โลกของวิญญาณที่เรือนสีฟ้า


โลกของวิญญาณที่เรือนสีฟ้า

"โสมส่องแสง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากเรือนสีฟ้า



คืนนั้น ดิฉันกับลูกสาววัยรุ่นยืนอยู่ที่หน้าต่างห้องกินข้าว

เรากำลังจ้องมองปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นที่เรือน "อาชื่น" ด้วยใจระทึก!

เรือนไม้หลังเล็กชั้นเดียวทาสีฟ้า ปลูกอยู่ในขอบรั้วเดียวกันย่านกล้วยน้ำไทห่างจากตัวบ้านเราไปแค่สิบกว่าเมตร



ตอนนี้มันปิดไว้ทั้งหลังเพราะอาชื่นผู้อยู่ที่นั่นมาตลอดสิบปี



เพิ่งจะเสียชีวิตไปเดือนกว่าๆ นี่เอง

ปกติมันจะเงียบและมืด แต่เมื่อราวสามทุ่มกว่าๆ ตอนที่สาวใช้สองคนช่วยกันเก็บโต๊ะอาหาร ล้างถ้วยล้างจาน

ดิฉันกับลูกเตรียมตัวจะขึ้นนอน เราก็เห็นแสงไฟนีออนสว่างจ้า ลอดออกมาทางช่องลมหน้าต่างห้องนอนของอาชื่น ไฟนั่นสว่างก็ดับวูบ



ราวสักห้าวินาทีแล้วก็ดับ ก่อนจะเปิดใหม่



เปิด-ปิด อยู่แบบนี้มานานเกือบสิบนาทีแล้ว!

"เอาไงดีคะ?" สาวใช้ที่ชื่อคำถามอย่างกลุ้มใจ ดิฉันได้แต่ทำตาปริบๆ นี่สามีก็เพิ่งไปดูงานที่เยอรมันเมื่อวานนี้ อีกตั้ง 7-8 วันแน่ะค่ะกว่าจะกลับ

บ้านเรามีแต่ผู้หญิงสี่คน...ทุกคนก็กระจุกตัวกันอยู่ที่ห้องกินข้าวนี่ ไม่มีใครกล้าแยกวงไปไหนเพราะกลัวผีขึ้นมาจับใจ



ไฟนีออนที่เปิด-ปิด เป็นจังหวะในห้องนอนของคนที่เพิ่งเสียชีวิต



แหม...มันหลอนจริงๆ ค่ะ คิดดูเถอะ

เราต้องทำอะไรสักอย่าง อาการเพี้ยนๆ ของไฟนีออนอาจเกิดจากสวิตช์มันเสียก็ได้ กระแสไฟทำท่าจะลัดวงจรขนาดนี้ ขืนปล่อยไว้เดี๋ยวไฟไหม้บ้านแย่เลย!

"ไฟมันคงชอร์ต หรืออะไรสักอย่างน่ะ" น้องแวว - ลูกสาวดิฉันพูดอย่างปลอบใจ "เราไปดูกันเถอะแม่"



ดิฉันสะดุ้ง คิดถึงสามีอย่างจับใจ!



อาชื่นเป็นคุณอาสามีดิฉันเอง ท่านอายุ 70 และไม่ค่อยแข็งแรงมาตั้งแต่ยังสาวๆ ก็เลยอยู่ตัวคนเดียว ไม่ได้แต่งงาน

เมื่อก่อนทำธุรกิจดอกไม้ส่งออกกับเพื่อน โดยตัวเองไปอยู่ไร่ดอกไม้ที่เชียงรายโน่น ดูจะมีความสุขมากๆ ค่ะ



จนกระทั่งเมื่อสิบกว่าปีก่อน เพื่อนก็เสียชีวิตลง



ลูกหลานเข้ามาแทรกแซงธุรกิจจนมีเรื่องผิดใจกัน อาชื่นเสียใจ เป็นทุกข์แสนสาหัส บอกว่าถูกโกงกิจการไปจนหมดตัว

จากนั้น สามีดิฉันซึ่งเป็นแพทย์ก็ชวนอาชื่นมาอยู่ด้วยกัน จะได้ดูแลอย่างใกล้ชิด ท่านเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วค่ะ เก่งนะคะที่มีอายุยืนยาวมาถึงขนาดนี้...


แต่ในที่สุดก็ต้องจากเราไปจนได้...อาชื่นเสียชีวิตที่โรงพยาบาลค่ะ



ไม่ได้เสียที่เรือนนี้หรอก จะว่าไปแล้วพวกเราก็ไม่น่าจะกลัวผีอาชื่น จริงไหมคะ?

พอลูกสาวเอ่ยปากชวนให้ไปจัดการกับไฟดวงนั้น ดิฉันก็ต้องทำเป็นใจแข็ง...แหม! จะให้ลูกกับคนใช้รู้ได้ไงล่ะคะ ว่าเรากลัวจะแย่อยู่แล้ว!

