่ ประมาณหนึ่งสัปดาห์จากนั้น ดิฉันมักจะฝันถึงผู้หญิงคนหนึ่ง แต่งชุดดำ ผมซอยสั้น

อายุราวสามสิบต้นๆ เธอจูงเด็กผู้หญิงสองคน รุ่นราวคราวเดียวกับลูกดิฉัน...ทั้งสามคนในฝันนั้นหน้าเศร้ามาก



ในที่สุด เราก็ได้ย้ายไปอยู่ที่ใหม่!



ดิฉันได้ความรู้จากเจ้าของร้านชำว่า บ้านนี้เมื่อก่อนเป็นของนักธุรกิจสาวคนหนึ่ง เธออยู่กับสามีและลูกสาวสองคน

วัยกำลังน่ารัก แต่ธุรกิจเธอล่มจมเพราะพิษเศรษฐกิจ เธอจบชีวิตตัวเองกับลูกน้อยที่ห้องนอนชั้นสอง


ด้วยการผสมยาพิษกับนมให้ลูกดื่ม



แล้วตัวเธอเองก็ดื่มน้ำยาฆ่าหญ้าตายพร้อมลูกๆ

มันเป็นเรื่องน่าเศร้าและสยดสยองที่สุด ดิฉันทำบุญให้แม่ลูกทั้งสาม แต่จนแล้วจนรอด กระทั่งบัดนี้ดิฉันก็ยังไม่หายกลัวผี...ตอนนี้เชื่อแล้วค่ะว่าผีมีจริง!




แหล่งที่มา:


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์