น้องแววคนเก่งเดินนำหน้า ทำท่าจะเปิดประตูห้องกินข้าว ซึ่งเป็นทางเดินตรงไปยังเรือนสีฟ้าของอาชื่น ดิฉันกับสาวใช้รีบตามเธอไป



ใจน่ะห่วงลูก ส่วนสาวใช้ทั้งคู่ไม่ยอมห่าง...ยังไงๆ ก็ขออยู่กันให้ครบหน้าครบตา



"เดี๋ยวแม่เอากุญแจก่อนนะ" ดิฉันนึกได้ แล้วกลับไปหยิบกุญแจที่เก็บไว้ในกล่องหลังตู้ไว้ถ้วยชาม

ก่อนจะสูดลมหายใจยาว แล้วเป็นฝ่ายเดินนำลูกกับสาวใช้ไปที่นั่น...ดิฉันรีบเดินเร็วๆ เลยค่ะ เรียกกำลังใจไว้ก่อน แต่เนื้อตัวเย็นวูบวาบไปหมด



โธ่...ก็กลัวแสนกลัวน่ะซีคะ!



ไฟนีออนยังเปิด-ปิดเป็นจังหวะอย่างน่าสยอง พอก้าวขึ้นเรือน อากาศเย็นยะเยือกลงดื้อๆ ดิฉันกลืนน้ำลาย

เสียววาบไปตามไขสันหลัง แข็งใจทำมือบอกให้ทุกคนเงียบ...ฟังซิ! เสียงกดสวิตช์ไฟดังแชะ-ไฟเปิด! แชะ-ไฟปิด!



เท่านั้นละค่ะ ทุกคนเลิกไว้ท่า ต่างคนต่างหันกลับแล้วโกยแน่บ



ดิฉันโทรศัพท์เรียกการไฟฟ้าฉุกเฉิน บอกให้เขามาดูความผิดปกติของไฟฟ้าในบ้าน แหม!

เมื่อกี้ทำไมไม่คิดจะเรียกเขาก็ไม่รู้ซี...พอเขามาถึงในราว 20 นาทีต่อมาปรากฏว่าไฟนีออนในห้องอาชื่นเปิดโร่ ไม่ใช่เปิดๆ ปิดๆ หรือทำอะไรแผลงๆ เลย



ช่างไฟตรวจดูให้อย่างถี่ถ้วน แล้วบอกว่าแปลกมาก



ไม่เคยเจอกรณีนี้มาก่อน ตรวจแล้วทุกอย่างเรียบร้อยปกติดีมาก...แต่จิตใจดิฉันไม่ปกติแล้วค่ะ

ในที่สุด ดิฉันก็ขอให้เขาตัดไฟจากบ้านนั้นเสียเลย เพราะเราคงไม่ได้ใช้อีกแล้วละ! เผยอๆ พอสามีกลับมา


ดิฉันอาจจะเสนอให้เขารื้อเรือนนี้ เพราะมันก็เก่าน่าดูแล้วเหมือนกัน



ใครมีเรือนไม้เก่าแก่นี่ต้องดูแลเป็นพิเศษ แต่เราเองไม่ค่อยมีเวลาหรอกค่ะ

คืนนั้น พอช่างไฟกลับไปแล้ว น้องแววถามว่า ถ้าไฟเปิดเองอีกจะทำยังไง?

แหม...ถามอะไรอย่างนั้นก็ไม่รู้ คนยิ่งกลัวๆ อยู่ ว่าแต่ไฟเปิด-เปิดเองได้อย่างไร? เสียงกดสวิตช์ดังแชะๆ นั่นมันอะไรกัน? ถ้าเป็นผีจริงละก้อ...ผีใครคะ?



อาชื่นเหรอ...ท่านจะมาบอกอะไรเรานะ?



ในใจดิฉันมีแต่คำถาม และเมื่อสามีกลับมาเราก็คุยกันเรื่องนี้ เขาตอบว่าแม้เขาจะเป็นหมอ เขาก็เชื่อเรื่องวิญญาณ

และมีความลับจะบอก...นั่นคือ ก่อนเสียชีวิต อาชื่นกับเขาเคยคุยกันเล่นๆ อาชื่นบอกให้เขาเชื่อว่าวิญญาณมีจริง จะได้มีกำลังใจทำความดี!



สามีดิฉันพูดเป็นทำนองว่าไม่เชื่อว่า คนเราตายแล้ว



ยังจะมีชีวิตอยู่หลังความตาย อาชื่นพูดว่า "คอยดูแล้วกัน! แล้วท่านก็ยิ้ม...ยิ้มเยือกเย็นจนสามีดิฉันขนลุกไปทั้งตัว

ป่านนี้ อาชื่นคงยิ้มแป้นอยู่บนสวรรค์แล้วละค่ะ ที่ทำให้เราเชื่อได้ว่า ถึงตายไปแล้ว ชีวิตก็ยังดำเนินต่อไป...ในรูปแบบอื่น...ในโลกของวิญญาณ!!




แหล่งที่มา:


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์